วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs
<p>วารสารการบัญชีและการจัดการ ISSN : 1906-7933, ISSN : 2730-3276 (online)</p> <p>วารสารการบัญชีและการจัดการ เป็นวารสารวิชาการ กลุ่มสาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ดำเนินการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันได้รับการประเมินคุณภาพวารสารวิชาการให้อยู่ในฐานข้อมูล Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) รอบที่ 5 อยู่ในกลุ่ม 1 (2568-2572) สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ </p> <p>มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจ โดยวารสารมีขอบเขตครอบคลุมหลายสาขาวิชาทางด้านธุรกิจได้แก่ การบัญชี การจัดการ การบริหารธุรกิจ การจัดการการประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ การบริหารการเงิน ธุรกิจระหว่างประเทศ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ การจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และเศรษฐศาสตร์และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</p>
Faculty of Accounting and Management, Mahasarakham University (คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
th-TH
วารสารการบัญชีและการจัดการ
1906-7933
<p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการบัญชีและการจัดการ</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว</p>
-
คุณภาพกำไร โอกาสในการขยายการลงทุน ข้อจำกัดทางการเงิน การถือครองเงินสด และค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี : บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/276610
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพกำไร โอกาสในการขยายการลงทุน ข้อจำกัดทางการเงิน การถือครองเงินสด และค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี : บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลจากงบการเงินเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 2566 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า การศึกษาคุณภาพกำไร โอกาสในการขยายการลงทุน ข้อจำกัดทางการเงิน การถือครองเงินสด และค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี : บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นไปตามรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ และมีความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กล่าวคือคุณภาพกำไร มีอิทธิพลในทิศทางเดียวกันกับโอกาสในการขยายการลงทุน โดยบริษัทที่มีคุณภาพกำไรที่สูง แสดงถึงความโปร่งใสและเถียรภาพทางการเงินของบริษัท ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อโอกาสในการขยายการลงทุน แต่คุณภาพกำไร มีอิทธิพลในทิศทางตรงกันข้ามกับข้อจำกัดทางการเงิน และเมื่อพิจารณาถึงด้านโอกาสในการขยายการลงทุน กับการถือครองเงินสด มีอิทธิพลในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ คุณภาพกำไรไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี</p> <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพกำไร โอกาสในการขยายการลงทุน ข้อจำกัดทางการเงิน การถือครองเงินสด และค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี : บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลจากงบการเงินเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 2566 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า การศึกษาคุณภาพกำไร โอกาสในการขยายการลงทุน ข้อจำกัดทางการเงิน การถือครองเงินสด และค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี : บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นไปตามรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ และมีความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กล่าวคือคุณภาพกำไร มีอิทธิพลในทิศทางเดียวกันกับโอกาสในการขยายการลงทุน โดยบริษัทที่มีคุณภาพกำไรที่สูง แสดงถึงความโปร่งใสและเถียรภาพทางการเงินของบริษัท ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อโอกาสในการขยายการลงทุน แต่คุณภาพกำไร มีอิทธิพลในทิศทางตรงกันข้ามกับข้อจำกัดทางการเงิน และเมื่อพิจารณาถึงด้านโอกาสในการขยายการลงทุน กับการถือครองเงินสด มีอิทธิพลในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ คุณภาพกำไรไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี</p>
จิราพร ไพรเถื่อน
พัทธนันท์ เพชรเชิดชู
ศิริเดช คำสุพรม
พนารัตน์ ปานมณี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
1
17
-
อิทธิพลกำกับของขนาดธุรกิจ อายุธุรกิจ ประเภทการดำเนินงานตามกลุ่มลูกค้า ในความสัมพันธ์ระหว่างของนวัตกรรมการบริการต่อผลการดำเนินงานทางการเงิน ของธุรกิจ SMEs ในภาคเหนือของประเทศไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/274791
