https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/issue/feed
วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2024-07-06T00:00:00+07:00
รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา ปาโนรัมย์
pronprun.sk@bru.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์<br /></strong> วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นวารสารวิชาการที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการและผลงานวิจัยครอบคลุมศาสตร์ต่างๆ ทางสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ได้แก่ เศรษฐศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ การจัดการ บริหารทรัพยากรมนุษย์ การเงินการธนาคาร การตลาด คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรม สื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหวิทยาการจัดการ โดยครอบคลุมสาขาวิชาหลัก (Main subject category) และสาขาวิชาย่อย (Subject areas) ตามขอบเขตของวารสารฯ ดังนี้<br /> สาขาวิชาหลัก: Social Sciences<br /> สาขาวิชาย่อย: 1. Business, Management and Accounting <br /> 1.1 General Business, Management and Accounting<br /> 1.2 Management Information Systems <br /> 1.3 Marketing<br /> 1.4 Organizational Behavior and Human Resource Management<br /> 1.5 Tourism, Leisure and Hospitality Management<br /> สาขาวิชาย่อย: 2. Economics, Econometrics, and Finance<br /> 2.1 General Economics, Econometrics, and Finance<br /> สาขาวิชาย่อย: 3. Social Sciences<br /> 3.1 General Social Sciences<br /> 3.2 Education<br /> 3.3 Law<br /> 3.4 Linguistics and Language<br /> 3.5 Sociology and Political Science<br /> 3.6 Communication<br /> 3.7 Public Administration<br /> ทั้งนี้สามารถนำเสนอได้ในรูปแบบดังนี้<br /> 1. บทความประสบการณ์ และบทความเรียบเรียง<br /> 2. บทความวิจัย เป็น Concept paper หรือ ผลงานวิจัยที่ทำเสร็จสมบูรณ์<br /> 3. ผู้นำเสนอบทความเป็นบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจ</p> <p><strong>การประเมินบทความ</strong><br /> แต่ละบทความจะถูกประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) จากหลากหลายสถาบันอย่างน้อย 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งจะไม่ทราบชื่อซึ่งกันและกัน (Double Blinded) </p> <p><strong><em>Time to first decision: 2 Week</em></strong><br /><strong><em>Review time: 6-8 Week<br /></em></strong><strong><em>Acceptance to publication: 4-26 Week</em></strong></p> <p><strong>กำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่</strong><br />การตีพิมพ์วารสารฯ จะมีการตีพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ คือ<br /> 1. ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน<br /> 2. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p>-------------------------------------------------------------------------------------------------<strong><br /></strong><strong>วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์</strong><br />ISSN 2651-124X (Print) <br />ISSN 2985-0444 (Online)<br /><strong>จำนวนฉบับ</strong> : ปีละ 2 ฉบับ (มกราคม - มิถุนายน และ กรกฏาคม - ธันวาคม)<br /><strong>ภาษา</strong> : ไทย,อังกฤษ<br /><strong>ค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์</strong> : จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับบทความที่ได้รับการเผยแพร่ในปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (2567) เป็นต้นไปในอัตราดังนี้<br /> - บุคคลภายนอกเก็บค่าธรรมเนียมบทความละ 3,500 บาท (อาจารย์/นักวิจัย/นักวิชาการ/นักศึกษา ของสถาบันอื่น)<br /> - บุคคลภายในเก็บค่าธรรมเนียมบทความละ 3,000 บาท (อาจารย์/นักวิจัย/นักวิชาการ/นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์)<br /> - กรณีบุคคลภายในที่มีชื่อเป็นผู้ร่วมผลงานกับบุคคลภายนอก ให้ชำระค่าธรรมเนียมบทความในอัตราเดียวกับบุคคลภายนอก บทความละ 3,500 บาท</p>
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/267969
แนวทางการบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชน กรณีศึกษาชโลบลจักรี ตำบลบ้านกิ่ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
2024-01-29T16:02:24+07:00
วิเชียร วงค์วัน
xbonus3@gmail.com
หัสยา วงค์วัน
xbonus3@gmail.com
