คุณสมบัติทางจิตมิติและองค์ประกอบของสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรมตามแนวคิดความต่อเนื่อง ของการพัฒนาระหว่างวัฒนธรรมสำหรับนิสิตปริญญาบัณฑิต
DOI:
https://doi.org/10.14456/educu.2023.36คำสำคัญ:
แบบวัดสถานการณ์, สมรรถนะระหว่างวัฒนธรรม, การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ, การตอบสนองความปรารถนาของสังคมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์คุณสมบัติทางจิตมิติและองค์ประกอบของสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรม ตามแนวคิดความต่อเนื่องของการพัฒนาระหว่างวัฒนธรรมสำหรับนิสิตปริญญาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ จำนวน 131 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบวัดสถานการณ์สำหรับประเมินสมรรถนะระหว่างวัฒนธรรม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยความตรงตามเนื้อหา การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การวิเคราะห์ความแปรปรวน และการวิเคราะห์ค่าความยากอำนาจจำแนกโดยใช้ Graded-Response Model (GRM) ผลการวิจัยพบว่า 1) ข้อคำถามมีความตรงตามเนื้อหาทุกข้อ 2) จากการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ สมรรถนะระหว่างวัฒนธรรม ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) การจัดการความขัดแย้ง (2) การเคารพความแตกต่างทางความคิด และ (3) การเคารพกติกาของสังคม 3) แบบวัดสถานการณ์ฯ มีค่าความเที่ยงแบบความสอดคล้องภายในด้วยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคและวิธีการ expected a posteriori อยู่ในระดับปานกลาง และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาแบบแบ่งชั้นมีค่า .52 4) ผลการวิเคราะห์ข้อคำถามโดยใช้โมเดล GRM มีความเหมาะสม จำแนกความสามารถของผู้สอบได้ระดับพอใช้ 5) ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยระหว่างระดับชั้นปี ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขณะที่ความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยระหว่างชายและหญิงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 6) คะแนนจากแบบวัดสถานการณ์ฯ ไม่มีความสัมพันธ์กับการตอบตามความปรารถนาของสังคม
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน. (2545). แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 – 2579). สำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
ชุตินันท์ จันทรเสนานนท์. (2553). การพัฒนาแบบวัดสมรรถนะเชิงวัฒนธรรมสาหรับนักเรียนมัธยมศึกษา.
[วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง. (2561). การสร้างเครื่องมือการวิจัยทางการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2). สำนักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580. (2561, 13 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 135 ตอนที่ 82. หน้า 1-6
วรรณี แกมเกตุ. (2555). วิธีวิทยาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 7). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2563). ทฤษฎีการทดสอบแนวใหม่ (พิมพ์ครั้งที่ 5). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ภาษาอังกฤษ
Adams, R. J. (2005). Redliability as a measurement design effect. Studies in Educational Evaluation,
, 162-172. https://doi.org/10.1016/j.stueduc.2005.05.008.
Bennett, M. (2013) Basic concepts of intercultural communication: Paradigms, principles, & practices. Boston: Intercultural Press.
Cronbach, L. J., Schönemann, P., & McKie, D. (1965). Alpha coefficients for Stratified-Parallel Tests. Educational and Psychological Measurement, 25(2), 291–312. https://doi.org/10.1177/001316446502500201.
Dunbar, N. E., & Hoang, L. M. (2019). Intercultural competence and demographic factors: Examining the effects of age, gender, and geographic location. Journal of Intercultural Communication Research, 48(4), 323-345.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2017). Nursing Research: Generating and Assessing Evidence for Nursing
Practice. (10th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.
Solhaug, T., & Kristensen, N. N. (2020). Gender and intercultural competence: Analysis of intercultural competence among upper secondary school students in Denmark and Norway. Educational Psychology, 40(1), 120–140. https://doi.org/10.1080/01443410.2019.1646410.
Yuan, X. (2022). It was Neither Confucian nor Confusion: Dynamics of Intercultural Sensitivity among East-Asian Students at Canadian Universities. [Master’s thesis, Lakehead University]. ResearchGate. https://www.researchgate.net/publication/364331085.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
