แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้หลักฐานเพื่อพัฒนาสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้หลักฐาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 2) ศึกษาผลการพัฒนาสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน เมื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้หลักฐานเรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้โดยใช้หลักฐาน บันทึกสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ ใบกิจกรรม และแบบวัดสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคำนวณหาค่าทางสถิติ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์ขข้อมูลเชิงเนื้อหาและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยวิธีการตรวจสอบแบบสามเส้า และคำนวณหาค่าทางสถิติ อันได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้หลักฐานควรเป็นประเด็นที่มาจากการสถานการณ์และประเด็นปัญหาที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ใกล้ตัวนักเรียนและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้รับรู้ถึงสภาพของหลักฐานและประเด็นปัญหาได้ เป็นการกระตุ้นการใช้แนวคิดของนักเรียนในการพัฒนาสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน พบว่า นักเรียนมีระดับสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืนเพิ่มจากระดับเริ่มต้นเป็นระดับเหนือความคาดหวัง โดยองค์ประกอบของสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืนที่นักเรียนมีพัฒนามากที่สุดคือ การเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกและในเอกภพ รองลงมาคือการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน การสร้าง ใช้และรู้เท่าทันวิทยาการเทคโนโลยีการสร้างและใช้เทคโนโลยี และการมีคุณลักษณะทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับการเข้าใจระบบธรรมชาติและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ตามลำดับ
Article Details
References
ชยการ คีรีรัตน์. (2562). การใช้กระบวนการแก้ปัญหาและโปรแกรม App Inventor พัฒนาทักษะการคิด
เชิงคํานวณ(Computationnal Thinking: CT) สําหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 47 (2), 31-47.
เทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย. (2539). ระเบียบวิธีวิจัย. พิษณุโลก. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ธีรดา หลงศิริ. (2561). การพัฒนาหลักสูตรสถานที่เป็นฐาน เรื่อง วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการรู้
เรื่องสิ่งแวดล้อม: กรณีศึกษาสถานที่จังหวัดระยอง. วารสารวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ. 34 (2), 221-233.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น จำกัด.
พัชราภรณ์ พุทธิกุล. (2558). การพัฒนารูปแบบการสอนสิ่งแวดล้อมศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้
หลักฐานและ การอิงสถานที่เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของเด็กอนุบาล.
วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ภัทราวดี มากมี. (2554). การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย.
(2), 103-108.
วัชราพร เชยสุวรรณ. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ: แนวคิดและการประยุกต์สู่การปฏิบัติการ.
วารสารแพทย์นาวี. 44 (3), 183-197.
ศุภกร สุขยิ่ง. (2560). การจัดการเรียนรู้แบบใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับการใช้ข่าวเป็นสื่อเรื่อง สภาพสมดุล
เพื่อพัฒนาการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญา
มหาบัณฑิต. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2564). การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะทาง
วิทยาศาสตร์. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2565. แหล่งที่มา: https://www.ipst.ac.th/news/ 28579/20220614-ipst-3i-2h.html .
สุนทร พลวงศ์. (2551). การพัฒนาการทำงานเป็นทีมของบุลคลในสังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบล
ท่าสะอาด อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). กรอบหลักสูตรสมรรถนะ
การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22 สิงหาคม 2565
แหล่งที่มา: https://cbethailand.com/
สิรินภา กิจเกื้อกูล. (2557). การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์: ทิศทางสำหรับครูศตวรรษที่ 21.เพชรบูรณ์:
โรงพิมพ์จุลดิสการพิมพ์.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์..
Darkwah, V. A. (2006). Undergraduate nursing students’ level of thinking and self-efficacy in
patient education in a context-base learning program. University of Alberta, Canada:
-336.
Eitel, F.& Steiner, S. (1999). Evidence-Based Learning. Medical Teacher, 21, 506-512.
Golding, C. (2011). Educating for critical thinking: thought-encouraging questions in a
community of inquiry. Higher Education Research & Development. 30 (3), 357-370.
Herrington, J., & Oliver, R. (2002). Authentic activities and online learning. ECU Publications:
Greenville, NC, USA, 58-60.
Katayama. (2009). Theory into practice in environmental education: Towards an Evidence-
Based Approach. Doctoral dissertation. Department of Education, University of Bath:
-244.
McNeill, K.L.,Lizotte, D.J.,and Krajcik,J. (2005). IdentifyingTeacher Practicesthat Support
Students’Explanation in Science. The annual meeting of the American Educational
Research Association, Montreal, Canada, 354-362.
NAAEE. (2011). Developing a framework for assessing environmental literacy.
Washington, DC: Author. Online : https://cdn.naaee.org/sites/default/files/inlinefiles/
devframewkassessenvlitonlineed.pdf
Petty, G. (2009). Evidence base teaching: A practical approach (2nd ed.). UK: nelson Thornes:
-258.
Sampson, V., Enderle, P., Grooms, J., and Witte, S. (2013). Writing to Learn by Learning to Write During the School Science Laboratory: Helping Middle and High School
Students Develop Argumentative Writing Skills as They Learn Core Ideas. Science
Education. 97 (5), 643-670.
The United Nations Department of Economic and social affairs. (2002). Breaking down the
barriers to sustainable development: Report of the Nation University. New York, NY:
The United Nations Development of Economic and Social Affairs.
White, B. Y. and Frederiksen, J, R. (1998). Inquiry, Modeling, and Metacognition: Making
Science Accessible to All Students. Cognition and Instruction. 16 (1), 3-118.