ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมในการทำงานกับการสร้างแรงจูงใจในองค์การ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน กรณีศึกษา บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ จังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์อิทธิพลของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 2) วิเคราะห์อิทธิพลของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน 3) วิเคราะห์อิทธิพลของแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่มีต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ จังหวัดชลบุรี จำนวน 348 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย โดยทำการศึกษาข้อมูลด้วยโปรแกรมทางสถิติเพื่อการศึกษาทางสังคมศาสตร์
ผลการทดสอบพบว่า 1) พนักงานรับรู้ความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมในการทำงาน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานในระดับมาก 2) สภาพแวดล้อมในการทำงานมีอิทธิพลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ได้แก่ สภาพแวดล้อมในการทำงานในด้านความมุ่งมั่นในการทำงาน และการสนับสนุนความมีอิสระในการทำงาน 3) สภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ได้แก่ สภาพแวดล้อมในการทำงานในด้านความมุ่งมั่นในการทำงาน การสนับสนุนความมีอิสระในการทำงาน การนำนวัตกรรมมาใช้ในงาน และความสะดวกสบายในการทำงาน และ 4) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทำงานที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ได้แก่ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทำงานในด้านความกล้าเสี่ยง ความรับผิดชอบต่อตนเอง และความมีเอกลักษณ์
Article Details
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
References
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2546). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประกายมาศ เพชรรอด. (2557). ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงาน บริษัท แอล .วาย.อินดัสตรีส จำกัด. งานนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.
ปราณี หลําเบ็ญสะ. (2559). การหาคุณภาพของเครื่องมือวัดและประเมินผล. สาขาการวัดและประเมินผล. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
พิรจิต บุญบันดาล. (2551). คุณลักษณะผู้นำยุคใหม่แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์กับประสิทธิผลองค์การ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
พูนศิริ วัจนะภูมิ และจิตตินันท์ เดชะคุปต์. (2545). จิตวิทยาการบริการ. (หน่วยที่ 1-7). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 159.
เสนาะ ติเยาว์. (2520). การบริหารงานบุคคล. กรุงเทพฯ: คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อธิป ศรีเปารยะ. (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์กรและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานโรงแรม เวสทิน แกรนด์สุขุมวิท. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. วิทยาลัยดุสิตธานี.
อุดม พินธุรักษ์. (2553). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี. 5.
Gilmer, B.V.H. (1975). Applied Psychology: Adjustment in Living and Work. 2nd ed. New York: McGraw-Hill Book. 392-393.
Judge, T. A., C. J. Thoresen, J. E Bono and G. V. Patton. (2001). The job satisfaction-Job performance relationship: a qualitative and quantitative review. Psychological Bulletin 127(3): 385-386.
McClelland, D. C. (1953). The Achievement Motive. New York: Appleton Centurycrofts.
McClelland, D. C. (1961). The Achieving Society. Princeton: D. Van Nonstrand Company, Inc.
McClelland D. C., R. Koestner and J. Weinberger. (1989). How do self-attributed and implicit motives differ. Psychological Review 96(4): 690-702.
Moos, R.H. (1994). Work environment Scale Manual. 3rd ed. Palo Alto, CA: Consulting psychologists press.
Peterson, E., and G.E. Plowman. (1953). Business Organizational and Management. Illinois: Irwin.
Pitaloka, E., and I.P. Sofia. (2014). The effect of work environment, job satisfaction, organization commitment on OCB of internal auditors. International Journal of Business, Economics and Law 5(2): 15.