แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีฉ้อโกงจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย: ศึกษากรณีการดำเนินคดีของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ผู้แต่ง

  • นุชรี โพธิ์ผึ้ง นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายและการบริหารงานยุติธรรม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คำสำคัญ:

การฉ้อโกง, การซื้อขายสินค้าออนไลน์, ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาถึงสภาพปัญหาและวิธีการดำเนินคดีฉ้อโกงจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย 2. เพื่อศึกษาอุปสรรคการดำเนินคดีฉ้อโกงจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ 3. เพื่อเสนอแนะแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีฉ้อโกงจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีเครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง, แบบสังเกต และแบบบันทึก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 6 คน ที่มาจากการเลือกแบบเจาะจง แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเอกสารและเครื่องมือการวิจัยมาวิเคราะห์แบบเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัญหาและวิธีการดำเนินคดีฉ้อโกงซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย ได้แก่ การฉ้อโกงซื้อขายสินค้าออนไลน์อันเกิดมาจากการขายสินค้าโดยการหลอกลวง ไม่ว่าจากการประกาศหรือโฆษณาขายสินค้าออนไลน์โดยที่ตนไม่มีสินค้าหรือมีสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณา หรือโอนเงินแล้วไม่ได้รับสินค้า 2) ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินคดีฉ้อโกงซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ 2.1) ด้านที่ 1 กระบวนการในการดำเนินคดีฉ้อโกงออนไลน์ 2.2) ด้านที่ 2 บุคลากร และ 3.3) ด้านที่ 3 การประชาสัมพันธ์การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และ 3) แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีคดีฉ้อโกงซื้อขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ 3.1) ด้านที่ 1 กระบวนการดำเนินคดีฉ้อโกงออนไลน์ โดยเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการสืบสวน เครื่องมือและเทคนิค การบูรณาการด้านการทำงานร่วมกันกับหน่วยงาน อาทิ หน่วยงานต้องปรับปรุงระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ ส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและปฏิบัติงานให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัย จัดทำระบบและเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย 3.2) ด้านที่ 2 ด้านบุคลากร คือ จัดให้มีการพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์ รวมถึงการเพิ่มจำนวนบุคลากรจำเป็นต้องมีการจัดสรรหรือเพิ่มเจ้าหน้าที่อันมีความสำคัญในการดำเนินงาน ต้องมีความพร้อมทางด้านทรัพยากรทางการบริหาร และนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบการบริหารงานบุคคลมีประสิทธิภาพมีความเป็นมืออาชีพ มีความรู้ ทันสมัย เชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงาน และ 3.3) ด้านที่ 3 ด้านการประชาสัมพันธ์การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน คือ การเผยแพร่ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้เข้าถึงได้โดยสะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน การจัดองค์กรมีความเหมาะสมและการประชาสัมพันธ์การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เสริมสร้างแรงจูงใจและความตระหนักในการมีส่วนร่วมของประชาชน

ประวัติผู้แต่ง

นุชรี โพธิ์ผึ้ง, นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายและการบริหารงานยุติธรรม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายและการบริหารงานยุติธรรม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-10