แนวทางการใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในการสร้างพิพิธภัณฑ์: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์มรดกภูมิปัญญากู่กาสิงห์
คำสำคัญ:
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น, พิพิธภัณฑ์, ชุมชนกู่กาสิงห์บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชุมชนกู่กาสิงห์ และ 2. เพื่อศึกษาการใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในการสร้างพิพิธภัณฑ์มรดกภูมิปัญญากู่กาสิงห์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีเครื่องมือการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต โดยมีกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย คือปราชญ์ท้องถิ่น 5 ท่าน ผู้นำชุมชน 3 ท่าน ผู้ปฏิบัติหน้าที่พิพิธภัณฑ์มรดกภูมิปัญญา 3 ท่าน ที่มาจากการเลือกแบบเจาะจง แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสัมภาษณ์และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ในเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) พื้นที่ของชุมชนบ้านกู่กาสิงห์มีโบราณสถานสำคัญ 3 แห่งคือ กู่กาสิงห์ กู่โพนวิจ และกู่โพนระฆัง ซึ่งเป็นศิลปะในวัฒนธรรมเขมร กู่กาสิงห์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมชนแห่งนี้ ชุมชนบ้านกู่กาสิงห์ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและได้รับผลกระทบที่ดีจากพัฒนาการของทุ่งกุลาร้องไห้นับตั้งแต่ทศวรรษ 2510 เป็นต้นมา ชุมชนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ชุมชนบ้านกู่กาสิงห์ยังเป็นชุมชนที่สามารถนำศักยภาพของพื้นที่และศักยภาพของชุมชนมาสร้างความร่วมมือ ความสามัคคีและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดจากสำนึกร่วมของชุมชนในท้องถิ่น และ 2) ในปี 2548 มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อเป็นฐานการเรียนรู้ในชุมชนแต่พิพิธภัณฑ์กลับกลายเป็นเพียงห้องเก็บของที่ไม่มีผู้สนใจเข้าชม ส่งผลให้พิพิธภัณฑ์เป็นเพียงห้องเก็บของที่ถูกทอดทิ้ง ในปีพ.ศ. 2560 ศาสตราจารย์พิเศษศรีศักร วัลลิโภดม ได้ให้แนวคิดในการพัฒนาพิพิธภัณฑ์โดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น มาเป็นรูปแบบในการสร้างพิพิธภัณฑ์ โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตนเอง ทำให้ชุมชนมีความเชื่อมั่น มีพลัง และเริ่มเห็นคุณค่า อยากสงวนรักษา ให้ความสำคัญ ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เมื่อมีการจัดทำพิพิธภัณฑ์ชุมชนจึงให้ความสนใจ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีเรื่องราวของบรรพบุรุษของตนอยู่ภายในให้ลูกหลานและผู้สนใจได้ศึกษา ทำให้พิพิธภัณฑ์มรดกภูมิปัญญากู่กาสิงห์สามารถเปิดให้ความรู้แก่ผู้สนใจจนถึงปัจจุบัน
