วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo
<p><strong>ISSN 3057-1871 (Online)</strong></p> <p><strong>วัตถุประสงค์และขอบเขต (Focus and Scope)<br /></strong> วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ (Interdisciplinary Journal of Buriram Rajabhat University) เป็นวารสารวิชาการที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการและผลงานวิจัยครอบคลุมศาสตร์ต่างๆ ทางสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ได้แก่ เศรษฐศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ การจัดการ บริหารทรัพยากรมนุษย์ การเงินการธนาคาร การตลาด คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรม สื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหวิทยาการจัดการ โดยครอบคลุมสาขาวิชาหลัก (Main subject category) และสาขาวิชาย่อย (Subject areas) ตามขอบเขตของวารสารฯ ดังนี้<br /> สาขาวิชาหลัก: Social Sciences<br /> สาขาวิชาย่อย: 1. Business, Management and Accounting <br /> 1.1 General Business, Management and Accounting<br /> 1.2 Management Information Systems <br /> 1.3 Marketing<br /> 1.4 Organizational Behavior and Human Resource Management<br /> 1.5 Tourism, Leisure and Hospitality Management<br /> สาขาวิชาย่อย: 2. Economics, Econometrics, and Finance<br /> 2.1 General Economics, Econometrics, and Finance<br /> สาขาวิชาย่อย: 3. Social Sciences<br /> 3.1 General Social Sciences<br /> 3.2 Education<br /> 3.3 Law<br /> 3.4 Linguistics and Language<br /> 3.5 Sociology and Political Science<br /> 3.6 Communication<br /> 3.7 Public Administration<br /> ทั้งนี้สามารถนำเสนอได้ในรูปแบบบทความวิจัย และบทความวิชาการ เท่านั้น</p> <p><strong>การประเมินบทความ (Peer Review Process)</strong><br /> แต่ละบทความจะถูกประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) จากหลากหลายสถาบันอย่างน้อย 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งจะไม่ทราบชื่อซึ่งกันและกัน (Double Blinded) </p> <p><strong><em>Time to first decision: 2 Week</em></strong><br /><strong><em>Review time: 6-8 Week<br /></em></strong><strong><em>Acceptance to publication: 4-26 Week</em></strong></p> <p><strong>กำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่ (Publication Frequency)</strong><br />การตีพิมพ์วารสารฯ จะมีการตีพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ คือ<br /> 1. ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน<br /> 2. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p>-------------------------------------------------------------------------------------------------<strong><br /></strong><strong>วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์</strong><br /><strong>ISSN 2651-124X (Print) (Cancel)</strong><br /><strong>ISSN 2985-0444 (Online) (Cancel)</strong><br /><strong>จำนวนฉบับ</strong> : ปีละ 2 ฉบับ (มกราคม - มิถุนายน และ กรกฏาคม - ธันวาคม)<br /><strong>ภาษา</strong> : ไทย,อังกฤษ<br /><strong>ค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์</strong> : จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับบทความที่ได้รับการเผยแพร่ในปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (2567) เป็นต้นไปในอัตราดังนี้<br /> - บุคคลภายนอกเก็บค่าธรรมเนียมบทความละ 3,500 บาท (อาจารย์/นักวิจัย/นักวิชาการ/นักศึกษา ของสถาบันอื่น)<br /> - บุคคลภายในเก็บค่าธรรมเนียมบทความละ 3,000 บาท (อาจารย์/นักวิจัย/นักวิชาการ/นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์)<br /> - กรณีบุคคลภายในที่มีชื่อเป็นผู้ร่วมผลงานกับบุคคลภายนอก ให้ชำระค่าธรรมเนียมบทความในอัตราเดียวกับบุคคลภายนอก บทความละ 3,500 บาท</p>
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
th-TH
วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
3057-1871
<p>ลิขสิทธิ์ ในการตีพิมพ์บทความ</p> <p> </p> <p>จะโชว์ตอนที่ ผู้ส่งบทความ ตีพิมพ์ ต้องกด accept</p>
-
อิทธิพลของภาวะผู้นำสมัยใหม่ที่มีต่อประสิทธิภาพการทำงานของนักบัญชีบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/277502
