การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง ความน่าจะเป็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนจากการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 2) พัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนจากการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 3) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความน่าจะเป็น ให้นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสีชมพูศึกษา จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ จำนวน 3 วงจร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 12 แผน 2) แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบท้ายวงจร 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ท้ายวงจร 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 6) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และ 7) แบบสอบถามความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้
ผลการวิจัยพบว่า
1) นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เฉลี่ยเท่ากับ 6.96 ของคะแนนเต็ม คิดเป็น ร้อยละ 87.00 และมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 89.29 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2) นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการคิดวิเคราะห์เฉลี่ยเท่ากับ 6.96 ของคะแนนเต็ม คิดเป็นร้อยละ 87.00 และมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 89.29 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
3) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 15.54 ของคะแนนเต็ม คิดเป็นร้อยละ 86.33 และมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 85.71 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ในประเด็นคำถามทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการเรียนการสอน ด้านครูผู้สอน และด้านสื่อการเรียนการสอน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.62 ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
นงนุช เอกตระกูล. (2557). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ STEM เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (CPS) ของนักเรียนประถมศึกษา ปีที่ 6. ธนบุรี: โรงเรียนอัสสัมชัญ.
ปิยะพร พรประทุม และ วัลลภา อารีรัตน์. (2556). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ที่เน้นการคิดวิเคราะห์เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษา, 7(2), 65-73.
ประพันสิริ สุเสารัจ. (2551). การพัฒนาการคิด. กรุงเทพฯ: 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง.
ปริสา วงศ์คำพระ. (2556). ผลการใช้รูปแบบการสอนการตั้งปัญหาเสริมด้วยกระบวนการแก้ปัญหา และการเขียนบันทึกการเรียนรู้ต่อความสามารถในการแก้ปัญหาและความสามารถในการเขียนทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนสีชมพูศึกษา. (2559). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2558. ขอนแก่น: โรงเรียนสีชมพูศึกษา.
พัชรี อินทปัญญา. (2557). การพัฒนาความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วย กิจกรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ ในเนื้อหาเรื่อง ปริมาณสัมพันธ์. รายงานการวิจัย ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.
พลศักดิ์ แสงพรมศรี ประสาท เนืองเฉลิม และ ปิยะเนตร จันทร์ถิระติกุล. (2559). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงและเจตคติต่อการเรียนเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษากับแบบปกติ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 9(ฉบับพิเศษ), 401-418.
ยาใจ พงษ์บริบูรณ์. (2537). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน. ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
รักษพล ธนานุวงศ์. (2556). รายงานสรุปผลการอบรมเชิงปฏิบัติการ STEM Education, การอบรมเชิงปฏิบัติการ STEM Education. วิทยากร Prof. Mitchell Nathan, University of Wisconsin, Madison, วันที่ 10-11 มกราคม 2556, กรุงเทพฯ: ม.ป.ป.
สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์. (2551). ทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียน. นนทบุรี: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553.กรุงเทพฯ: สำนักนายกรัฐมนตรี.
อรุณี โสภา วัลลภา อารีรัตน์ และ อรุณศรี อึ้งประเสริฐ. (2556). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 36(4), 158-165.
อลงกต ใหม่ด้วง. (2557). สะเต็มศึกษากับการแก้ปัญหาเรื่อง ความน่าจะเป็น. นิตยสาร สสวท, 43(191), 28-31.
อัจฉราภรณ์ บุญจริง. (2554). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหาของ Polya. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Dewey, J. (1993). How We Think: A Restatement of the Relation of Reflective Thinking to the Education Process. Boston D.C.: Health and
Company.
Krulik, S & Reys R. E. (1980). Problem Solving in School Mathematics. Washington D.C.: The National Council of Teacher of Mathematics.