การพัฒนาหนังสืออ่านเพิ่มเติมหน่วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องสาเกตนครบ้านเราของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์และกิจกรรมทัศนศึกษา
คำสำคัญ:
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น, กิจกรรมทัศนศึกษา, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาหนังสืออ่านเพิ่มเติมหน่วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่อง สาเกตนครบ้านเราของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์และกิจกรรมทัศนศึกษาที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยหนังสืออ่านเพิ่มเติมหน่วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ฯ จำนวน 4 แผน (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 1 ฉบับ (3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จำนวน 1 ฉบับ (4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สังกัดเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 32 คน จำนวน 1 ห้อง ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเครื่องมือการวิจัยมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบโดยการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาหนังสืออ่านเพิ่มเติมหน่วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องสาเกตนครบ้านเราของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์และกิจกรรมทัศนศึกษา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.25/86.31 สูงกว่าและเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยหนังสืออ่านเพิ่มเติมหน่วยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องสาเกตนครบ้านเรา โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์และกิจกรรมทัศนศึกษา โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̅= 4.53)
