ความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
Main Article Content
Abstract
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษา ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาที่พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ตัวแปรที่ศึกษาคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ประกอบด้วย ปัจจัยภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ปัจจัยประสิทธิภาพการสอนของครู และปัจจัยการ เข้ามามีส่วนร่วมของผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างได้แก่ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั่วประเทศ จำนวน 420 โรงเรียน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างโดยวิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการใช้โปรแกรมลิสเรล 8.52 ในการวิเคราะห์ องค์ประกอบเชิงยืนยันและตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างรูปแบบตามสมมติฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยรูปแบบสุดท้ายมีค่าสถิติดังต่อไปนี้ X=102.17 ที่ df =121, p-value =0.89, RMSEA =0.00, GFI =0.97, AGFI =0.96, CN =631.97 และ SRMR =0.033
2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเรียงค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลจากมากไปหาน้อย มีดังนี้ (1) อิทธิพลทางตรง มี 3 ปัจจัย คือ ประสิทธิภาพการสอนของครู มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .58 รองลงมาคือการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้ปกครอง มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .40 และภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษามีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .20 (2) อิทธิพลทางอ้อม มี 2 ปัจจัย คือ ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษามีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .22 รองลงมาคือการเข้ามา มีส่วนร่วมของผู้ปกครอง มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .11 (3) อิทธิพลรวม มี 2 ปัจจัย คือ การเข้ามา มีส่วนร่วมของผู้ปกครอง มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .51 รองลงมาคือภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ .42 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาค่าอำนาจการพยากรณ์ (R2) พบว่า ตัวแปรที่นำมาศึกษาในรูปแบบสามารถ ร่วมกันอธิบายความแปรปรวนประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ร้อยละ 7