ดนตรีของกลุมชาติพันธบรู เมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธาร ณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว Music of the Bru Ethnic Group At Veelabulee District, Savannakhet Province Laos People Democratic Republic

Main Article Content

สุรพล Surapon เนสุสินธุ Nesusin

Abstract

การวิจัยเรื่อง ดนตรีของกลุมชาติพันธุบรู เมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีจุดมุงหมายเพื่อ 1) ศึกษาประวัติความ เปนมาของกลุมชาติพันธุบรู ในเมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว 2) ศึกษาดนตรีของกลุมชาติพันธุบรู ในเมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เครื่องมือที่ใชในการวิจัย ไดแก แบบสัมภาษณ แบบสังเกต มีการเก็บรวบรวมขอมูลเอกสารและขอมูลภาคสนาม ขอมูลภาคสนามไดจากการสัมภาษณ การสังเกต จากผูรู 7 คน ผูปฎิบัติ 4 คน และ ผูใหขอมูลทั่วไป 3 คน ในเขตพื้นที่เมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแตเดือนมกราคม 2556 ถึง เดือนกันยายน 2558 นําขอมูลที่ไดมาตรวจสอบความถูกตองดวยวิธีการแบบสามเสา วิเคราะหตามความ มุงหมายที่ตั้งไว และนําเสนอผลการวิจัยดวยวิธีพรรณนาวิเคราะห  ผลการวิจัยพบวา ดานประวัติความเปนมาของกลุมชาติพันธบรู ในเมือง วีละบุลีเปนกลุมชนดั้งเดิมในแถบลุมแมนํ้าโขง สืบเชื้อสายมาจากลุมชาวขอม เมื่อ ครั้งอาณาจักรเจนละเรื่องอํานาจ ซึ่งในอดีตเรียกวา ขา และภายหลังไดเปลี่ยนเปน “บรู” ซึ่งหมายถึง “ภูเขา” นิยมประกอบอาชีพทํานา ทําไร รับจาง ทํางานหัตถกรรม พื้นบาน สานเสื่อ ทอผา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย กลุมชาติพันธบรูในเมืองวีละบุรี มี 2 กลุมใหญๆ คือ กลุมแซงมะกอง และกลุมแซงตรี อาศัยตามแหลงนํ้าเปนปจจัย สําคัญ มีจํานวนประชากร 29 หมูบาน มีความใกลชิดทั้งในระดับครอบครัว เครือ ญาติ โดยยึดฮิตดาม คองผี (จารีตประเพณี) เปนแนวทางในการปฏิบัติตน มีขนบธรรมเนียมประเพณี 4 ดาน คือ ประเพณีกินงะ ประเพณีเหยาหรือระปม ประเพณีเลี้ยงผีนา และประเพณีบุญกินขาวใหม มีครอบครัว 2 ลักษณะ คือ ครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย การปกครองของกลุมชาติพันธุบรูมี 2 ลักษณะ คือ ปกครองโดยผูนําชุมชน หรือ“เฒาแกบาน” ซึ่งทําหนาที่ใหคําปรึกษาดูแลความ สงบเรียบรอยของชุมชน และปกครองโดยหมอประกอบพิธีกรรม หรือ“จํ้า” ซึ่งทํา หนาที่เปนผูนําในการประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวกับผีปูตา ผีบรรพบุรุษ และผีบานผีเมือง ดานดนตรีของกลุมชาติพันธุบรู ในเมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พบวามี 4 ประเภท ประกอบดวย 1) ดาน เครื่องดนตรี พบวา เครื่องดนตรีของกลุมชาติพันธุบรู เปนสิ่งที่บงบอกถึงความเปน เอกลักษณประจํากลุมชาติพันธบรู ซึ่งเครื่องดนตรีที่พบลวนแตมีการประดิษฐจาก ภูมิปญญาที่ไดรับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษโดยทํามาจากไมไผและยังคงยึด รูป แบบดั้งเดิม เครื่องดนตรีที่พบ มี 4 ชนิด คือ ปยาว (ขลุย), ปตรี, ปกะลบ (หึน), ตรอ (ซอกระบอกไมไผ) นิยมบรรเลงในพิธีกรรมและบรรเลงเพื่อความผอนคลาย 2)ดานวงดนตรี พบวา วงดนตรีของกลุมชาติพันธุบรู ไดรับการสืบทอดจากรุนหนึ่งสู รุนหนึ่ง ทั้งยังคงอนุรักษแบบดั้งเดิมและมีการปรับเปลี่ยนไปบางเล็กนอยตามกระแส นิยม การประสมวงยังไมมีความชัดเจน วงดนตรีที่ปรากฏ คือ วงเหยา วงตะอวยหรือ ตะโอย วงตําปรอย ตําหลอยหรือตังหวาย และวงสะเนิดร 3)ดานบทเพลง พบวา บทเพลงไมมีรูปแบบที่ตายตัว ไมทราบนามผูแตงที่แนนอน กลุมเสียงเปนแบบ Pentatonic บทเพลงที่ปรากฏยังคงอนุรักษดั้งเดิมไวและเปนเอกลักษณของชาวบรู คือ เพลงเหยา เพลงตะอวยหรือตะโอย เพลงตําปรอย ตําหลอยหรือตังหวาย และ เพลงสะเนิดร 

