ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546
คำสำคัญ:
การคุ้มครองพยาน, การคุ้มครองพยานในคดีอาญา, คุ้มครองพยานบุคคลบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญา 2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการในการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ อนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ค.ศ. 2000 ประเทศสหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 3. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญาของประเทศไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และ 4. เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานบุคคลในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยวิธีการศึกษาวิจัยเอกสารจากหนังสือ ตำรากฎหมายและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเอกสารที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์แบบเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองพยานในคดีอาญา เป็นพื้นฐานสำคัญในการกำหนดมาตรการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐสำหรับการคุ้มครองพยาน 2) การคุ้มครองพยานในคดีอาญาในประเทศสหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีการกำหนดมาตรการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐให้แก่พยานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง นิยามคำว่า “พยาน” มีความหมายที่กว้างกว่าของประเทศไทย และมีการติดตามและประเมินผลการคุ้มครองพยานในระยะยาว แต่ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐในการคุ้มครองพยาน อีกทั้งนิยามคำว่า“พยาน” ในประเทศไทยยังให้นิยามที่แคบกว่า และไม่มีการติดตามและประเมินผลการคุ้มครองพยานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 3) การคุ้มครองพยานในคดีอาญาในประเทศไทยยังขาดมาตรการสำหรับการคุ้มครองพยานในการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐ ขาดการนิยามทางกฎหมายที่ชัดเจนของคำว่า “พยาน” ทำให้เกิดข้อจำกัดในการตีความและการคุ้มครองพยาน และยังขาดการติดตามและประเมินผลการคุ้มครองพยานในระยะยาว และ 4) ผู้ศึกษาจึงขอเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 โดยกำหนดให้มีการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐ อีกทั้งควรมีการบัญญัติคำนิยาม “พยาน” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการจำแนกพยานรวมทั้งควรมีการเพิ่มบทบัญญัติให้มีการติดตามและประเมินผลการคุ้มครองพยานในระยะยาวด้วย
