การศึกษาวัฒนธรรมการไกล่เกลี่ยของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลาวในราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
คำสำคัญ:
วัฒนธรรมการไกล่เกลี่ย, คู่กรณีคดีแพ่ง, กลุ่มชาติพันธุ์ไทลาวบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมการไกล่เกลี่ยของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลาวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นการวิจัยแบบเชิงคุณภาพ มีเครื่องมือการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ มีกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย จำนวนทั้งสิ้น 15 คน ที่มาจากการเลือกแบบเจาะจง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มเป้าหมายฝ่ายไทย ประกอบด้วย พระสงฆ์ ผู้ทรงธรรม ผู้นำชุมชน บุคลากรในศาล หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง คู่กรณีคดีแพ่ง ทนายความ จำนวน 8 คน และกลุ่มเป้าหมายฝ่ายสปป.ลาว จำนวน 7 คน ประกอบด้วย บุคลากรในตาแสง (นายตำบล) และบุคคลในหมู่บ้านปลอดคดี แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และจากการสัมภาษณ์มาวิเคระห์ในเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า วัฒนธรรมการไกล่เกลี่ย หมายถึง วิถีทางแห่งความเจริญงอกงามของกระบวนการยุติหรือระงับข้อพิพาทด้วยความตกลงยินยอมของคู่ความเอง ภายใต้สิ่งเร้าหรือกลยุทธแบบ โดยบุคคลที่สามหรือคนกลาง ใช้ความเมตตากรุณาเป็นหัวใจของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งคดีแพ่งและคดีอาญา จะเกิดอานิสงส์ให้ศัตรูกลายเป็นมิตร ชุมชนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การใช้ศาสนาเป็นหลักตัดสินคดีความ ทำให้เป็นกระแสการเกรงกลัวบาป คดีความทั้งทางแพ่งและอาญาลดน้อยลง บ้านหรือครอบครัว และหมู่บ้านในวัฒนธรรมศีล 5 จะทำให้ชุมชนเจริญงอกงาม ทั้งสุขภาพ ทางจิตและทางกาย แบบแผนหมู่บ้านศีล 5 เอื้ออำนวยให้หมู่บ้านศีล 5 ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถไกล่เกลี่ยคดีความอย่างมีประสิทธิภาพปลอดคดีและสันติสุข หมู่บ้านปลอดคดี เพราะมีการเชื่อฟังผู้นำหมู่บ้าน ส่งเสริมให้ทุกคนปฏิบัติตนอยู่ในวัฒนธรรมที่ดีงามทำให้ชุมชนสงบสุข ตั้งแต่รากหญ้า ปัญหาก็จะไม่เกิด สามารถแก้ไขไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้ตั้งแต่ต้นเหตุ สังคม และประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง