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอิทธิพลของนวัตกรรมการบริการที่มีต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของธุรกิจ SMEs โดยวิเคราะห์ผ่านตัวแปรกำกับ 3 ด้าน ได้แก่ ขนาดธุรกิจ อายุธุรกิจ และประเภทการดำเนินงานตามกลุ่มลูกค้า การศึกษานี้เป็นวิธีวิจัยเชิงปริมาณแบบอธิบายเชิงสาเหตุ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากผู้ประกอบการหรือผู้จัดการในธุรกิจ SMEs ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 649 ราย ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง (SEM) โดยใช้ทดสอบแบบจำลองการศึกษาด้วยเทคนิคทั้ง Maximum Libility Estimation (MLE) และการวิเคราะห์หลายกลุ่ม (Multi-Group Analysis; MGA) ด้วยเทคนิคการเปรียบเทียบแบบไคสแควร์ระหว่างแบบจำลองที่มีข้อจำกัดและไม่มีข้อจำกัดของกลุ่มต่าง ๆ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรรมการบริการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานทางการเงินในธุรกิจขนาดเล็ก (Small) และขนาดกลาง (Medium) มากกว่าธุรกิจขนาดย่อย (Micro) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในขณะที่อายุธุรกิจและประเภทการดำเนินงานตามกลุ่มลูกค้าไม่พบความแตกต่างของอิทธิพลระหว่างกลุ่ม ผลการศึกษานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำหนดนโยบายส่งเสริมนวัตกรรมการบริการที่เหมาะสมตามขนาดของธุรกิจ SMEs</p>
พลอยณัชชา เดชะเศรษฐ์ศิริ
ประสิทธิชัย นรากรณ์
ธัมมะทินนา ศรีสุพรรณ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
18
37
-
Effect of Human Capital Orientation and Goal Achievement of Hotel Businesses in Thailand
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/276664
<p>In a business context, human capital orientation is the best way to approach at the corporate level such as objectives, structures, and processes to help firms develop effective strategies for maintaining a competitive advantage in dynamic environments. In this study, human capital orientation is considered as a key instrument which firms have implemented to organizational creativity capability, business innovation capability, and goal achievement. The key informants for this research were human resource directors or human resource managers in hotel business in Thailand. Data were collected through a mailed questionnaire distributed to 320 hotel businesses in Thailand, yielding a response rate of 20.91%. The factor loading and Cronbach’s alpha was used for instrumental testing. The regression analysis was conducted to examine all hypotheses. The finding indicate that human capital orientation has a positive effect on organizational creativity capability (Adjusted R2 = 0.112), business innovation capability (Adjusted R2 = 0.092), and goal achievement (Adjusted R2 = 0.237). Furthermore, business innovation capability has a positive effect on goal achievement (Adjusted R2 = 0.464), whereas organizational creativity capability has not a positive effect on goal achievement. These findings suggest that executives should implement effectively manage the knowledge, skills, experience, creative thinking, and competencies in order to encourage organizational innovation and to continue the achievement of organizational goals. Future research should explore the role of moderating variables in the relationship between human capital orientation and organizational outcomes, as well as conduct a comprehensive literature review to refine and reconceptualize this relationship.</p>
Aphi Khamphroh
Sasichai Pimpan
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-25
2025-10-25
17 3
38
51
-
การประยุกต์ใช้บัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคเนื้อ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/274992
<p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการประยุกต์ใช้บัญชีบริหารของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ 2) ระดับความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ และ 3) การประยุกต์ใช้บัญชีบริหารที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 54 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับการประยุกต์ใช้บัญชีบริหารของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการตัดสินใจ ด้านการควบคุม ด้านการสั่งการ และด้านการวางแผน 2) ระดับความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านกระบวนการปฏิบัติงาน ด้านการจัดหาและใช้ทรัพยากร ด้านการบรรลุเป้าหมาย และด้านการลดต้นทุน และ 3) การประยุกต์ใช้บัญชีบริหาร <br />ด้านการวางแผน ด้านการสั่งการ และด้านการตัดสินใจ ส่งผลต่อความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ดังนั้นผู้บริหารกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ควรนำข้อมูลทางการบัญชีมาใช้ในการวางแผน สั่งการ และตัดสินใจในการบริหารจัดการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน</p>
