การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพ ปัญหา และปัจจัยที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาแบบองค์รวม 2) ศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีจากสถานศึกษาที่มีลักษณะการจัดการศึกษาแบบ องค์รวม 3) นำเสนอรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม และ 4) ประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะนำไปใช้ แหล่งข้อมูลที่นำมาใช้ใน การวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ วารสาร แนวคิด ทฤษฎี หนังสือ ตำรา บทความวิชาการ งานวิจัย ผู้ให้ข้อมูลที่จะนำมาใช้ประกอบในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และกรรมการสถานศึกษา จำนวน 20 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์ การประชุมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ และการประเมินรูปแบบ สถิติที่ใช้ในงานวิจัยเพื่อใช้สังเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพ ปัญหา และปัจจัยที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาแบบองค์รวม 1.1) สภาพการจัดการศึกษาแบบองค์รวมยังติดอยู่ในกรอบนโยบายจากส่วนกลาง 1.2) ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการศึกษายังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างอิสระในด้านนโยบายการศึกษา ด้านการบริหารการศึกษา ด้านหลักสูตรการศึกษา ด้านการเรียนการสอน และด้านเครือข่ายการศึกษา 1.3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาแบบองค์รวม พบว่า ปัจจัยภายใน ได้แก่ 1) ด้านวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ด้านหลักสูตรของสถานศึกษา 3) ด้านสมรรถนะครูผู้สอน 4) ด้านทรัพยากรทางการศึกษา 5) ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคม และ 6) ด้านบรรยากาศภายในสถานศึกษา และปัจจัยภายนอก ได้แก่ 1) ด้านระบบราชการเพื่อการศึกษา 2) ด้านการเมืองเพื่อการศึกษา 3) ด้านเศรษฐกิจยุคใหม่เพื่อการศึกษา 4) ด้านวัฒนธรรมเพื่อการเรียนรู้ และ 5) ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา 2) แนวปฏิบัติที่ดีจากสถานศึกษาที่มีลักษณะการจัดการศึกษาแบบองค์รวม
พบว่า สถานศึกษาทางเลือกมีความอิสระในการดำเนินการมากกว่า สถานศึกษาแบบก้าวหน้า 3) การนำเสนอรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ความเป็นมา ความสำคัญ หลักการ วัตถุประสงค์ ส่วนที่ 2 ปัจจัย กระบวนการ ผลผลิต ผลลัพธ์ และส่วนที่ 3 แนวทางการนำรูปแบบไปใช้ และ 4) ผลการประเมินรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม ที่พัฒนาขึ้น พบว่า มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ที่จะนำไปปฏิบัติในสถานศึกษา และเกิดประโยชน์ ในการจัดการศึกษา
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทรรศนะและข้อคิดเห็นในบทความวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มิใช่เป็นทรรศนะและความคิดของผู้จัดทำจึงมิใช่ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มา
เอกสารอ้างอิง
Buason, R. (2011). kānwičhai læ kānphatthanā nawattakam kānsưksā [Research and development of educational innovations]. Nakhon Sawan: Rimping Printing Press.
Khammani, T. (2009). rūpbǣp kān rīan kānsō̜n thāng lư̄ak thī lāklāI [Alternative teaching style]. Bangkok: Chulalongkorn University.
Kiatchai, A. (2012). kānsưksā krasǣ lak læ kānsưksā thāng lư̄ak [Mainstream and alternative studies]. Ramkhamhaeng Research Journal, Special Issue, Thesis. 29(1), 170-178.
McPherson, G. (2017). kānsưksā Niu Sīlǣn (ENZ). māttrathān prōkrǣm læ rōngrīan læ khantō̜n kāndamnœ̄n kān [Education New Zealand (ENZ). Programs and school’s standards and implementation procedures]. Retrieved from https://campus.campus-star.com/education/145576.html.
Office of the Basic Education Commission. (2009). ēkkasān prakō̜p kān prachum khrōngkān lot wēlā rīan phœ̄m wēlā rū [Documents for meeting project to reduce study time, increase learning time]. Bangkok: Office of the Basic Education Commission.
Office of the Education Council. (2016). nǣonōm phāp ʻanākhot kānsưksā læ kānrīanrū khō̜ng Thai [Trends in the future of education and learning in Thailand]. Bangkok: senchuri.
Pidchapan, W. (2021). rūpbǣp kānprayukchai theknōlōyī samō̜ng kon fang tūa phư̄a phatthanā khrōng ngān khō̜mphiutœ̄ tām nǣo sa tem sưksā [A model of embedded technology application for developing stem computer project]. Journal of Graduate Studies Valaya Alongkron Rajabhat University. 15(3), 192-207.
Somchai, A. (2012). kānbō̜rihān čhatkān kānsưksā thāng lư̄ak nai sathān sưksā čhangwat khō̜n kǣn: phahu kō̜ranī sưksā [Management of alternative education in educational institutions in Khon Kaen Province: a multi-case study]. Master of Education Thesis graduate school Khon Kaen University.
Siphawong, S., Phatsichirakun, C. & Wirakunthewan, S. (2015). rūpbǣp kānbō̜rihān phư̄a phatthanā khrū sathān sưksākhan phư̄nthān nai kānčhat tham nūai kānrīanrū samrap laksūt thō̜ngthin dōi kānrīanrū būranākān bǣp ʻong rūam. Burī Ram [Management model to develop teachers in basic education in the preparation of learning units for local courses by learning holistic integration]. Buriram Rajabhat University.
