ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ 2. เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการที่มีอายุระดับการศึกษา หน่วยงานที่สังกัด รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน และ 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และผลกระทบระหว่างปัจจัยในการปฏิบัติงานกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีเครื่องมือการวิจัย คือ แบบสอบถาม โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานสายสนับสนุนวิชาการ จำนวน 260 คน ที่มาจากการกำหนดขนาดตัวอย่าง โดยเปิดตารางของ Krejcie & Morgan และทำการสุ่มแบบง่าย แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามมาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสถิติสำเร็จรูปเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test, F-test การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) พนักงานสายสนับสนุนวิชาการให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัจจัยในการปฏิบัติงาน โดยรวม และเป็นรายด้าน อยู่ในระดับมาก (x̅= 4.02) 2) พนักงานที่มีอายุ หน่วยงานที่สังกัดแตกต่างกันให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัจจัย และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน แตกต่างกัน แต่พนักงานที่มีระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน ให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัจจัย และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ไม่แตกต่างกัน และ 3) ปัจจัยในการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์ และมีผลกระทบกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยรวม และเป็นรายด้าน ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย คือ มหาวิทยาลัยควรให้ความสำคัญ และส่งเสริมการพัฒนาความสามารถ และการยอมรับความคิดเห็นของพนักงานสายสนับสนุนวิชาการให้มากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ได้ใช้ความสามารถ ไหวพริบปฏิภาณ วิธีการ การตัดสินใจในการแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพภาพ ปริมาณตามเวลาที่กำหนด ส่งเสริมความก้าวหน้าตามช่วงอายุ และตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน สร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ด้วยรางวัลจูงใจ หรือค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น เมื่อปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วง ตามเป้าหมายที่หน่วยงานกำหนดไว้