 

The research tools included an interview form and an observation form. Written document and fi eld data were collected. Field data were obtained through interviews and observations from 7 key-informants, 4 casual informants, and 3 general informants in Veelabulee District, Savannakhet Province Laos People Democratic Republic.The research was conducted between January 2013 To September 2015, The data were checked for their accountability with triangulation technique, analyzed according to the given objectives, and the results of the study were presented in a descriptive analysis form. The result of the research reveals that the history of the Bru Ethnic Group At Veelabulee District, Savannakhet Province Laos People Democratic Republic. original groups in the Mekong river basin. descended from a group of Khmer people when Kingdom of Chenla authority in the past, known as Kha and later was changed to “Bru” means “mountain” professional contract farming handicraft weaving, mat weaving, cattle, buffalo.The Bru Ethnic Group At Veelabulee District has 2 major groups at: Cangmakong Group and Cangtree Group.Relying on water sources is an important factor has a population 29 village are closer kinship in the family.by seizing tradition as guidelines for their implementation has 4 traditions (kin Nga, Yao or Rabream, offer sacrifi ces to a spirit and eat the new rice) The family has 2 types as single-family and extended family. The dominance of Bru ethnic Group has 2 types 1) community leader.or “Thau-kaa ban” Acting as consulting and peace of communities and 2) head rituals or “Jum” which is a leader in the rituals related ancestral ghosts and city ghost  In terms music of the bru ethnic group at veelabulee district, included 4 type : 1) The instruments : The instruments of the bru ethnic group Is indicative identity of bru ethnic group,the instruments Invention of wisdom that inherited from their Ancestors, made from bamboo and traditional form.The instruments included: pi yao (long fl ute pipe),pi tree (reed pipe) , pi kalop (jaw’s harp), and tro (bamboo tube fi ddle.) performing in ritual and relax. 2) Music ensemble: Music ensemble of the bru ethnic group inherited from generation to generation. The conservation of traditional and modifi ed little the trend. and Music ensemble uncertainty. The Music ensemble included:Yao band, Ta-oy band, Tum –ploy Tum-Loy or Tang-way band and Sanead band 3) Musical composition: Musical composition was in monophonic texture. Songs were improvised, focusing on arousing the emotion the pentatonic scale. Song for the bru ethnic group original and identity. The song included: Yao , Ta-oy , Tum –ploy, Tum-Loy or Tang-way and Sanead 

 

Article Details

How to Cite
เนสุสินธุ Nesusin ส. S. (2016). ดนตรีของกลุมชาติพันธบรู เมืองวีละบุลี แขวงสะหวันนะเขต สาธาร ณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว Music of the Bru Ethnic Group At Veelabulee District, Savannakhet Province Laos People Democratic Republic. Journal of Fine and Applied Arts Khon Kaen University, 8(1), 334–360. Retrieved from https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/65550
Section
Research Articles