กลยุทธ์การขับเคลื่อนและพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
คำสำคัญ:
กลยุทธ์การมีส่วนร่วม, กลยุทธ์การทางานเป็นทีม, CIRC และ 4W1Hบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนากลยุทธ์การขับเคลื่อนทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 2. เพื่อพัฒนากลยุทธ์การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และ 3. พัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นการวิจัยแบบเชิงปริมาณ มีเครื่องมือในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แบบทดสอบทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน (2) แบบประเมินการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ประเมินโดยครูและนักเรียน และ (3) คู่มือการวิจัยกลยุทธ์การขับเคลื่อนและพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นฯ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา จำนวน 113 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเครื่องมือการวิจัยมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และที่ได้จากแบบสัมภาษณ์มาวิเคราะห์แบบเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) กลยุทธ์การขับเคลื่อนและพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน โรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา นั้นใช้กลยุทธ์ 2 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์การมีส่วนร่วม และกลยุทธ์การทางานเป็นทีม 2) กลยุทธ์ที่กลยุทธ์การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา คือ การใช้การเรียนการสอนแบบ CIRC และ 4W1H เข้ามาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน และ 3) ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา ก่อนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนที่ผ่านการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษโรงเรียนเทพสุวรรณชาญวิทยา มีคะแนนสอบหลังเรียนเพิ่มขึ้นจากคะแนนสอบก่อนเรียนอย่างชัดเจน โดยนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่า m = 7.30, s = 2.23 คิดเป็นร้อยละ 36.5 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนมีค่า m = 17.26, s = 1.40 คิดเป็นร้อยละ 86.32 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 49.82 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากคะแนนสอบก่อนเรียนอย่างชัดเจน