<p>งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาถึงด้านการบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชน 2) เพื่อศึกษาแนวการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสมาชิกวิสาหกิจชุมชนชโลบลจักรี ตำบลบ้านกิ่ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มสมาชิกวิสาหกิจชุมชนชโลบลจักรี จำนวน 35 ราย ประกอบด้วย 1) ผู้นำและผู้มีส่วนได้เสีย จำนวน 5 ราย 2) สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 30 ราย เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งมีโครงสร้าง และการประชุมกลุ่มย่อยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า การบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชน สมาชิกมีความพึงพอใจมากที่สุดในการจัดการสินค้าหรือบริการ รองลงมา การบริหารตลาด การจัดการความรู้และข้อมูล ผู้นำและการบริหารวิสาหกิจชุมชน การวางแผนการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชน และการบริหารสมาชิกวิสาหกิจชุมชน ส่วนแนวทางการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้มีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ด้านการพัฒนาสมาชิกกลุ่มคือ การส่งเสริมการเก็บออมเพื่อเป็นเงินลงทุน การเสริมสร้างความรู้การปลูกพืชผักอื่นๆ การทำปุ๋ยใช้เองเพื่อลดต้นทุนการปลูกพืชผักให้กับสมาชิก ด้านการพัฒนาการผลิตและการตลาด ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว การจัดทำแผนการผลิต และ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิต และการแปรรูปผลผลิต ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ มีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การปลูกพืชผักอินทรีย์ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ได้ทุกขั้นตอนแก่คนที่สนใจและสมาชิกรุ่นต่อไป</p>
2024-07-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/268465
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี
2024-02-21T15:12:49+07:00
วันชัย อมรมงคลทอง
wanchaia@sau.ac.th
นาตยา อารยเขมกุล
uhsateva@gmail.com
จันทพงศ์ จันทรภักดี
uhsateva@gmail.com
ณัฎฐณิชา รักษาวงศ์
uhsateva@gmail.com
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และ 2) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 258 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการศึกษาพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ด้านภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ด้านการกระตุ้นทางปัญญา และด้านการคำนึงถึงปัจเจกบุคคล อยู่ในระดับมาก และระดับความคิดเห็นของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง ด้านวินัยและการรักษาวินัย ด้านการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ด้านการลาออกจากราชการ และด้านการวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง อยู่ในระดับมาก และระดับความคิดเห็นของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ด้านผลการปฏิบัติงาน ด้านการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่และด้านการปฏิบัติงานตามสถานการณ์ อยู่ในระดับมาก 2) ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ด้านการสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง ด้านการวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และด้านกระตุ้นทางปัญญาส่งผลในทางตรงกันข้ามกับผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี</p>
2024-07-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/269376
องค์ประกอบผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคจังหวัดอำนาจเจริญ ภายหลังสถานการณ์โควิด 19
2024-03-28T16:51:19+07:00
ศุภกัญญา เกษมสุข
supakanya.k@ubru.ac.th
โชฒกามาศ พลศรี
supakanya.k@ubru.ac.th
วรรณณา ปิยะรัตน์มานนท์
supakanya.k@ubru.ac.th
วิลารักข์ อ่อนสีบุตร
supakanya.k@ubru.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์และการตัดสินใจซื้อของผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของจังหวัดอำนาจเจริญ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และ 2) ศึกษาองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของจังหวัดอำนาจเจริญ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 400 คน เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวัดองค์ประกอบเชิงสำรวจ (EFA) และการวิเคราะห์เชิงยืนยัน (CFA)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของจังหวัดอำนาจเจริญทั้ง 5 ด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการสอบถามและตอบ ด้านการรู้จักผลิตภัณฑ์ ด้านการสนับสนุน ด้านการชื่นชอบผลิตภัณฑ์ และด้านการตัดสินใจ ส่วนองค์ประกอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพของจังหวัดอำนาจเจริญ ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ผู้บริโภคมีความคิดเห็น อยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านศักยภาพเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ด้านผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง ด้านผลิตภัณฑ์ควบ ด้านรูปร่างผลิตภัณฑ์ และด้านผลิตภัณฑ์หลัก ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันโมเดลการวัดปัจจัยองค์ประกอบผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยพบว่า องค์ประกอบผลิตภัณฑ์ 3 ด้าน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หลัก ผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง และผลิตภัณฑ์ควบ ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งสามารถพยากรณ์ (R<sup>2</sup>) ได้ถึง 69% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05</p>
