พัฒนานวัตกรรมดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำหรับการนอนกลางวัน ของนักเรียนปฐมวัย กรณีศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางดาน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา

Main Article Content

สุภาพร ฉิมหนู

บทคัดย่อ

          การพัฒนานวัตกรรมดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำหรับการนอนกลางวันของนักเรียนปฐมวัย กรณีศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางดาน อำเภอเมือง จังหวัด มีวัตถุประสงค์การวิจัย คือ         1. ประพันธ์ดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำหรับการนอนกลางวันของเด็กปฐมวัย 2. ศึกษาผลการใช้ดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กภาคใต้ภายหลังให้ฟังดนตรี กลุ่มเป้าหมายที่จะนำนวัตกรรมดนตรีบรรเลงไปใช้ทดลอง คือ นักเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางดาน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ในห้องเรียนเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบบันทึกการนอนหลับ (Sleep diaries) เพื่อจดบันทึกระยะเวลาการนอนหลับของกลุ่มเป้าหมายผลการวิจัย ตอนที่ 1 สำหรับนวัตกรรมดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กผู้วิจัยใช้ชื่อว่า เพลง Deep Sleep ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงชาเปล “บ่าวน้อยรังเกต้นสูง” ของนางคำแก้ว พวงแก้ว แม่เพลงอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เครื่องดนตรีที่ใช้ในบทประพันธ์ประกอบด้วย เปียโน (Piano) และไวบราโฟน (Vibraphone) ทั้งนี้ผู้ประพัน์ได้นำเอาเสียงธรรมชาติ ได้แก่ เสียงน้ำไหล และเสียงนกร้อง มาใช้ประกอบในบทประพันธ์เพื่อสามารถช่วยให้ผู้ฟังสามารถจินตนาการได้ถึงความสงบและเกิดความผ่อนคลาย ความยาวของบทประพันธ์เพลงโดยประมาณ 13 นาที ตอนที่ 2 ผู้วิจัยนำนวัตกรรมดนตรีบรรเลงไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยเริ่มฟังเพลงตั้งแต่ช่วงรับประทานอาหารจนกระทั่งเข้านอนเปิดเพลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 45 นาที สำหรับผลการใช้นวัตกรรมดนตรีบรรเลง พบว่า นวัตกรรมดนตรีบรรเลงสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการนอนในทางที่ดีขึ้น คือ กลุ่มเป้าหมายสามารถนอนหลับสนิทได้เร็วขึ้นกว่าเดิม มีการตื่นกลางคันน้อยลง และมีระยะเวลาในการนอนมากขึ้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ฉิมหนู ส. (2024). พัฒนานวัตกรรมดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำหรับการนอนกลางวัน ของนักเรียนปฐมวัย กรณีศึกษา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางดาน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา. Journal of Roi Kaensarn Academi, 9(12), 1–17. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/view/274941
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ดุษฎี พนมยงค์. (2547). สานฝันด้วยเสียงเพลง มาฝึกร้องเพลงกันเถิด. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: บ้านเพลง.

นันทพร ปรากฏชื่อ และคณะ (2554). ผลของการฟังดนตรีไทยบรรเลงต่อพฤติกรรมอารมณ์และระยะเวลา การนอนหลับของทารก: Effects of Listening to Thai Music on Emotional Behavior and Sleeping Duration of Infants. วารสาร คณะ พยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัย บูรพา. 19 (Special 1), 50-61.

แพง ชินพงศ์. (2552). ดนตรีเพิ่มพลังสมอง. กรุงเทพมหานคร: แฮปปี้ แฟมิลี่

วิทยา ศรีผ่อง. (2566). บทเพลงสร้างสรรค์ในมิติใหม่ของเพลงกล่อม. วิทยานิพนธ์ ศิลปดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชา ดุริยางคศิลป์. บัณฑิตวิทยาลัย: สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

วิบูลย์ ตระกูลฮุ้น. (2558). ดนตรีศตวรรษที่ 20. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สุภาพร ฉิมหนู. (2560). การศึกษาเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำเนียงเจ๊ะเห (ตากใบ-ตุมปัต). วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาดนตรี. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหิดล

de Niet, G., Tiemens, B., Lendemeijer, B., & Hutschemaekers, G. (2009). Music-assisted relaxation to improve sleep quality: meta-analysis. Journal of advanced nursing. 65 (7), 1356–1364. https://doi.org/10.1111/j.1365-2648.2009.04982.x

Rozelle, A. L., & Landis, R. S. (2002). An examination of the relationship between use of the Internet as a recruitment source and student attitudes. Computers in Human Behavior. 18 (5), 593–604. https://doi.org/10.1016/S0747-5632(02)00002-X

Atwood, M. E., Lachowski, A. M., & Carney, C. E. (2021). Sleep belief change following fatigue induction. Canadian Journal of Behavioural Science / Revue canadienne des sciences du comportement. 53 (1), 71–77. https://doi.org/10.1037/cbs0000186