ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา 2) ศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา เรื่อง พลังงานเสียง การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ของโรงเรียนวัดยางงาม ในกลุ่มเครือข่ายท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 22 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม และใช้โรงเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาของชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 5 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ 3) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาคะแนนเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 2. นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาสูงกว่าก่อนเรียน อยู่ในระดับมาก 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). เอกสารตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กลุ่มบริหารงานวิชาการ. (2563). แผนยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประจำปีการศึกษา 2563. นครศรีธรรมราช: โรงเรียนวัดยางงาม.
จันทร์ทิพย์ มีแสงพันธ์ และปรณัฐ กิจรุ่งเรือง. (2563) การพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสตีมศึกษาผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสุพรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์. 9 (2), 209-222.
นฤมล กุลสืบ. (2563). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์วิชาวิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะตีมศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
ภูธเนศ ม่วงราม และ แววดาว ดาทอง. (2566). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จิตวิทยาศาสตร์ และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ตามรูปแบบสะตีมศึกษา (STEAM EDUCATION) เรื่อง อาหารและสารอาหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโคกหินตั้งศึกษาศิลป์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 47 (1), 19-31.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2562). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาในระดับชาติขั้นพื้นฐาน.ออนไลน์. http://www.newonetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/ School/Report SchoolBySchool.aspx?mi=2
สมรัก อินทวิมลศรี, สกลรัชต์ แก้วดี และ สิทธิพร ภัทรดิลกรัตน์, (2562). ผลการใช้แนวคิดสะตีมศึกษาในวิชาชีววิทยาที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 47 (2), 410-429.
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้. (2561). สะเต็มศึกษากับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. เดอะโนวเลจ. 2 (9), 8-9.
Yakman, G. (2008). STEAM Education: an overview of creating a model of integrative education. Pupils Attitudes Towards Technology 2008. Annual Proceedings. Netherlands. Online. Available: http://www.iteaconnect.org/Conference/PATT/ PATT1/9Yakmanfinal19.html. [20 February 2020].
Yakman, G., and Lee,H. (2019, August). “Exploring the exemplary STEAM Education in the U.S. as a particle educational framework for Korea.” J. Korea Assoc. Sci. Edu. 32 (6), 1072-1086. [Online] Available: http://www.academia.edu/ 7801783/ Exploring_the_exemplary_STEAM_in_the_U.S._as_a_Praticle_Educational_Framwork_for_Korea_INTRODUCTION. [20 February 2020].