แนวทางการพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลปกครอง กรณีศึกษาคดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษ
คำสำคัญ:
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท, วิธีพิจารณาคดีปกครอง, คดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลปกครอง กรณีศึกษาคดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษ 2. เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลปกครอง กรณีศึกษาคดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษในศาลไทยและศาลต่างประเทศ 3. เพื่อวิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลปกครอง กรณีศึกษาคดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษ และ 4. เพื่อเสนอแนะแนวทางกฎหมายที่เหมาะสมในการพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลปกครอง กรณีศึกษาคดีสิ่งแวดล้อมด้านมลพิษ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยทางเอกสาร ด้วยการทบทวนวรรณกรรมจากตำรา เอกสาร รายงานการวิจัย การประชุม สัมมนา วิทยานิพนธ์และบทความ แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์แบบเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นการระงับคดีอย่างสันติวิธีประเภทหนึ่ง และเป็นกระบวนการที่คู่ความหาทางยุติข้อพิพาทร่วมกัน การระงับข้อพิพาทที่จะต้องมีคนกลางหรือบุคคลที่สามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขข้อพิพาทซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย 2) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครองตามกฎหมายของสาธารณรัฐฝรั่งเศส สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศญี่ปุ่นพบว่าทุกประเทศมีบทบัญญัติกฎหมายที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครองได้ 3) ปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมในไทยทวีความรุนแรงและก่อให้เกิดข้อพิพาททางกฎหมาย คือ 3.1) ไม่มีบทบัญญัติกำหนดคุณสมบัติและบทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยภายนอก ทั้งที่คดีสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ 3.2) ไม่มีหลักเกณฑ์ค่าตอบแทนสำหรับผู้ไกล่เกลี่ยภายนอก และ 3.3) การจำกัดประเภทคดีที่เข้าสู่การไกล่เกลี่ย และ 4) ผู้วิจัยเสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีบทบาท กำหนดค่าตอบแทนที่เหมาะสม และขยายประเภทคดีสิ่งแวดล้อมให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้โดยตรง