โสพิศพิไล ทองใส
พัชรี พระสงฆ์
อรัญญา จินาชาญ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-25
2025-10-25
17 3
52
66
-
บทบาทของขนาดคณะอนุกรรมการในการส่งผ่านอิทธิพลของ ลักษณะคณะกรรมการต่อคุณภาพการเปิดเผยข้อมูลและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SETESG: ศึกษาตัวแปรในกลุ่มระดับสูง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/276801
<p>วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยเชิงประจักษ์นี้ คือ เพื่อศึกษาลักษณะคณะกรรมการกลุ่มระดับสูง (ขนาด ความเชี่ยวชาญ เพศ อายุ การดำรงตำแหน่ง ความเป็นอิสระ/เจ้าของ และการประชุม) ที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการเปิดเผยข้อมูลและผลการดำเนินงาน (ESG การเงิน และมูลค่าบริษัท) ผ่านขนาดคณะอนุกรรมการกลุ่มระดับสูง และลักษณะบริษัทกลุ่มระดับสูง เป็นตัวแปรควบคุม การวัดค่าตัวแปรจากข้อมูลทุติยภูมิ ดัชนีรายการเปิดเผยข้อมูลประเมินและให้คะแนนรายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) พ.ศ. 2566 จำนวน 114 บริษัท และทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์การถดถอยแบบลำดับชั้น</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) ลักษณะคณะกรรมการกลุ่มระดับสูงมีอิทธิพลเชิงบวกและลบต่อคุณภาพการเปิดเผยข้อมูลและผลการดำเนินงาน (2) ลักษณะคณะกรรมการกลุ่มระดับสูงมีอิทธิพลเชิงบวกและลบต่อขนาดคณะอนุกรรมการกลุ่มระดับสูง และ (3) ลักษณะคณะกรรมการกลุ่มระดับสูงมีอิทธิพลเชิงบวกต่อคุณภาพการเปิดเผยข้อมูล ผ่านขนาดคณะอนุกรรมการกลุ่มระดับสูง (ทั้งบางส่วนและสมบูรณ์) รวมถึงลักษณะบริษัทกลุ่มระดับสูงเป็นตัวแปรควบคุมได้ นอกจากนี้ ผลการวิจัยให้ข้อมูลเชิงลึกต่อผู้กำหนดนโยบายและนักลงทุนโดยเน้นบทบาทของขนาดคณะกรรมการกำกับดูแลสูงกว่าสามคน ขนาดคณะกรรมการบริหารสูงกว่าสี่คน และขนาดคณะกรรมการเทคโนโลยีอย่างน้อยหนึ่งคน ส่งผ่านอิทธิพลของลักษณะคณะกรรมการ (อายุเฉลี่ยกรรมการทุกคนสูงกว่า 62 ปี และอายุเฉลี่ยกรรมการอิสระทุกคนสูงกว่า 65 ปี) ต่อคุณภาพการเปิดเผยข้อมูลสูงขึ้นในบริษัทที่มีระดับESG สูง</p>
มณฑา เอมสวัสดิ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
67
105
-
อิทธิพลของการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทย ของผู้บริโภคในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว: บทบาทตัวแปรคั่นกลาง ซอฟต์พาวเวอร์ไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/275166
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรงและทางอ้อม ของการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการและซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคใน สปป.ลาว ที่เคยรับชมซีรี่ส์ไทย ในนครหลวงเวียงจันทน์ จำนวน 400 คน กลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเป็นชั้นภูมิ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและการทดสอบสมมติฐานใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นอย่างง่าย และการทดสอบสมมติฐานของอิทธิพลคั่นกลางใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุรวมถึงการทดสอบโซเบลที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติร้อยละ 0.05 ผลการศึกษา พบว่า (1) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.489 (2) ซอฟต์พาวเวอร์ไทยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.548 (3) การตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคใน สปป.ลาว มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.96 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.641 (4) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการมีอิทธิพลทางตรงต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคใน สปป.ลาว (5) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการมีอิทธิพลทางตรงต่อซอฟต์พาวเวอร์ไทย (6) ซอฟต์พาวเวอร์ไทยมีอิทธิพลทางตรงต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคใน สปป.ลาว และ (7) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการส่งอิทธิพลผ่านซอฟต์พาวเวอร์ไทย และส่งผลทางบวกต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคใน สปป.ลาว ดังนั้น จึงเป็นการยืนยันได้ว่าการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการและซอฟต์พาวเวอร์ไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมซีรี่ส์ไทยของผู้บริโภคในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว</p>
Soupaphone Manivongsack
อารีรัตน์ ลีฬหะพันธุ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
106
120
-
ความสัมพันธ์ระหว่างนวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่กับความสำเร็จธุรกิจของร้านคาเฟ่ ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/277402
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และผลกระทบของนวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่กับความสำเร็จธุรกิจของร้านคาเฟ่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้แบบสอบถามลงเก็บกับผู้ประกอบการและแบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจร้านคาเฟ่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ t-test , การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณ และการวิเคราะห์ความถดถอยแบบพหุคูณ ในการทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้ประกอบการ มีความคิดเห็นด้วยเกี่ยวกับนวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่ ของธุรกิจร้านคาเฟ่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม ด้านการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ด้านการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ด้านการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการอยู่ในระดับมาก ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ของธุรกิจร้านคาเฟ่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม ด้านกระบวนการ ด้านการเรียนรู้และการพัฒนา และด้านการเงิน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก 2)ผู้ประกอบการที่มีเพศแตกต่างกัน มีความคิดเห็นด้วยเกี่ยวกับนวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่กับความสำเร็จธุรกิจ โดยรวม ไม่แตกต่างกัน และ 3) นวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่ ด้านการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการ ด้านการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าง่ายยิ่งขึ้น และด้านการทำให้ผู้บริโภคเป็นลูกค้าประจำ มีความสัมพันธ์และผลกระทบต่อความสำเร็จธุรกิจ โดยรวม ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจร้านคาเฟ่ ควรมีการส่งเสริมนวัตกรรมการตลาดสมัยใหม่ในด้านการสร้างคุณค่าในการให้บริการ การทำให้ลูกค้าเข้าถึง และการสร้างความพึงพอใจสามารถเป็นลูกค้าประจำธุรกิจร้านคาเฟ่ได้อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จทางทางการดำเนินธุรกิจตลอดไป</p>
อินทร์ อินอุ่นโชติ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
121
136
-
เทคโนโลยีบัญชีดิจิทัลกับประสิทธิภาพแผนกบัญชี: กรณีศึกษาสำนักงานบัญชีในจังหวัดอุบลราชธานี
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/275289
<p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบัญชีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแผนกบัญชีในสำนักงานบัญชีขนาดเล็กและกลางในจังหวัดอุบลราชธานี โดยพิจารณาเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบบัญชีคลาวด์ และ Robotic Process Automation ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความเร็ว ความถูกต้อง และลดต้นทุนในงานบัญชี การศึกษานี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 500 คน ประกอบด้วยพนักงานบัญชี 350 คน และผู้บริหาร 150 คน ผ่านแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ผลการวิจัยพบว่า การใช้ระบบบัญชีคลาวด์ ช่วยลดเวลาในการทำงานลง 35% เพิ่มความถูกต้องของข้อมูลเป็น 89.1% และลดต้นทุนลง 22% ในขณะที่ การใช้ RPA ควบคู่กับระบบบัญชีคลาวด์ สามารถลดเวลาในการทำงานได้สูงสุด 55% เพิ่มความถูกต้องของข้อมูลเป็น 96.3% และลดต้นทุนได้ 35% นอกจากนี้ พบว่า พนักงานที่ทำงานในองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้รายงานระดับความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้ RPA ในการลดขั้นตอนงานซ้ำซ้อน หากองค์กรต้องการใช้ผลการศึกษานี้เพื่อตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีบัญชีดิจิทัล จำเป็นต้องพิจารณาผลกระทบของแต่ละเทคโนโลยีแยกกัน เนื่องจากผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ระบบบัญชีคลาวด์มีบทบาทสำคัญในด้านการลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล ในขณะที่ RPA ช่วยลดระยะเวลาการทำงานและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ การวิจัยนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางวิชาการโดยเน้นถึงผลกระทบของเทคโนโลยีบัญชีดิจิทัลในบริบทท้องถิ่น และให้แนวทางแก่ผู้บริหารสำนักงานบัญชีเกี่ยวกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร</p>
มหัทธกร เปลี่ยนสมัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
137
153
-
อิทธิพลของคุณลักษณะคณะกรรมการตรวจสอบที่มีต่อค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/278145
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณลักษณะคณะกรรมการตรวจสอบที่มีต่อค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี คุณลักษณะคณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ ความเป็นอิสระ ขนาด การประชุม ความเชี่ยวชาญด้านการบัญชีหรือการเงินของคณะกรรมการตรวจสอบ และความเชี่ยวชาญด้านการบัญชีหรือการเงินของประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กลุ่มตัวอย่างที่นำมาศึกษาเป็นข้อมูลฑุติยภูมิจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2565 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 198 บริษัท ประกอบด้วยอุตสาหกรรม ประเภทภาคสินค้าอุตสาหกรรม จำนวน 88 บริษัท และภาคบริการ จำนวน 110 บริษัท เลือกแบบเฉพาะเจาะจงที่มีข้อมูลครบถ้วน เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของคณะกรรมการตรวจสอบและค่าธรรมเนียมการสอบบัญชีจากแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (56-1) การวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มตัวแปร ด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน นำมาใช้ในการทดสอบสมมติฐาน โดยการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ แบบ Enter Method ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะคณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ ความเป็นอิสระคณะกรรมการตรวจสอบ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี และความเชี่ยวชาญด้านการบัญชีหรือการเงินของประธานคณะกรรมการตรวจสอบ มีอิทธิพลเชิงลบต่อค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี ในขณะที่จำนวนการประชุม ขนาด และความเชี่ยวชาญด้านการบัญชีหรือการเงินของคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่มีความสัมพันธ์ต่อค่าธรรมเนียมการสอบบัญชี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษานี้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลและปรับปรุงคุณลักษณะคณะกรรมการตรวจสอบ ของหน่วยงานกำกับดูแล และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับความเป็นอิสระของคณะกรรมการตรวจสอบ และความเชี่ยวชาญด้านการบัญชีและการเงินของประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย มีความเชื่อมั่นต่อรายงานทางการเงิน และมีค่าธรรมเนียมการสอบบัญชีที่เหมาะสม</p>
วันสิริ ประเสริฐทรัพย์
สุขจิตร ตั้งเจริญ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-25
2025-10-25
17 3
154
180
-
การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจด้านเครือข่ายของวิสาหกิจขนาดย่อย ในการเผชิญเหตุวิกฤตโควิด 19
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/276540
<p>วิสาหกิจขนาดย่อย (Micro Enterprises) เป็นกลุ่มธุรกิจรากฐานที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย วิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มธุรกิจ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและมีความเปราะบางสูงต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผลกระทบต่อรายได้และความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจอย่างเฉียบพลัน ทำให้การพึ่งพาเครือข่ายกลายเป็นกลไกสำคัญต่อการฟื้นคืน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบและตัวบ่งชี้ของเครือข่ายที่ช่วยให้วิสาหกิจขนาดย่อยเกิดการธำรงสภาพ (Resilience) ในช่วงวิกฤต โดยใช้วิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA) กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ประกอบการ จำนวน 158 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ด้วยแบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่า เครือข่ายแบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบได้แก่ พลวัตด้านเครือข่าย ซึ่งสะท้อนถึงความความสัมพันธ์เชิงจิตใจและ ความสามารถด้านเครือข่าย แสดงถึงความการสร้างเครือข่ายผ่านความร่วมมือและใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ประกอบไปด้วย 9 ตัวบ่งชี้และมีค่าน้ำหนักมากกว่า 0.5 และค่าความร่วมกันอยู่ในช่วง 0.50–0.72 สะท้อนว่ามีความเหมาะสมและมีความชัดเจนทางแนวคิด ทั้งสององค์ประกอบยังมีความเกี่ยวโยงกัน โดยพลวัตด้านเครือข่ายช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ข้อค้นพบสะท้อนว่าเครือข่ายที่เข้มแข็งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพในการปรับตัวของวิสาหกิจขนาดย่อย อันนำไปสู่การธำรงสภาพองค์กรท่ามกลางภาวะไม่แน่นอน ทั้งนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารธุรกิจในภาวะวิกฤต</p>