2024-07-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/270118
การพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นหมู่บ้านท่องเที่ยวตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
2024-04-29T14:14:21+07:00
อัษฎางค์ รอไธสง
tapexassa@gmail.com
ธัญรัศม์ ยุทธสานเสนีย์
thanyarat.ys@bru.ac.th
สนิท พาราษฎร์
sanit.pr@bru.ac.th
สินีนาฏ รามฤทธิ์
sineenart.ra@bru.ac.th
วิชัย เกษอรุณศรี
wichai.kr@bru.ac.th
<p>การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอัตลักษณ์ชุมชนตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ 2) พัฒนาผลิตภัณฑ์บนฐานอัตลักษณ์ชุมชนตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ และ 3) ประเมินความพึงพอใจต้นแบบผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์พื้นถิ่นชุมชนตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพกับกลุ่มตัวอย่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำนวน 30 คน เก็บข้อมูลจากการสนทนากลุ่ม การสังเกต บัตรคำลงคะแนน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีแบบเชิงพรรณนา และวิจัยเชิงปริมาณกับกลุ่มบุคคลทั่วไปจำนวน 50 คน แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า อัตลักษณ์ชุมชน คือ 1) ศาลตาปู่แสลงโทน 2) กำแพงดิน 3) ต้นแสลง 4) ปูนา และ5) ลายขัด จึงนำอัตลักษณ์ชุมชนมาเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน จนได้ลวดลายที่เหมาะสมเพื่อเป็นต้นแบบกับ การทอผ้า จำนวน 5 ลาย ย้อมสีเส้นฝ้ายด้วยสีธรรมชาติจากพืชในท้องถิ่น ใช้เทคนิคการผสมสีให้เกิดสีหลากหลายเฉดสีให้สวยงามต่อการทอผ้า ออกแบบลายทอเสื่อกก จำนวน 5 ลายอัตลักษณ์ สีที่ใช้เป็นสีอัตลักษณ์ชุมชน การออกแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปผ้าทอพื้นเมือง ใช้เทคนิคการวางแพทเทิร์นลายผ้าให้เหมาะสมกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและเครื่องประกอบการแต่งกาย จำนวน 1 ชุด การออกแบบผลิตภัณฑ์จักสานเน้นความประณีต แข็งแรง และประโยชน์ใช้สอย จำนวน 5 ชนิด และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยการสร้างแบรนด์ ประกอบด้วยตราสินค้า ป้ายห้อยสินค้า และบรรจุภัณฑ์ เน้นสัญลักษณ์ความเป็นอัตลักษณ์ชุมชน ทั้งรูปลักษณ์ และสี เป็นกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน และผลการประเมินความพึงพอใจในที่มีต่อต้นแบบผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นชุมชนตำบลแสลงโทน จากผู้บริโภค และบุคคลทั่วไป จำนวน 50 คน พบว่า มีระดับความพึงพอใจในภาพรวมทุกต้นแบบผลิตภัณฑ์ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยที่ (<img title="x\bar{}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?x\bar{}" />= 4.52, S.D.= 0.63)</p>
2024-07-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/269612
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความไว้วางใจในแบรนด์ภิพัชรา
2024-04-05T23:28:26+07:00
นิโลบล ชวนาพิทักษ์
nilobol.c@ku.th
ปิยธิดา เจ๊ะหมัด
nilobol.c@ku.th
อนุรักษ์ ศิลปวิสุทธิ์
nilobol.c@ku.th
สาธิตา ชัยพรพิศุทธิ์
nilobol.c@ku.th
<p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความไว้วางใจในแบรนด์<br />ภิพัชรา และศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับความไว้วางใจในแบรนด์ภิพัชรา มีการใช้เครื่องมือเป็นแบบสอบถามออนไลน์ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยมีค่าความเชื่อมั่นแต่ละตัวแปรอยู่ระหว่าง 0.746 ถึง 0.865 โดยเก็บรวบรวมจากกลุ่มผู้บริโภคที่รู้จักและมีความสนใจในแบรนด์ภิพัชรา ทั้งเพศชายและเพศหญิง จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 400 คน ทำการสุ่มแบบสะดวก การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Correlation Coefficient) โดยงานวิจัยในครั้งนี้ได้พบว่า การศึกษาปัจจัยด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) (<img title="\beta" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\beta" />= 0.137) ด้านความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสินค้า (Product Uniqueness) (<img title="\beta" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\beta" />= 0.143) ด้านการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Awareness) (<img title="\beta" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\beta" />= 0.137) และด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) (<img title="\beta" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\beta" />= 0.497) มีอิทธิพลต่อความไว้วางใจในแบรนด์<br />ภิพัชรา ในขณะที่ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมกับแฟชั่น (Fashion Involvement) (<img title="\beta" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\beta" />= -0.038) ไม่มีอิทธิพลต่อความไว้วางใจในแบรนด์ภิพัชรา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
