ปัจจัยการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์ในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามหลังปล่อยตัวเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนของประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • คุณิตา กัลยาดี นักศึกษาปริญญาโท คณะคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คำสำคัญ:

การปฏิบัติงาน, นักสังคมสงเคราะห์, เด็กและเยาวชน

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามหลังปล่อยตัวเด็กและเยาวชน และ 2. เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานของนักสังคมสงเคราะห์ในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามหลังปล่อยตัวเด็กและเยาวชน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีเครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถาม โดยมีกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 86 คน แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์เตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามหลังปล่อยเด็กและเยาวชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̅= 4.29, S.D. = 0.62) ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด คือ 1.1) ปัจจัยด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (x̅= 4.38, S.D. = 0.60) แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานส่งเสริมความร่วมมือและบรรยากาศที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน 1.2) ปัจจัยด้านความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา (x̅= 4.31, S.D. = 0.74) สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีและการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างนักสังคมสงเคราะห์กับบุคลากร ที่เกี่ยวข้อง 1.3) ปัจจัยด้านความรับผิดชอบ (x̅= 4.29, S.D. = 0.58) ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักสังคมสงเคราะห์ตระหนักในหน้าที่ และดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการ 1.4) ปัจจัยด้านความสำเร็จในการทำงาน (x̅= 4.23, S.D. = 0.56) บ่งชี้ว่านักสังคมสงเคราะห์ประเมินตนเองว่าการทำงานบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด 1.5) ปัจจัยด้านความสัมพันธ์กับหัวหน้างาน (x̅= 4.22, S.D. = 0.63) และ 2) ปัจจัยการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์เตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามหลังปล่อยเด็กและเยาวชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̅= 4.01, S.D. = 0.58) ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด คือ 2.1) ระดับกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์จากนโยบาย (x̅= 4.20, S.D. = 0.57) สะท้อนว่านโยบายที่เกี่ยวข้องสามารถส่งต่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนต่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการ 2.2) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้อง (x̅= 4.02, S.D. = 0.54) แสดงให้เห็นว่านักสังคมสงเคราะห์มีบทบาทในการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนและครอบครัว 2.3) นโยบายสามารถนำไปปฏิบัติได้ (x̅= 3.98, S.D. = 0.57) บ่งชี้ถึงความเหมาะสมและความชัดเจนของนโยบายที่เอื้อต่อการดำเนินการในทางปฏิบัติ และ 2.4) ความต่อเนื่องของกิจกรรม (x̅= 3.83, S.D. = 0.64) แสดงถึงข้อจำกัดในการติดตามหรือขาดการเชื่อมต่อกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอหลังปล่อยตัวเยาวชน

ประวัติผู้แต่ง

คุณิตา กัลยาดี, นักศึกษาปริญญาโท คณะคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นักศึกษาปริญญาโท คณะคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-10