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำสมัยใหม่ ประสิทธิภาพการทำงาน และทดสอบอิทธิพลของภาวะผู้นำสมัยใหม่ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของนักบัญชีบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักบัญชีบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย จำนวน 158 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณ และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า นักบัญชีบริษัท มีความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นำสมัยใหม่โดยรวมและเป็นรายด้านอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการตัดสินใจ ด้านการทำงานเป็นทีม ด้านวิสัยทัศน์และการเรียนรู้สิ่งใหม่และด้านสร้างแรงบันดาลใจ และนักบัญชีบริษัทมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมและเป็นรายด้านอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการทำงานต้องเชื่อได้ ด้านผลงานได้มาตรฐาน และด้านงานสำเร็จทันเวลา</p> <p>จากการทดสอบอิทธิพล พบว่า 1) ภาวะผู้นำสมัยใหม่ด้านสร้างแรงบันดาลใจ มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม (β = 0.188, p < 0.01) 2) ภาวะผู้นำสมัยใหม่ด้านการทำงานเป็นทีม มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม (β = 0.223, p < 0.01) 3) ภาวะผู้นำสมัยใหม่ด้านวิสัยทัศน์และการเรียนรู้สิ่งใหม่ มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม (β = 0.217, p < 0.01)</p>
บุญช่วง ศรีธรราษฎร์
สุพร ชากรม
อารยะรัตน์ ชารีแสน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-08
2025-08-08
9 2
1
13
-
อิทธิพลของความสามารถในการทำกำไรกับอัตราภาษีเงินได้ที่แท้จริง: กรณีศึกษาประเทศจีนและประเทศไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/278633
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบอิทธิพลของความสามารถในการทำกำไรกับอัตราภาษีเงินได้ที่แท้จริงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีนและไทย ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2566 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีนตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นมีจำนวน 2906 บริษัท และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีจำนวน 553 บริษัท เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ ตารางเก็บข้อมูลด้วยโปรแกรม Spreadsheet สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ข้อมูลของประเทศจีน ความสามารถในการทำกำไร อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROA) และ อัตรากำไรสุทธิ (NPM) มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่ออัตราภาษีที่แท้จริง ข้อมูลของประเทศไทย ความสามารถในการทำกำไร อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROA) และ อัตรากำไรสุทธิ (NPM) มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่ออัตราภาษีที่แท้จริง ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งประเทศไทยและประเทศจีนอาจนำผลการวิจัยไปปรับใช้ในการตัดสินใจลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามต้องการ</p>
Meng Wang
ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน
แดน กุลรูป
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-08
2025-08-08
9 2
14
27
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเป็นไปได้ในการเดินทางของผู้โดยสารพร้อมสัตว์เลี้ยงในห้องโดยสารเครื่องบินพาณิชย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/279317
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยสนับสนุนที่มีผลต่อความเป็นไปได้ในการเดินทางของผู้โดยสารพร้อมสัตว์เลี้ยงในห้องโดยสารเครื่องบินพาณิชย์ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ผู้โดยสารคนไทยที่ใช้บริการเดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์ภายในประเทศ ของท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง จำนวน 423 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา เพื่อแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติเชิงอนุมานประกอบด้วยวิธีวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ โดยกำหนดค่าระดับความเชื่อมั่นทางสถิติที่ 0.05</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า การทดสอบสมมติฐานได้นำกลุ่มปัจจัยที่คาดว่าจะมีอิทธิพลทางบวกต่อความเป็นไปได้ในการเดินทางของผู้โดยสารพร้อมสัตว์เลี้ยงในห้องโดยสารเครื่องบินพาณิชย์ จำนวน 4 ปัจจัย ประกอบด้วย ความผูกพันกับสัตว์เลี้ยง ข้อตกลงทางสังคม ความสามารถในการเดินทาง และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง มาทำการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบถดถอย ตามวิธีขั้นตอนการถดถอยแบบขั้นตอน พบว่า ทุกปัจจัยมีความสัมพันธ์กันทางบวก ร่วมกันอธิบายความแปรปรวนตัวแปรความเป็นไปได้เท่ากับร้อยละ 40.2 (Adjusted R<sup>2</sup> = 0.402) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
ตวงพร ศาลากิจ
ณัฐพล พันธุ์ภักดี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-08
2025-08-08
9 2
28
42
-
การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อเผยแพร่การบริการ การท่องเที่ยวโดยใช้ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับผู้ให้บริการสนับสนุนการท่องเที่ยวตำบลลำดวน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/278904
