การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาร่วมกับ กระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกส์เพื่อเสริมสร้างการรู้ทางทัศนะและการสร้างสรรค์สำหรับนักศึกษาศิลปศึกษา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาร่วมกับกระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกส์เพื่อเสริมสร้างการรู้ทางทัศนะและการสร้างสรรค์สำหรับนักศึกษาศิลปศึกษา 2) ศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาร่วมกับกระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกส์เพื่อเสริมสร้างการรู้ทางทัศนะและการสร้างสรรค์สำหรับนักศึกษาศิลปศึกษา และ 3) นำเสนอรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาร่วมกับกระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกส์เพื่อเสริมสร้างการรู้ทางทัศนะและการสร้างสรรค์สำหรับนักศึกษาศิลปศึกษา ตัวอย่างการวิจัย คือ นักศึกษาศิลปศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการของอาจารย์และนักศึกษาศิลปศึกษา 2) แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบอินโฟกราฟิกส์ 3) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ฯ 4) แบบทดสอบการรู้ทางทัศนะแบบปรนัยและอัตนัย 5) เกณฑ์การประเมินแบบทดสอบการรู้ทางทัศนะแบบอัตนัย 6) เกณฑ์การประเมินผลงานอินโฟกราฟิกส์ 7) สื่อการเรียนรู้ออนไลน์เรื่อง “อินโฟกราฟิกส์” วิเคราะห์ผลข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติบรรยายและการวิเคราะห์ t-test dependent วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพดำเนินการด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยกิจกรรมตามกระบวนการออกแบบ 3 ขั้นตอน คือ (1) กิจกรรมการเตรียมความพร้อมและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อการออกแบบ (2) กิจกรรมการออกแบบ ร่างภาพและสร้างผลงาน (3) กิจกรรมการเผยแพร่ผลงาน และมีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ ดังนี้ (1) รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (2) เครื่องมือทางปัญญา (3) วิธีการเรียนการสอนตามกระบวนการออกแบบอินโฟกราฟิกส์ (4) สื่อและทรัพยากรสนับสนุนการเรียนรู้ และ (5) การประเมินผลการเรียนรู้ 2) ผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น พบว่า 2.1) ผลการรู้ทางทัศนะของนักศึกษาศิลปศึกษาที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเฉลี่ยการรู้ทางทัศนะหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2) ผลงานอินโฟกราฟิกส์มีคะแนนการสร้างสรรค์ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับดีเยี่ยม 2.3) ผลการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาหลังการทำกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละครั้ง พบว่ากิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในชั้นเรียนปกติและการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้กระบวนการตามรูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้น เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาและช่วยเสริมสร้างการรู้ทางทัศนะให้กับนักศึกษา 3) ผลการนำเสนอรูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้นพบว่าผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน มีระดับความคิดเห็นว่าภาพรวมของรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมสามารถนำไปใช้ได้
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทรรศนะและข้อคิดเห็นในบทความวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มิใช่เป็นทรรศนะและความคิดของผู้จัดทำจึงมิใช่ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มา
เอกสารอ้างอิง
Burry-Stock, J. A., Shaw, D. G., Laurie, C., & Chissom, B. S. (1996). Rater agreement indexes for performance assessment. Educational and Psychological Measurement. 56(2), 251-262.
Davies, D., Jindal-Snape, D., Collier, C., Digby, R., Hay, P., & Howe, A. (2013). Creative learning environments in education - A systematic literature review. Thinking Skills and Creativity, 8, 80-91.
Hattwig, D., Bussert, K., Medaille, A., & Burgess, J. (2013). Visual literacy standards in higher education: New opportunities for libraries and student learning. portal: Libraries and the Academy. 13(1), 61-89.
Hsin-Te Yeh, Y.-C. C. (2010). The influence of the instruction of visual design principles on improving pre-service teachers’ visual literacy. Computers & Education. 54(2010), 244–252.
Islamoglu, H., et al. (2015). Infographics: A new competency area for teacher candidates. Journal of Educational Sciences. 10(1), 32-39.
Kanjanawasee, S. (2013). thritsadī kānthotsō̜p bǣp dangdœ̄m [Theory of Traditional Test]. Bangkok: Faculty of Education. Chulalongkorn University.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 3(30), 607-610.
Krum, R. (2014). Cool Infographic: Effective Communication with Data Visualization and Design. John Wiley & Sons.
Matrix, S., & Hodson, J. (2014). Teaching with Infographics: Practicing New Digital Competencies and Visual Literacies. The Journal of Pedagogic Development. 4(2).
McTigue, E. M., & Flowers, A. C. (2011). Science visual literacy: Learners' perceptions and knowledge of diagrams. The Reading Teacher. 64(8), 578-589.
Office of National Economic and Social Development Council. (2016). phǣn phatthanā sētthakit læ sangkhom hǣng chāt chabap thī sipsō̜ng 2560 – 2564 [National economic and social development plan, 12th edition, 2017 – 2021]. Retrieved from http://www.nesdc.go.th
Piksoot, J. C. T. S. J. (2012). Developing Student’s Visual Literacy in a Virtual Modelling Environment. Paper presented at the eLearning and Software for Education, Bucharest.
Sadik, A. (2009). Improving pre-service teachers' visual literacy through flickr. Procedia Social and Behavioral Sciences 1 (World Conference on Educational Sciences 2009), 91–100.
Sharma, P. (2010). Blended learning. ELT journal. 64(4), 456-458.
Whitney, D. R., & Sabers, D. L. (1970). Improving essay examinations III: Use of item analysis. Iowa City: University of Iowa, University Evaluation and Examination Service (Technical Bulletin No. 11).
Yang, H. H. (2013). An Integrated Approach to Developing Visual Literacy. In S. K. S. C. e. al. (Ed.), Hybrid Learning and Continuing Education (pp. 219-231). USA: Springer.
Yeh, H., & Lohr, L. (2010). Towards evidence of visual literacy: Assessing pre-service teachers’ perceptions of instructional visuals. Journal of Visual Literacy. 29(2), 183-197.
