ความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้การสอนเชิงรุกอาคีตะโมเดลในประเทศไทย

Main Article Content

ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (Paitoon Sinlarat)
เฉลิมชัย มนูเสวต (Chalermchai Manoosawet)
วาสนา วิสฤตาภา (Wasana Wisaruetapa)

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อวิเคราะห์สังเคราะห์ที่มา ขั้นตอนการดำเนินงานเกี่ยวกับอาคีตะโมเดล 2) ศึกษากระบวนการวิธีการและการดำเนินงานของอาคีตะโมเดล
3) วิเคราะห์สภาพแวดล้อมและคาดการณ์ความสำเร็จที่จะนำมาใช้ในประเทศไทย 4) ประมวล วิเคราะห์ สังเคราะห์กระบวนการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้  ในส่วนวิธีการวิจัย ดำเนินการวิจัยโดยการศึกษาดูงาน สัมภาษณ์พูดคุย ทำการทดลองและจัดสนทนากลุ่ม กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วยนักการศึกษา ครู ผู้ปกครอง/ประชาชนและนักเรียนของประเทศไทยและจังหวัดอาคีตะ   


            ผลการศึกษาพบว่า อาคีตะโมเดลมีจุดมุ่งหมาย คือ การค้นพบปัญหาด้วยตนเอง สามารถสื่อสาร มีปฏิสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ตั้งข้อสังเกตในการเรียนรู้ 2) มีความคิดของตนเอง  3) อภิปรายกันเป็นคู่/กลุ่ม/ชั้นเรียน 4) ทบทวนเนื้อหาและวิธีการเรียนรู้ การนำอาคีตะโมเดลมาใช้ ครูไทยต้องปรับทัศนคติในการสอน ต้องให้เด็กดำเนินกระบวนการเรียนรู้ในชั้นเรียนแทนครู ครูไทยต้องปรับบทบาท ต้องทำให้เด็กอยากรู้ด้วยตนเอง ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องการให้เด็กรู้ อยากให้แก้โจทย์ อยากให้รู้จัก ครูควรกำหนดล่วงหน้า ว่าส่วนไหนครูสอน ส่วนไหนให้เด็กอภิปรายแลกเปลี่ยนกันเอง สร้างลักษณะนิสัยให้นักเรียนฝึกคิดเอง เป็นสำคัญ ต้องสามารถสื่อสารกับคนอื่นให้เข้าใจด้วย จุดสำคัญคือการรอ ให้เวลาเด็กคิด ครูต้องรอไม่รีบเฉลย 


            การรับแนวคิดอาคีตะโมเดลมาปรับใช้ในประเทศไทยมีข้อควรตระหนักและพึงระวัง คือ การปรับเปลี่ยนแนวคิดแนวปฏิบัติเดิม ๆ เพื่อไปสู่วัฒนธรรมคุณภาพแบบญี่ปุ่น  ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่หากได้ลงมือทำทุกวิชา ทุกวัน ทุกเวลา และทุกชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง 2-3 ปี ความเปลี่ยนแปลงย่อมจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน หลักคิดสำคัญที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) ต้องรู้จักโครงการให้ละเอียด 2) เรียนรู้และทำความเข้าใจกับสภาพจริง 3) ทำไปประเมินไป 4) เข้าใจบริบทวัฒนธรรมกระบวนการหลัก และ 5 กระบวนการได้อย่างเหมาะสม  5) Lesson Study เป็นหัวใจของการดำเนินส่วนวิธีการรับแนวคิดมี 6 ขั้นตอนใหญ่ คือ 1) เรียนรู้จากการมาเยือน เตือนใจให้คิด 2) สื่อสารสร้างสัมพันธ์กระชับมิตร 3) ร่วมจิตลองทำ นำไปปฏิบัติ 4) เรียนรู้ชัดจากของจริง 5) ประเมินทุกสิ่งจากประสบการณ์ และ 6) อย่าฝันหวานเกินไป


            การปรับวัฒนธรรมของเราให้ได้ตามแบบขอญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้โดยยาก ทางออกที่ดีน่าจะอยู่ที่ว่าเราต้องสังเกตและวิเคราะห์ออกมาให้ได้ ว่าหัวใจของสิ่งที่จะนำเข้ามาปรับใช้ คือ อะไร และปรับให้เป็นมโนทัศน์ที่เข้าใจง่าย เพื่อปรับและดำเนินการในวัฒนธรรมของเรา โดยไม่เสียหลักการของเดิมของเขา

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Akita Improvement Investigating Committee. (2017). School improvement supporting plan. Akita Prefecture: Ministry of Education, Akita Prefecture.

Sinlarat, P. (2006). kānsưksā chœ̄ng sāngsan læ phalit phāp [Creative and productive education]. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.

Sinlarat, P. (2010a). phū nam chœ̄ng sāngsan læ phalit phāp [Creative productive leader]. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.

Sinlarat, P. (Ed.). (2010b). CCPR krō̜p khit mai thāngkān sưksā [CCPR new educational framework for implementing]. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.