ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้ง ศึกษากรณีเงื่อนไขในการแท้ง

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาแนวคิดทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง 2. เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งของประเทศไทย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศอังกฤษ และประเทศญี่ปุ่น 3. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบวิเคราะห์เกี่ยวกับเงื่อนไขเรื่องอายุครรภ์ในการทำแท้งความจำเป็นในการให้คำปรึกษาก่อนทำแท้ง การมีส่วนร่วมของสามีในการให้ปรึกษาก่อนทำแท้ง กรณีเป็นหญิงมีสามี และการจำกัดจำนวนครั้งการทำแท้ง และ 4. เพื่อเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยทำการศึกษาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ จากบทความวารสาร รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ ตำรากฎหมาย หนังสือพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบออนไลน์ เป็นต้น แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ในเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวคิดและทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง ได้แก่ ทฤษฎีกฎหมายธรรมชาติ ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่ สิทธิของผู้เกี่ยวข้องในการทำแท้ง 2) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งที่ใช้บังคับในปัจจุบัน คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 – มาตรา 305 จากการศึกษากฎหมายต่างประเทศพบว่า การทำแท้งในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศอังกฤษ และประเทศญี่ปุ่น กำหนดให้การทำแท้งทุกกรณีต้องมีมูลเหตุ ต้องกระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีต้องเข้ารับคำปรึกษาและมีระยะเวลารอคอยก่อนทำแท้ง 3 วัน ประเทศอังกฤษ ต้องมีแพทย์ 2 นายลงความเห็นว่าการทำแท้งมีมูลเหตุจำเป็น ประเทศญี่ปุ่นต้องได้รับความยินยอมจากคู่ครอง 3) จากการศึกษาพบว่า กฎหมายของไทยอนุญาตให้หญิงทำแท้งได้เอง ทำแท้งตามคำร้องขอได้โดยไม่จำเป็นต้องมีมูลเหตุ การทำแท้งใน 12 สัปดาห์แรกไม่ต้องเข้ารับคำปรึกษา และไม่เปิดโอกาสให้สามีเข้ามามีส่วนร่วมในการทำแท้ง รวมทั้งไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการทำแท้ง และ 4) ข้อเสนอแนะคือควรแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 และ มาตรา 305 ควรกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับอายุครรภ์ การเข้ารับคำปรึกษาก่อนทำแท้ง และการจำกัดจำนวนครั้งในการทำแท้ง เพื่อคุ้มครองสิทธิในการมีชีวิตของทารกในครรภ์ และให้กฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งสอดคล้องและเหมาะสมกับสังคมไทย