รูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานของครู 2) สร้างรูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 3) ตรวจสอบรูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ดำเนินการ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานของครู กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 200 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน และครู เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม ระยะที่ 2 รูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดยใช้สัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน และระยะที่ 3 การตรวจสอบรูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามตรวจสอบความเหมาะสมและความเป็นไปได้
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการจำเป็น (PNI) โดยรวมเท่ากับ 0.204 (PNImodified = 0.204)
2. รูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 หลักการของรูปแบบ 1) ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเองและด้วยตนเองของผู้เรียน 2) การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participation learning) จะเห็นว่ากระบวนการเรียนรู้ของบุคคลมีลักษณะสำคัญคือมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง และ 3) องค์กรแห่งการเรียนรู้
3. ผลตรวจสอบรูปแบบการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด และความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ธนกฤต อั้งน้อย. (2563). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูใหม่ในศตวรรษที่ 21 ตามแนวคิดโรงเรียนเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
นิเวทย์ บุญโยธา. (2550). การพัฒนาครูด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ โรงเรียนบ้านนาฝายอาเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด. (2558). การพัฒนาการวิจัยโดยใช้รูปแบบ. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 18 สิงหาคม 2566. แหล่งที่มา: https:// www.kroobannok.com/news_file/p61238851032.pdf.
เบญจมาศ วรรณปะเข. (2562). แนวทางการพัฒนาตนเองของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. 9 (2), 159-168.
พิชญา กล้าหาญ. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดกระบวนการคิดเชิงออกแบบร่วมกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความเป็นนวัตกรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
มณฑิตา สุตัญตั้งใจ. (2561). การพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ โรงเรียนหนองแวงวิทยานุกูล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 22. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
ยุพร ริมชลการ. (2555). รูปแบบการพัฒนาครูในจังหวัดเลยที่สอนคณิตศาสตร์แต่ไม่มีวุฒิทางสาขาวิชาคณิตศาสตร์. เอกสารการประชุมวิชาการ การพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน ประจําปี2555 “ชุมชนท้องถิ่น ฐานรากการพัฒนาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”, 834-839.
วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2552). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพมหานคร: แอลทีเพรส.
วิหาญ พละพร. (2558). การวิจัยและพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะด้านการวัดและประเมินการคิดสําหรับครูระดับประถมศึกษา สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2561). รายงานการประเมินคุณภาพภายนอกการศึกษารอบสาม. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2550). การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมการเกษตรสหกรณ์แห่งประเทศไทย.
อนันต์ ศรีอําไพ. (2550). เอกสารประกอบการสอนวิชา 0501702 การบริหารทรัพยากรบุคคลทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 3). มหาสารคาม: ภาควิชาการบริหารการศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
อรอุมา รุ่งเรืองวณิชกุล. (2556). การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูนักวิจัยด้วยการบูรณาการกระบวนการเรียนรู้ สําหรับข้าราชการครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2.ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.
Bender, W. N. & Waller, L. (2011). The Teaching Revolution. California: Corwin Press.
Gaible, E., & Burns, M. (2005). Using Technology to Train Teachers. Online. Retrieved July 6, 2017,from http://www.infodev.org/en/ Publication. 13.html.
Joyce, B., Weil, M., & Calhoun, E. (2010). Models of Teaching. Boston: Pearson Education.
Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities” Educational and Psychological Measurement. 30: 607–610.
Villegas-Reimers, E. (2003). Teacher Professional Development: An International Reviewof the Literature. International Institude for Educational Planning.