การสร้างสรรค์การแสดงชุด รำฉุยฉายรามาวตาร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาประวัติความเป็นมา องค์ประกอบของรำฉุยฉาย 2. เพื่อศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบ หลักการและแนวทางในการสร้างสรรค์ชุด รำฉุยฉายรามาวตาร 3. เพื่อสร้างสรรค์การแสดงชุด รำฉุยฉายรามาวตาร โดยวิธีการศึกษาจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลในการสร้างสรรค์การแสดง รวมทั้งได้จัด การสนทนากลุ่ม เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
ผลการวิจัยพบว่า รำฉุยฉาย เป็นชื่อเพลงร้องและการรำอย่างหนึ่ง เพื่อแสดงลักษณะการรำ อวดตัวจากการแปลงกายหรือการแต่งตัว โครงสร้างเพลงฉุยฉายประกอบด้วย 1. เพลงออก (ใช้เพลงรัว) 2. เพลงฉุยฉาย 2 บท (บทละ 3 คำร้อง) และเพลงแม่ศรี 2 บท (บทละ 2 คำร้อง) จบคำร้องทุกคำ ปี่เป่าเลียนเสียงคำร้อง และจบเพลงฉุยฉายแต่ละบท ปี่พาทย์รับเพลงฉุยฉาย 3. จบเพลงแม่ศรีแต่ละบท ปี่พาทย์รับเพลงแม่ศรี 4. เพลงเข้า (เพลงเร็ว - ลา) การรำฉุยฉายมี 3 ลักษณะคือ 1. รำฉุยฉายแบบเต็ม 2. รำฉุยฉายแบบตัด 3. รำฉุยฉายพวง และแยกประเภทตามลักษณะที่ปรากฏในการแสดงได้ 4 ประเภท คือ 1. การแสดงโขน 2. ละคร 3. รำฉุยฉายที่ประดิษฐ์ขึ้นในโอกาสต่าง ๆ 4.รำฉุยฉายเบิกโรง การแต่งกายแบบยืนเครื่องและการแต่งกายตามสภาพ เครื่องดนตรีที่สำคัญคือ ปี่ใน ใช้เป่าเลียนเสียงคำร้อง ผู้แสดงต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการรำนาฏศิลป์ไทย รำฉุยฉายรามาวตารเป็นการรำเดี่ยว โดยนำชีวประวัติของพระราม พระเอกในเรื่องรามเกียรติ์มาเรียบเรียง โดยประพันธ์เป็นบทร้อง ทำนองเพลงและประดิษฐ์ท่ารำขึ้นใหม่ตามรูปแบบจารีตของนาฏศิลป์ไทย ท่ารำของรำฉุยฉายรามาวตารสร้างสรรค์มาจากท่ารำหลักของพระราม นำมาจากกระบวนท่ารบและกระบวนท่าตรวจพลของกรมศิลปากร ซึ่งการรำ แบ่งออกเป็นขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ ขั้นที่ 1 รำสอดสร้อยออกมาในเพลงรัวแล้วป้องหน้า ขั้นที่ 2 รำใช้บทตามคำร้องเพลงฉุยฉายและเพลงแม่ศรี ขั้นที่ 3 รำประกอบเพลงหน้าพาทย์บาทสกุณี การแต่งกาย ยืนเครื่องพระแขนยาวสีเขียวขลิบแดง ศิราภรณ์ ชฎาพระยอดชัย ดนตรีใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็ง โอกาส ที่แสดง ใช้ประกอบการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์หรือแสดงเป็นเอกเทศ สำหรับเผยแพร่ให้ประชาชนชม อีกทั้งผู้วิจัยได้สร้างสรรค์เครื่องแต่งกายยืนเครื่องพระกึ่งแบบโบราณที่แตกต่างไปจากเครื่องแต่งกายพระรามตามจารีตของกรมศิลปากร
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. (2551). ทะเบียนข้อมูล : วิพิธทัศนา ชุดระบำ รำ ฟ้อน เล่ม 3. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนพับลิซซิ่ง.
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2562). โขน มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษย์ชาติรายการแรกของประเทศไทย. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ชวลิต สุนทรานนท์. [ม.ป.ป.]. ฉุยฉาย. กรุงเทพฯ : สำนักการสังคีต กรมศิลปากร.
ไพฑูรย์ เข้มแข็ง. (2537) จารีตการฝึกหัดและการแสดงโขนของตัวพระราม. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานาฏยศิลป์ไทย บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไพโรจน์ ทองคำสุก. (2549). ศิริวัฒน์ ดิษยนันท์ ศิลปินแห่งชาติ ต้นแบบของศิลปินชั้นครู ผู้ถ่ายทอด และสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ : สำนักการสังคีต กรมศิลปากร.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน.
ราศิยศ วงศ์ศิลปะกุล และศิริรัตน์ วุฐิสกุล. (2555). ดนตรี–นาฏศิลป์. กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ.
ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์. (2559). ด้วยรักจากใจศิลปินในดวงใจ. กรุงเทพฯ : เนติกุลการพิมพ์.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฏยศิลป์ปริทรรศน์. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.