กุลธิรา แซ่โซว
ศศิวิมล สุขบท
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-23
2025-09-23
17 3
181
196
-
ผลกระทบของสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลต่อความสัมพันธ์ระหว่างค่าตอบแทนกับมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/276530
<p>การกำหนดค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้กับคณะกรรมการและผู้บริหาร ในยุคที่สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) เป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้เสีย ถือเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความรู้ และทักษะที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างมูลค่ากิจการ การวิจัยนี้มุ่งศึกษาผลกระทบของสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) ต่อความสัมพันธ์ระหว่างค่าตอบแทนกับมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิในช่วงปี พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2566 ตัวอย่างประกอบด้วยข้อมูล 221 Firm-year จากบริษัทจดทะเบียนที่มีการเปิดเผยคะแนน ESG (ESG Disclosure Score) ตามฐานข้อมูล Bloomberg และเก็บรวบรวมข้อมูลจากงบการเงินและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี(56-1 หรือ 56-1 One Report) การวิเคราะห์ใช้วิธีถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression) เพื่อทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับผลกระทบของตัวแปร ผลการวิจัยพบว่า ค่าตอบแทนกรรมการบริหารและค่าตอบแทนผู้บริหารมีผลกระทบในทางบวกต่อมูลค่ากิจการ แต่ไม่พบผลกระทบจากค่าตอบแทนกรรมการอิสระ นอกจากนี้ พบว่าการเปิดเผยข้อมูล ESG มีผลกระทบในทางบวกต่อมูลค่ากิจการ และยังทำหน้าที่เป็นตัวแปรกำกับซึ่งช่วยเพิ่มผลกระทบของค่าตอบแทนกรรมการอิสระ</p>
จินตนา โสมโสดา
อรัณพงศ์ ทนันไชย
ดารารัตน์ โพธิ์ประจักษ์
อเนก พุทธิเดช
สุรชัย เอมอักษร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-25
2025-10-25
17 3
197
219
-
การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันคุณภาพการบริการแผงลอยอาหารริมทาง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/mbs/article/view/274770
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันคุณภาพการบริการแผงลอยอาหารริมทาง งานวิจัยชิ้นเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามแบบมีโครงสร้างในการเก็บข้อมูลจำนวน 365 ราย ใช้วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างตามสะดวก (convenience sampling) สถิติที่ใช้ในการประมวลผล ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจและเชิงยืนยัน ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบคุณภาพการบริการแผงลอยอาหารริมทาง ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ องค์ประกอบความเชื่อถือได้ องค์ประกอบคุณค่าและคุณภาพอาหาร องค์ประกอบความมั่นใจและสิ่งที่จับต้องได้ องค์ประกอบความเอาใจใส่ องค์ประกอบสุขอนามัย และองค์ประกอบความสะดวก สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยพิจารณาจากค่าไคสแควร์ (χ<sup>2</sup>) เท่ากับ 13.822 องศาอิสระ (df) เท่ากับ 7 ค่า P-value เท่ากับ .54 ค่าไคสแควร์สัมพันธ์ (χ<sup>2</sup>/df) เท่ากับ 1.975 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) เท่ากับ 0.987 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) เท่ากับ 0.961 ค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องเปรียบเทียบ (CFI) เท่ากับ 0.995 ค่ารากกำลังสองของความคลาดเคลื่อนโดยประมาณ (RMSEA) เท่ากับ 0.052 และค่ารากของค่าเฉลี่ยกำลังสองของเศษเหลือ (RMR) เท่ากับ 0.005 จากผลการวิเคราะห์องค์ประกอบคุณภาพการบริการแผงลอยอาหารริมทางประกอบด้วย 6 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ องค์ประกอบความเชื่อถือได้ องค์ประกอบคุณค่าและคุณภาพอาหาร องค์ประกอบความมั่นใจและสิ่งที่จับต้องได้ องค์ประกอบความเอาใจใส่ องค์ประกอบสุขอนามัย และองค์ประกอบความสะดวก จากผลการวิจัยดังกล่าวผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะแก่ผู้ประกอบการแผงลอยอาหารริมทางในประเด็นสำคัญดังนี้ คือ การจัดเตรียมอาหารให้เป็นไปตามคำสั่งซื้อของผู้บริโภค การตั้งราคาขายให้สอดคล้องกับปริมาณและคุณภาพของอาหาร การให้ข้อมูลอาหารที่สำคัญแก่ผู้บริโภค การใส่ใจคำสั่งซื้อเฉพาะรายบุคคล การรักษาความสะอาดแผงลอยและผู้ให้บริการ รวมทั้งการเลือกทำเลที่ตั้งที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย</p>
ฐิตารีย์ ศิริมงคล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบัญชีและการจัดการ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-25
2025-10-25
17 3
220
239