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ให้บริการท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาสื่อการเรียนรู้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ มุ่งแก้ไขปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของชุมชนท่องเที่ยว และเพื่อให้สื่อที่ถูกพัฒนาขึ้นสามารถสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในชุมชนตำบลลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ ผลการศึกษาพบว่าผู้ให้บริการในตำบลลำดวนใช้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน เช่น การต้อนรับ อธิบายสถานที่ท่องเที่ยว และตอบคำถามทั่วไป สำนวนที่พบบ่อย จากการวิเคราะห์ความต้องการ พบว่าสถานการณ์ที่จำเป็นที่สุด ได้แก่ การให้ข้อมูลเส้นทาง การแนะนำเมนูอาหารท้องถิ่น และการอธิบายกิจกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาแอปพลิเคชัน "ลำดวนทัวร์ไกด์" แอปฯ นี้ได้ออกแบบเนื้อหาแบบมัลติมีเดียผสมผสาน จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชันมัลติมีเดียที่รวมเนื้อหาภาษาอังกฤษในรูปแบบอินโฟกราฟิกน่าสนใจ วีดีโอ และแบบฝึกหัดแบบ Interactive ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกทักษะการสื่อสารในสถานการณ์จริง เช่น การให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวและการแนะนำวัฒนธรรมท้องถิ่น</p> <p>งานวิจัยนี้ มีจำนวนกลุ่ม ตัวอย่าง 400 คน ใช้เกณฑ์ใดในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ประกอบด้วย กลุ่มผู้ให้บริการ 30 คน และกลุ่มนักท่องเที่ยว 370 คน พบว่าแอปพลิเคชันได้รับความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ยรวม 4.62) และด้านที่ได้รับความพึงพอใจสูงที่สุด คือ ความพึงพอใจของผู้ใช้ (ค่าเฉลี่ย 4.75) จากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน โดยเฉพาะผู้ให้บริการที่รายงานว่ามีความมั่นใจในการสื่อสารมากขึ้น 80% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 85% ให้การยอมรับในความสามารถทางภาษาของชุมชน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาทักษะภาษา โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการ นอกจากนี้ยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าแอปพลิเคชันนี้ไม่เพียงพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน</p>
วณิชา แผลงรักษา
ปิติวรรณ ฝ้ายโคกสูง
บำรุง กันรัมย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-08
2025-08-08
9 2
43
58
-
คุณลักษณะของผู้ประกอบการและการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของธุรกิจบริการร้านอาหารในเขตอำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/279889
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาระดับความสำคัญของคุณลักษณะของผู้ประกอบการ ความได้เปรียบทางการแข่งขันและความสำเร็จของธุรกิจบริการร้านอาหาร และ 2) ศึกษาคุณลักษณะของผู้ประกอบการและความได้เปรียบทางการแข่งขันที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของธุรกิจบริการร้านอาหาร อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วไปที่ให้บริการอาหารตามสั่งทั้งขายหน้าร้านและขายออนไลน์ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง จำนวน 400 ราย เครื่องมือ คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอนุมานวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติถดถอยแบบพหุคูณ ด้วยวิธี Enter</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะของผู้ประกอบการในภาพรวมมีความสำคัญระดับมากที่สุด โดยความเป็นส่วนตัวของตัวเอง มีระดับความสำคัญมากที่สุด รองลงมา คือ ความกล้าเสี่ยงและความใฝ่ใจในความสำเร็จ ส่วนความได้เปรียบทางการแข่งขันในภาพรวมมีความสำคัญระดับมากที่สุด โดยการมุ่งจุดสนใจ มีระดับความสำคัญมากที่สุด รองลงมา คือ การสร้างความแตกต่าง และผู้นำด้านต้นทุน ส่วนความสำเร็จของธุรกิจบริการในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านกระบวนการภายในและด้านลูกค้า มีระดับความสำคัญมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการเงิน และด้านการเรียนรู้และพัฒนา ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่า คุณลักษณะของผู้ประกอบการ และความได้เปรียบทางการแข่งขันมีอิทธิพลต่อความสำเร็จในธุรกิจบริการ ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยคุณลักษณะที่เหมาะสมของผู้ประกอบการ เช่น ความเป็นตัวของตัวเอง ความกล้าเสี่ยงและความใฝ่ใจในความสำเร็จ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจบริการ และความสามารถในความได้เปรียบทางการแข่งขัน เช่น การมุ่งจุดสนใจที่เน้นการบริการที่ประทับใจ และการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขัน</p>
คัจฉนันท์ เลิศพงษ์ศิลป์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-15
2025-10-15
9 2
59
74
-
คุณภาพการให้บริการที่ส่งผลต่อความพึงพอใจศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจ ใกล้บ้าน ของกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/281761
