มาตรการการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ศึกษากรณี : ชุมชนบ้านมอญ จังหวัดนครสวรรค์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 2) เพื่อศึกษามาตรการการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างมีส่วนร่วม กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่หมู่ที่ 1 ชุมชนบ้านมอญ ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 283 คน และกลุ่มองค์กรภาคท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคชุมชน และภาคการศึกษา ดำเนินการโดยกระบวนการวิจัยเชิงผสมผสานประกอบด้วยแบบสอบถามปลายเปิด แบบสัมภาษณ์เจาะลึกแบบกลุ่ม ในประเด็นดังต่อไปนี้ 1. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ประชาชนชุมชนบ้านมอญมีการรับรู้กฎหมายที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยรวมอยู่ในระดับน้อย ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การรับรู้พระราชบัญญัติสภาองค์ชุมชน พ.ศ. 2551 รองลงมา ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และด้านที่น้อยที่สุด ได้แก่ พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2543 2. มาตรการการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างมีส่วนร่วม จากการศึกษาพบว่า แม้จะมีกฎหมายที่ให้การส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ทั้งมีการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชนชุมชนบ้านมอญ แต่ประชาชนชุมชนบ้านมอญยังขาดการรับรู้และความเข้าใจกฎหมายที่กับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไม่ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของตน ในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ขาดการตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จึงควรมีการประชุมชี้แจงให้แก่ประชาชนในชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจให้เห็นคุณค่า ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และควรมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้สอดคล้องตรงตามความต้องการของคนในชุมชนและเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม