ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. ของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา า
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 2) ศึกษาปัจจัยด้านคุณลักษณะและประสบการณ์ของบุคคล และปัจจัยด้านอารมณ์และความคิด ของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และ 3) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างคือ บุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 293 คน สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนจาก 10 หน่วยงาน เก็บรวบรวบข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติจำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด และค่าต่ำสุด การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยการทดสอบไคสแควร์ การทดสอบของฟิชเชอร์ สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ โดยวิธี Stepwise
ผลการวิจัยพบว่า 1) บุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา มีพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 45.10 (S.D. = 6.19) 2) บุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 59.0 มีอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 31.7 (min = 20, max = 59, mean = 37.98, SD = 9.34) มีดัชนีมวลกายส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 18.50-22.90 ก.ก./ตร.ม. (น้ำหนักปกติ) ร้อยละ 36.9 (min = 16.40, max = 43.86, mean = 24.76, S.D. = 5.03) ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 81.2 สถานภาพสมรสส่วนใหญ่คือโสด ร้อยละ 50.5 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับปริญญาตรี ร้อยละ 55.3 ระยะเวลาการทำงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 1-10 ปี ร้อยละ 75.1 (min = 1, max = 36 mean = 7.18, S.D. = 7.19) มีคะแนนการรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพสูง โดยการรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ อยู่ในเกณฑ์ดี (mean = 53.19, S.D. = 6.77) และแรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ อยู่ในเกณฑ์ดี (mean = 31.02, S.D. = 5.12) และ 3) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ เพศ อายุ การรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้อุปสรรคของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และการรับรู้สมรรถนะของตนเองต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยร่วมกันอธิบายความสัมพันธ์ได้ร้อยละ 23.5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการวางแผนและจัดกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพแก่บุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยคำนึงถึงกิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุและเพศ เพื่อให้ตรงกับความสนใจและสมรรถนะของกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรเพศหญิงควรสนับสนุนให้มีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่เหมาะสมและต่อเนื่อง
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทรรศนะและข้อคิดเห็นในบทความวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มิใช่เป็นทรรศนะและความคิดของผู้จัดทำจึงมิใช่ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มา
เอกสารอ้างอิง
Charoenbundith, N. (2016). patčhai thī mī khwāmsamphan kap phrưttikam kānsāng sœ̄m sukkhaphāp khō̜ng ʻāsāsamak sāthāranasuk pračham mūbān (อสม.) [Factors related to health promoting behaviors among village health volunteers]. Master’s thesis. Burapha University.
Jehtae, S. (2017). patčhai thī mī ʻitthiphon tō̜ phrưttikamkān sāngsœ̄m sukkhaphāp khō̜ng bukkhalākō̜n khrū sangkat samnakngān khēt phư̄nthī kānsưksā prathom sưksā čhangwat pattānī [Factors Influencing Health Promoting Behaviors of Teachers under the Supervision of the Primary Educational Service Area, Pattani Province]. Master’s thesis. Songkla University.
Keawwandee, K., Siriswang, W. & Katunyu, G. (2013). patčhai thī mī khwāmsamphan kap phrưttikam kāndūlǣ sukkhaphāp tonʻēng khō̜ng prachāchon klum sīang rōk khwām dan lōhit sūng rōngphayābān songsœ̄m sukkhaphāp tambon nō̜ng yāo ʻamphœ̄ wīang nō̜ng lō̜ng čhangwat lamphūn [Factors Related to Self-care Behaviors in Hypertensive Risk Groups from Nongyoung Health Promotion Hospital Wiangnonglong District, Lamphun Province]. In rāingān sư̄p nư̄angčhāk kān prachum sammanā wichākān kānnam sanœ̄ ngānwičhai radap chāt læ nānā chāt khrư̄akhāi bandit sưksā mahāwitthayālai rātchaphat phāk nư̄a khrang thī siphā [Repports from conferences, seminar, research presentations, national and international, network of graduate studies 15th Northern Rajabhat University. (pp.13-23). Nakhon Swan Province: Nakhon Swan Rajabhat.
Kongsamarn, N. & Pumglin, P. (2016). patčhai thī mī khwāmsamphan kap phrưttikam sāngsœ̄m sukkhaphāp khō̜ng rǣngngān nai sathānprakō̜pkān ʻamphœ̄ khao yō̜i čhangwat phet burī [Factors related to health promoting behaviors of industrial workers, Khaoyoi District, Petchaburi Province]. Journal of the office of DPC 7 Khon Kaen. 23(1), 62-75.
Pender, N. J., Murdaugh C. L., & Parsons M. A. (2011). Health promotion in nursing practice (6 thed.). New Jersey: Pearson/ Prentice Hall.
Reamrimmadun, Y. & Kumsri, S. (2018). patčhai thī mī khwāmsamphan tō̜ phrưttikamkān sāngsœ̄m sukkhaphāp khō̜ng rǣngngān tāngdāo nai čhangwat cha chœ̄ng thē rā [Factors Related to Health Promotion Behavior by Foreign Workers in Chachoengsao Province]. HCU Journal. 21(42), 79-91.
Saychana, S., Supametaporn, P. & Tangkawanich, T. (2018). patčhai nāi phrưttikam sāngsœ̄m sukkhaphāp wai ngān thī mī phāwa khaiman nai lư̄at phit pakati [Predicting Factors of Health Promoting Behaviors among Working-age adults with Dyslipidemia]. Nursing Journal. 45(3), 23-34.
Sirichote, P. (2017). patčhai thī song phon tō̜ kān patibat tām nayōbāi lot phung lot rōk dūai lak sām A. khō̜ng bukkhalākō̜n rōngphayābān mahārāt Nakhō̜n Rātchasīmā [Factors affecting practice according to the policy on lower belly to reduce disease by 3 basic elements principle of Maharat Nakhon Ratchasima hospital personal. Master’s thesis. Nakhon Ratchasima Rajabhat University.
Wattanasirichaigoon, S. (2007). tamrā wichākān sukkhaphāp kān khūapkhum kān bō̜riphōk yāsūp samrap bukkhalākō̜n læ naksưksā wichāchīp dān sukkhaphāp [Health textbook, tobacco consumption control for personnel and health professional students]. Bangkok: Thai Health Professional Alliance against Tobacco.
Wunnapake, J. (2018). khwāmsamphan rawāng khwām chalāt thāng sukkhaphāp læ patčhai sūan bukkhon kap phrưttikam sukkhaphāp nai klum sīang rōk khwām dan lōhit sūng tambon talāt ʻamphœ̄ mư̄ang čhangwat Nakhō̜n Rātchasīmā [Relationship between health intelligence and personal factors and health behaviors of the hypertention risk group in Talad sub-district, Muang district, Nakhon Ratchasima]. Master’s thesis. Nakhon Ratchasima Rajabhat University.
