การพัฒนารูปแบบพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชนบท จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
รูปแบบการพัฒนา, พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชนบท 2. เพื่อพัฒนารูปแบบพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชนบท และ 3. เพื่อทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชนบท การวิจัยเป็นแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุมีผลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชนบท โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุในชนบทจังหวัดมหาสารคามจำนวน 399 คนที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สมการโครงสร้างเชิงเส้น อิทธิพลเส้นทางด้วยโปรแกรมลิสเรล และค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน ในระยะที่ 2 เป็นการนำรูปแบบที่สร้างขึ้นในการวิจัยระยะที่ 1 มาปรับปรุงโดยการประชุมปฏิบัติการ ระดมสมอง และอภิปราย กลุ่มเป้าหมายเลือกแบบเจาะจงมีจำนวน 20 คน โดยเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ใช้แบบบันทึกในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเชิงเนื้อหา และในระยะที่ 3 เป็นการทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบกับกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมที่เลือกแบบเจาะจง จำนวน 40 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและเปรียบเทียบโดยการทดสอบค่า t-test ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ได้แก่ แรงสนับสนุนทางสังคม การรับรู้ความสามารถของตนเอง การมีส่วนร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ ความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพ และการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยตัวแปร 4 ตัวหลังเป็นตัวแปรเชิงสาเหตุที่ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ 2) รูปแบบการพัฒนาพฤติกรรมการที่ส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุประกอบด้วย 5 กิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ กิจกรรมบริหารกายและจิต กิจกรรมให้ความรู้แบบมีส่วนร่วม กิจกรรมตรวจสุขภาพ และกิจกรรมเยี่ยมบ้าน และ 3) การประเมินผลหลังการทดลองใช้รูปแบบ กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพมากกว่าระยะก่อนการทดลองและมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