<p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษา คุณภาพการให้บริการและความพึงพอใจของผู้รับบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน ภายใต้กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาระดับคุณภาพการให้บริการและความพึงพอใจ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างมิติคุณภาพบริการกับความพึงพอใจ และ 3) ศึกษาปัจจัยคุณภาพบริการที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูล จากผู้รับบริการ 328 คน ด้วยแบบสอบถาม มีคำถามปลายปิด และปลายเปิด วิเคราะห์ด้วย สถิติเชิงพรรณนา สหสัมพันธ์ เพียร์สัน และ ถดถอยพหุคูณ เพื่อประเมินอิทธิพลของมิติคุณภาพบริการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านรูปธรรม ด้านความเชื่อถือไว้วางใจได้ ด้านการตอบสนอง ด้านการให้ความมั่นใจ และ ด้านความเข้าใจเอาใจใส่</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า คุณภาพบริการโดยรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด (\bar{x}= 4.63, S.D. = 0.57) โดยมิติที่สูงสุด คือ ด้านความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ (\bar{x}= 4.67, S.D. = 0.55) ส่วนด้านความพึงพอใจโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (\bar{x}= 4.60, S.D. = 0.59) โดยมิติเด่น คือ ด้านการให้บริการอย่างเสมอภาค (\bar{x}= 4.68, S.D. = 0.53) มิติคุณภาพ ทั้ง 5 ด้าน มีความสัมพันธ์เชิงบวก กับ ความพึงพอใจ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 แบบจำลองถดถอย อธิบายความแปรปรวนของความพึงพอใจ ได้ร้อยละ 75.50 (R² = 0.755) ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยมาตรฐาน ที่มีนัยสำคัญ ได้แก่ ด้านรูปธรรม (\beta= 0.271) ด้านการตอบสนอง (\beta= 0.171) ด้านการให้ความมั่นใจ (\beta= 0.223) และ ด้านความเข้าใจเห็นอกเห็นใจ (\beta= 0.236) ขณะที่ ด้านความเชื่อถือไว้วางใจได้ (\beta= 0.065) ไม่แตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญ ข้อเสนอแนะ คือ เสริมทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนามาตรฐาน ขั้นตอน และ ความเชี่ยวชาญ สร้างระบบตอบสนอง รวดเร็ว และสื่อสารเชิงเอาใจใส่ ควบคู่การยึดหลัก ความเสมอภาค เพื่อต่อยอด ความพึงพอใจ ของผู้รับบริการ ในบริบทจังหวัดบุรีรัมย์ เชิงวิชาการ เสนอให้ศึกษาติดตามผล หรือผสมวิธี เพื่อยืนยันสาเหตุปัจจัยแทรกและ ความแตกต่างระหว่างพื้นที่รวมถึงศึกษาเชิงคุณภาพเพื่อขยายความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ ผู้รับบริการและความคาดหวัง ที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา</p>
จุฑาทิพ เล็กอุดากร
สถาพร วิชัยรัมย์
ธัญญรัตน์ พุฑฒิพงษ์ชัยชาญ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-11-10
2025-11-10
9 2
75
85
-
คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในท้องถิ่นโดยใช้โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นฐานตามหลักพฤฒพลัง เขตพื้นที่ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/278830
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 2) วิเคราะห์เปรียบเทียบระดับคุณภาพชีวิตจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) กำหนดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตตามแนวคิดพฤฒพลัง โดยใช้โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นฐานดำเนินการ การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีแบบผสานวิธี โดยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุจำนวน 78 คน ด้วยแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอ้างอิง ได้แก่ t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) สำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพเก็บโดยการสนทนากลุ่มกับผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 10 คน ซึ่งคัดเลือกแบบเจาะจง และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับดี โดยด้านจิตใจและด้านสังคมอยู่ในระดับดี ขณะที่ด้านสุขภาพกายและด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับปานกลาง 2) ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ลักษณะครอบครัว และการเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตไม่แตกต่างกัน ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลด้านรายได้และด้านการมีผู้ดูแล ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ 3) กิจกรรมที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตตามหลักพฤฒพลัง คือ การประดิษฐ์พวงหรีดดอกไม้จันทน์แห้งเป็นอาชีพเสริม โดยมีแนวทางการดำเนินงาน 8 ข้อ ได้แก่ 1) การจัดตั้งกลุ่ม 2) การอบรมอาชีพ 3) การกำหนดโครงสร้างกลุ่ม 4) การใช้พื้นที่โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นฐานการดำเนินงาน 5) การกระจายการผลิต 6) การกระจายสินค้า 7) การประชาสัมพันธ์ 8) การจัดสรรผลตอบแทนแบบกลุ่ม</p>
กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-11-10
2025-11-10
9 2
86
105