The Relationship between Information Technology Competency and Management Information Technology of Administrators the Secondary School of Nongbualampu
Main Article Content
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู 2) เพื่อศึกษาระดับการบริหารระบบสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาและการบริหารระบบสารสนเทศ โรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภูโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research) ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูผู้สอนในสถานศึกษา 21 แห่ง จำนวน 672 คน จำนวน 271 คน ได้จากการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมาตรตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยง .96 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า
สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาเขตจังหวัดหนองบัวลำภู โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทั้ง 3 ด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสมรรถนะด้านความรู้ ด้านสมรรถนะด้านเจตคติ และ ด้านสมรรถนะด้านทักษะการบริหารระบบสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาเขตจังหวัดหนองบัวลำภู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง 4 ด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านการนำไปใช้ ด้านการประมวลผล และด้านผลผลิตสารสนเทศ
สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู และการบริหารระบบสารสนเทศ ของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนในเขตมัธยมศึกษาจังหวัดหนองบัวลำภูมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 โดย มีค่าความสัมพันธ์กันในทางบวก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู มีความสัมพันธ์กันทางบวกสูงทุกคู่และการบริหารระบบสารสนเทศ ของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภู มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน