การใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการพัฒนาการศึกษาของพระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการพัฒนาการศึกษาของพระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และ 2) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการพัฒนาการศึกษาของพระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา การศึกษาครั้งนี้ศึกษาในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ พระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 67 รูป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าจำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง จากวิธีการสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 5 รูป วิเคราะห์ข้อมูลจากคำให้สัมภาษณ์ของผู้ให้ข้อมูลสำคัญตามวัตถุประสงค์การวิจัย โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบทกรอบงานวิจัย โดยรวบรวบข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์เนื้อหาและวิเคราะห์แบบสร้างข้อสรุปอุปนัย ผลการวิจัยพบว่า 1. พระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการพัฒนาการศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านจิตตะ (ความคิด) รองลงมาคือ ด้านวิมังสา (ความไตร่ตรองหรือทดลอง) ด้านฉันทะ (ความพอใจ) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านวิริยะ (ความเพียร) ตามลำดับ 2. จากการศึกษาข้อเสนอแนะการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการพัฒนาการศึกษาของพระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า พระภิกษุ สามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ ส่วนใหญ่มองเห็นความสำคัญของการเรียนทางธรรมเป็นสิ่งที่ดี จึงให้ความสำคัญและเพียรพยายามศึกษาทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนบวช ไปจนถึงหลังบวช โดยฝึกจิตและฝึกตนอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมวินัย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.