การจัดการศึกษาพิเศษแบบเรียนรวมจากประเทศนิวซีแลนด์สู่การประยุกต์ใช้ในประเทศไทย
DOI:
https://doi.org/10.14456/jescu.2025.10คำสำคัญ:
การพัฒนาผู้เรียน, ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ, การศึกษาพิเศษแบบเรียนรวม, ผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในประเทศนิวซีแลนด์บทคัดย่อ
การพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในประเทศนิวซีแลนด์ เป็นการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมซึ่งรัฐเป็นผู้ดำเนินการบนความเชื่อที่ว่า ผู้เรียนทุกคนมีศักยภาพ มีคุณค่าต่อความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว ชุมชน และให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล บทเรียนจากประเทศนิวซีแลนด์สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ได้แก่ การจัดหลักสูตรที่บูรณาการองค์ความรู้ทางการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาพิเศษ การจัดบริการให้การช่วยเหลือระยะแรกเริ่มโดยเร็ว การจัดโปรแกรมเฉพาะสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ การสนับสนุนครูประจำชั้นให้สามารถดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษในห้องเรียนรวม มีการจัดสื่อการสอนและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประเมินผู้เรียนที่หลากหลายและให้ความสำคัญกับการประเมินเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ อันนำไปสู่การจัดการเรียนการสอนที่มีความหมายและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
กิ่งกาญจน์ บูรณสินวัฒนกุล. (2562). การพัฒนาสื่อการเรียนรู้บอร์ดเกมการศึกษาเพื่อส่งเสริมความสามารถการเรียนรู้ภายในรายวิชาพัฒนาการเรียนภาษาไทยและความสุขในการเรียนรู้สำหรับนิสิตระดับปริญญาตรี. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swufac/Hum/Kingkarn_B_R440865.pdf
ณรงค์ อัมพรภาค. (2550). การศึกษาคุณภาพการดำเนินงานจัดการเรียนร่วมของโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต 1 และ 2. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วรพล ธุลีจันทร์, สุภัทรา เอื้อวงศ์, และ ชนิศา ตันติเฉลิม. (2566). รูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ระดับปฐมวัย. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, 13(2), 163-176. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/npuj/article/view/264944/179701
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). การติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเรียนรวมสำหรับเด็กพิการ และเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ. 21 เซ็นจูรี่ 84.
สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ และ พลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง. (2556). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครูที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 3(2), 105-113. https://so01.tci- thaijo.org/index.php/ EAUHJSocSci/article/view/26884
ภาษาอังกฤษ
Jarvis, P. (2009). The routledge international handbook of lifelong learning. Routledge. https://api.pageplace.de/preview/DT0400.9781135202538_A24313221/preview-9781135202538_A24313221.pdf
Kemp, J. E. and Smellie, D. C. (1993). Planning, producing, and using instructional technologies. Harper Collins.
Ministry of Education. (2007). The New Zealand curriculum. Learning Media.
Ministry of Education. (2009). Narrative assessment: A guide for teachers. Learning Media.
Ministry of Education. (2011). Collaboration for success: Inclusive education plans. Learning Media.
Ministry of Education. (2016, October 13). The New Zealand education system. https://www.education.govt.nz/our-work/about-us/education-new-zealand/our-education-system
Ministry of Education. (2018, October 10). Technology tools for learning inclusive education. https://inclusive.tki.org.nz/guides/technology-tools-for-learning/#key-resources
Nieto, S. (2014). Diversity education: Lessons for a just world. In M. Nkomo & S. Vandeyar (Ed.), Thinking diversity, building cohesion – a transnational dialogue on education (pp. 17-39). Rozenberg Quarterly.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