2024-07-24T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/270481
การบูรณาการทักษะดนตรีพื้นบ้านโดยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฉลิมพระเกียรติฯ บ้านโรงเลื่อย จังหวัดบุรีรัมย์
2024-05-13T20:26:53+07:00
เอกชัย ธีรภัคสิริ
akachai.tp@bru.ac.th
พนาสินธุ์ ศรีวิเศษ
akachai.tp@bru.ac.th
วีระยุทธ สุทโธ
akachai.tp@bru.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาด้านทักษะดนตรีพื้นบ้าน 2) พัฒนาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้าน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังใช้ชุดฝึกทักษะดนตรี และ 4) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้าน โดยเป็นการวิจัยแบบผสม เก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฉลิมพระเกียรติฯ บ้านโรงเลื่อย จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบทักษะดนตรีพื้นบ้านก่อนเรียนและหลังเรียน ชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้าน ประเมินทักษะการปฏิบัติดนตรีพื้นบ้าน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจด้วยแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้าน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการตรวจสอบสมมติฐาน ได้แก่ การทดสอบค่าที ผลการวิจัย พบว่า 1) นักเรียนมีการเรียนทักษะด้านดนตรีบ้างในรายวิชาดนตรี โดยเรียนเพียงแค่เนื้อหาพื้นฐานยังไม่ได้มีการฝึกปฏิบัติ เนื่องจากเครื่องมือและอุปกรณ์ทางด้านดนตรียังมีได้เพียงพอ 2) ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้านโดยการเรียนรู้แบบ มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตเท่ากับ 76.25/88.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 75/75 3) ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกทักษะโดยรวมอยู่ในระดับมากและเป็นรายด้าน ได้แก่ ด้านการวัดผลประเมินผล ด้านครูผู้สอน และด้านกิจกรรมการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านสื่อในการจัดการเรียน ด้านชุดฝึกทักษะดนตรีพื้นบ้าน และด้านเนื้อหาอยู่ในระดับมาก</p>
2024-07-24T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/268442
ปัจจัยด้านการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์จากปลานิล จังหวัดอุบลราชธานี
2024-02-20T10:54:27+07:00
นรีนุช ยุวดีนิเวศ
nareenuch.yu@gmail.com
ศุภเทพ สติมั่น
Supathep.S@ubru.ac.th
วิกานดา เกษตรเอี่ยม
vikanda.k@ubru.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลานิล จังหวัดอุบลราชธานี การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจับเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลานิลในเขตจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 400 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ สถิติพรรณนา ประกอบด้วย การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การถดถอยการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สถานภาพ สมรส อายุ 41-50 ปี ระดับการศึกษา ปริญญาตรี อาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 - 20,000 บาท ปัจจัยด้านการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ปลานิล จังหวัดอุบลราชธานี ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ มากที่สุด คือ ด้านราคา รองลงมา คือ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกกว่าคู่แข่งขัน มีการประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางออนไลน์ สถานที่จำหน่ายสินค้าสะดวกต่อการเดินทาง และผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมีรสชาติดี</p>
2024-09-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/270815
ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อสินค้าสมาร์ตโฮมของผู้บริโภคในประเทศไทย
2024-05-28T19:51:02+07:00
นิธิโรจน์ ศุภกฤษสุวรรณกุล
nitirote.sw@bru.ac.th
สุขุมาล เกิดนอก
sukumarl_koe@vu.ac.th
ชุติญาภัค วาฤทธิ์
chutiyaphak_var@vu.ac.th
