การพัฒนาสมรรถนะการเป็นผู้ริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การพัฒนาสมรรถนะการเป็นผู้ริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และ 2) พัฒนาสมรรถนะ
การเป็นผู้ริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ จากการสนทนากลุ่มร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 3 ท่าน และเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ จากชุดกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และแบบประเมินสมรรถนะการเป็นผู้ริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย (¯x) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) กลุ่มตัวอย่าง คือ ครู 20 คน และนักเรียน 100 คน ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ 4 พื้นที่ ได้แก่ เขา ป่า นา และทะเล ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากห้องเรียนที่ได้รับความร่วมมือจากครูผู้สอน การวิจัยครั้งนี้ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One - Group Pretest - Posttest Design)
ผลการวิจัย พบว่า 1) ชุดกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน และดำเนินการเรียนรู้ด้วยตนเอง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ การค้นหา ริเริ่ม ศึกษา และนำเสนอ 2) ผลการพัฒนาสมรรถนะการเป็นผู้ริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยก่อนการทดลอง (¯x = 2.39) อยู่ในระดับน้อย และหลังการทดลอง (¯x = 4.71) อยู่ในระดับมากที่สุด แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการในด้านการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง การทำงานร่วมกัน การตั้งคำถาม และการค้นคว้าข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กัญญารัตน์ แสงรัศมี. (2563). การเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะการตัดสินใจและการแก้ปัญหา. วารสารวิจัยทางการศึกษา. 10 (1), 89-105.
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2563). รายงานสถานการณ์การศึกษาขั้นพื้นฐานประเทศไทย.กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ชุติมา ศรีเลิศ. (2563). การพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านการเรียนรู้แบบร่วมมือ. วารสารการวิจัยและพัฒนาการศึกษา. 15 (2), 45-60.
ชุติมา ศรีเลิศ. (2563). การพัฒนาทักษะการสื่อสารผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ. วารสารการวิจัยแลพัฒนาการศึกษา. 15 (2), 45-60.
ณัฐชา วงศ์วิจิตร. (2564). การส่งเสริมทักษะการฟังและการสื่อสารในสถานการณ์ที่ซับซ้อน. วารสารศึกษาศาสตร์. 12 (4), 78-95.
พรศิริ พัฒนวรสกุล. (2561). การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงเพื่อพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารการศึกษาและการพัฒนาชุมชน. 10 (3), 67-82.
พรศิริ พัฒนวรสกุล. (2564). การเรียนรู้ผ่านการคิดวิเคราะห์เพื่อเชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์จริง. วารสารการศึกษาและพัฒนาสังคม. 11 (3), 102-118.
วรรณภา อินทรสุวรรณ. (2565). การเรียนรู้เชิงสะท้อนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์. วารสารการวิจัยแลพัฒนาการศึกษา. 8 (2), 89-102.
ศิริวรรณ ทองดียิ่ง. (2563). การตั้งคำถามและการเรียนรู้แบบเปิดเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์. วารสารนวัตกรรมการศึกษา. 7 (2), 56-72.
สมชาย สงวนสุข. (2565). การเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อสร้างความมั่นใจในการแก้ปัญหา.
วารสารวิทยาการศึกษา. 13 (2), 67-85.
Dweck, C. S. (2017). Mindset: The new psychology of success. Ballantine Books.
Johnson, D. W., Johnson, R. T., & Holubec, E. J. (2015). Cooperation in the classroom (9th ed.). Interaction Book Company.
Knowles, M. S. (1975). Self-directed learning: A guide for learners and teachers. Cambridge Books.
Moore, M. G. (2014). Handbook of distance education (3rd ed.). Routledge.
OECD. (2019). Trends shaping education. OECD Publishing.
Tanthivechkul, S. (2019). Principles of royal initiatives and community development: Understanding, access, and development. Retrieved fromhttps://www.Principal office.go.th (Accessed October 25, 2021).
Trilling, B., & Fadel, C. (2009). 21st century skills: Learning for life in our times. Jossey-Bass.
UNESCO. (2021). Reimagining our futures together: A new social contract for education.UNESCO Publishing.