รูปแบบกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการสาธารณภัยในเขตนิคมอุตสาหกรรม กรณีศึกษา: นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตีนิคมแหลมฉบัง และนิคมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และวิเคราะห์รูปแบบการบริหารจัดการสาธารณภัย ที่ใช้กำหนดเป็นแนวทางการบริหารงานในการจัดการสาธารณภัยร่วมกัน ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ที่ตั้งอยู่ในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี นิคมแหลมฉบัง นิคมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี ระเบียบวิธีวิจัยใช้การวิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยศึกษาจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการสาธารภัยในนิคมอุตสาหกรรม ในการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แบบสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูล จำนวน 15 คน เมื่อได้ผลการศึกษาเชิงคุณภาพแล้ว จะนำมาใช้เป็นแนวทางการสร้างแบบสอบถามที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 217 คน การวิเคราะห์เชิงปริมาณแปลค่าด้วย ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage), ค่าเฉลี่ย (Mean), ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และใช้การทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุถดถอย (Multiple Regression Analysis : MRA)
ผลการวิจัยพบว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการป้องกันสาธารณภัย ในเขตนิคมอุตสาหกรรม
ใน 3 อันดับแรก พบว่า การมีส่วนร่วมในการป้องกันสาธารณภัยในเขตนิคมอุตสาหกรรม และ
การบริหารจัดการสาธารณภัย โดยรวมเฉลี่ยทุกด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด โดยผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การมีส่วนร่วมโดยรวม มีความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงกับการบริหารจัดการสาธารณภัย เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า การมีส่วนร่วม ด้านการให้ข้อมูลข่าวสาร ด้านการเกี่ยวข้องกับการป้องกันสาธารณภัย ด้านการร่วมมือ และด้านการเสริมอำนาจแก่ประชาชน มีอิทธิพลกับการบริหารจัดการสาธารณภัย ที่ระดับ 0.05 โดยผลจากการศึกษานี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนางานสาธารณภัยต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น การจัดทำแผนนโยบาย/จัดระบบบัญชาการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การจัดประชุมร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การรวมตัวกันของโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น
Article Details
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
โลกร้อน. วารสารการจัดการสิ่งแวดล้อม, 12(1), 46-69.
ณัฐวุฒิ สิงห์แก้วและ อนุสรณ์ สีบุญเรือง. (2559). สาธารณภัยในประเทศไทยและการจัดการ
ความเสี่ยงจากสาธารณภัย. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย สาขา
เวียงป่าเป้า. เข้าถึงได้จากhttp://water.rid.go.th/damsafety/document/2559/
The%20article%20PDF/7.In%20disaster%20management%20and%20disaster%
20risk.pdf
ทนงสรรค์ เทียนถาวร, คเชนทร์ ปิ่นสุวรรณ และพจน์ เอมพันธุ์. (2557). การประเมินแผน
การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติของหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี :
ทีมวิจัย กระทรวงสาธารณสุข.
ทวิดา กมลเวชช. (2554). คู่มือการจัดการภัยพิบัติท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยพัฒนาการปกครอง
ท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า.
ไททัศน์ มาลา, สุนทรชัย ชอบยศ และพิศาล พรหมพิทักษ์กุล. (2557). แนวทางในการจัดการ
อุทกภัย: กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบุรี. วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 12(2), 77-105.
นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2558). การจัดการตามนโยบายรัฐเพื่อตอบสนองภัยพิบัติในประเทศไทย:
กรณีศึกษา อุทกภัย ระหว่าง พ.ศ.2485-2555. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 34(5), 61-68.
พร้อมวิชญ์ อัศวกฤษนาวิน และเวชสุวรรณ อาจวิชัย. (2559). การบริหารจัดการสาธารณภัยโดยใช้
แนวคิดประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือและทุนทางสังคมเป็นฐาน. วารสารสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 19, 122-123.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2550). แนวความคิดเกี่ยวกับการบริหารราชการ
แบบมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ: สำนักนายกรัฐมนตรี.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activi- ties”
Educational and Psychological Mea- surement, 30, 607-610.