<p>งานวิจัยนี้ศึกษาปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อสินค้าสมาร์ตโฮมในบริบทของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อพัฒนาแบบจำลองเชิงสาเหตุที่อธิบายปัจจัยที่ส่งผลต่อความตั้งใจในการซื้อสินค้าสมาร์ตโฮม (2) เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของปัจจัยเหล่านี้ ประชากรเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี อายุระหว่าง 15 – 59 ปี ซึ่งกระจายตัวอยู่ในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของแต่ละภาค ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 456 คน วิธีการสุ่มตัวอย่างเป็นแบบหลายขั้นตอน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สร้างตัวแบบและวิเคราะห์ข้อมูลโดยอาศัยเทคนิคสมการโครงสร้าง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า แบบจำลองที่นำเสนอสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (χ²= 118.598, df = 106, p = 0.190, GFI = 0.978, NFI = 0.989, TLI = 0.997, CFI = 0.999, RMSEA = 0.016, RMR = 0.048) ปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อความตั้งใจซื้อสินค้าสมาร์ตโฮม ได้แก่ ทัศนคติ (β= 0.64) สภาพสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้งาน (β= 0.50) และอิทธิพลทางสังคม (β= 0.01) แม้อิทธิพลทางสังคม ไม่สามารถยอมรับได้ทางสถิติในทางตรง แต่ก็ส่งผลกระทบทางอ้อมผ่านการรับรู้ว่ามีประโยชน์และทัศนคติ (β= 0.20) ส่วนปัจจัยคุณลักษณะที่เข้ากันได้ส่งผลทางอ้อมต่อความตั้งใจในการซื้อผ่าน 3 เส้นทาง ได้แก่ (1) การรับรู้ว่ามีประโยชน์และทัศนคติ (β= 0.08) (2) การรับรู้ว่าใช้งานง่ายและทัศนคติ (β= 0.17) และ (3) การรับรู้ว่าใช้งานง่าย การรับรู้ว่ามีประโยชน์ และทัศนคติ (β= 0.04) งานวิจัยนี้ช่วยสนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการที่มีอยู่เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค และให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าสำหรับนักการตลาดและผู้กำหนดนโยบายที่ต้องการส่งเสริมการนำผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฮมมาใช้ในตลาดประเทศไทย</p>
2024-09-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/270735
ความผาสุกทางจิตใจของผู้บริหารโรงเรียน
2024-05-23T12:33:35+07:00
คมเพชร ฉัตรศุภกุล
pronprunsk@gmail.com
สาธร ใจตรง
pronprunsk@gmail.com
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความผาสุกทางจิตใจของผู้บริหารโรงเรียน โดยเป็นการรวบรวมแนวคิดและทฤษฎีของนักวิชาการต่างๆ และบทวิเคราะห์ของผู้เขียนที่สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความผาสุกทางจิตใจของผู้ที่ทำหน้าเป็นฝ่ายบริหารของโรงเรียน เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ในการบริหารจัดการโรงเรียนที่ครอบคลุมบทบาททุกอย่าง และต้องแบกรับภาระทั้งหมดในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องกำกับ บริหารงานทั้งหมดให้มีความราบรื่นและเป็นธรรม การบริหารงานต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหาร ผู้บริหารต้องมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการเพื่อทำให้เกิดความสมดุลในทุกเรื่อง เมื่องานต่างๆ ภายในโรงเรียนมีความสมบูรณ์ มีประสิทธิภาพเรียบร้อยเป็นไปตามแผนงาน ปรัชญา วิสัยทัศน์แล้ว จะส่งผลให้ผู้บริหารมีความผาสุกทางจิตใจ และมีกำลังใจในการบริหารมากยิ่งขึ้น</p>
2024-09-06T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/journalfms-thaijo/article/view/268279
The Positive Effects of Consumer Psychology on Marketing within Businesses
2024-02-12T11:20:34+07:00
Cheyenne Sheard
2302240007@students.stamford.edu
Kewarin Tantong
kewarin.tantong@stamford.edu
Ryan Lee Wiley
ryan.wiley@stamford.edu
<p>In the twenty-first century, highly refined marketing processes and procedures are the primary catalysts driving corporate sales. The process can be improved, however, by using consumer behavior and psychological knowledge to create more targeted and effective advertisements. While there is a broad scope of literature discussing the effects of modern marketing campaigns, this article specifically examines the positive effects of consumer psychology on marketing in contemporary businesses environments. This study focused on three core aspects: how subconscious advertising impacts businesses, the power of persuasive techniques, and the psychological tactics used to create pricing strategies. The authors curated data from narrative literature using qualitative thematic analysis, providing an in-depth and comprehensive review of the topic. The findings show how the use of smell, sublimation, and color appeals are used to influence consumer preferences. In addition, the strategy of encouraging emotional attachments to products using emotional triggers was also analyzed and explained. Finally, the process of applying psychological principals to create pricing strategies that affect purchase intention was explored. The conclusion of these findings suggest that consumer psychology has the power to positively affect marketing campaigns and elevate brand strength.</p>
2024-09-07T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์