https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/issue/feedวารสารวิชาการการท่องเที่ยวไทยนานาชาติ2024-06-23T00:00:00+07:00Associate Professor Ann Suwaree Ashton, PhDsuwaree.n@nida.ac.thOpen Journal Systems<p>วารสารวิชาการการท่องเที่ยวไทยนานาชาติ (วททน.) แต่เดิมวารสารนี้จัดทำโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2553 จากนั้นในปี 2554 คณะการจัดการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ได้รับโอนหน้าที่ในการดำเนินการจัดทำและจัดพิมพ์วารสารนี้จนถึงปัจจุบัน โดยวารสารวิชาการการท่องเที่ยวไทยนานาชาติ จัดทำขึ้นเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการ โดยคำนึงถึง <a href="https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/Ethics">ข้อกำหนดจริยธรรม</a> เป็นสำคัญ </p> <p> </p> <p><strong>หัวข้อบทความที่เปิดรับครอบคลุม ดังนี้</strong></p> <p>1. การจัดการการท่องเที่ยวรูปแบบต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ฯลฯ</p> <p>2. อุตสาหกรรมการบริการและงานโรงแรม</p> <p>3. การจัดประชุมสัมนนาและอีเว้นท์</p> <p>4. การจัดการธุรกิจการบิน</p> <p>5. โลจิสติกส์และการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว</p> <p>6. อื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยตรงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ </p> <p> </p> <p><strong>บทความเปิดรับตลอดทั้งปี <span style="text-decoration: underline;">ไม่มีค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ </span> เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ดังนี้</strong></p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และ ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม</p> <p> </p> <p><strong>การพิจารณาคัดเลือกบทความ</strong></p> <p>กองวารสารฯมีกระบวนกลั่นกรองบทความ โดยขั้นตอนแรกเมื่อผู้แต่งส่งบทความเข้ามาผ่านระบบ หัวหน้ากองบรรณาธิการวารสารจะพิจารณาคุณภาพบทความและขอบเขตของหัวข้อบทความ เมื่อผ่านกระบวนการพิจารณาขั้นต้นแล้ว จะนำสู่กระบวนการประเมินคุณภาพบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน (Double-Blind-Review) โดยผู้แต่งสามารถติดตามสถานะบทความผ่านระบบ ThaiJo ได้ตลอดกระบวนการตีพิมพ์ หากท่านประสงค์ส่งบทความสามรถศึกษารายละเอียดพิ่มเติมที่<a href="https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/about/submissions">ส่งบทความ </a></p>https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/article/view/265352อัตลักษณ์ท้องถิ่นกับการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนมอญบ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาว ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน2023-12-11T12:15:10+07:00ชนิษฐา ใจเป็งpeeup@hotmail.com<p> บทความวิชาการนี้มุ่งนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นกับการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนมอญบ้านหนองดู่-บ้านบ่อคาว ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน สืบเนื่องจากสังคมในปัจจุบันมีความตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะ วัฒนธรรม เทศกาลรวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านมากขึ้น ทั้งนี้การตื่นตัวต่อวัฒนธรรมประกอบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของในแต่ละพื้นที่เป็นจุดกำเนิดของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดังจะเห็นว่าการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมได้กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอีกหลายๆ ประเทศ ซึ่งได้พยายามที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศของตนเอง นอกจากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจะสามารถหารายได้เข้าสู่ประเทศและน่าไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคแล้วการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบทอดวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป</p> <p> </p> <p> This academic article aims to present local identity and cultural tourism management of Mon Community, Ban Nong Du and Ban Bor Kaw, Ban Ruan Subdistrict, Pasang District, Lamphum Province. Due to the current society is more aware of the importance of arts, culture, festivals, and local cultural heritage. The awareness of culture together with the cultural diversity of each area is the origin of the development of cultural tourist attractions. As can be seen, cultural tourism has become the center of the tourism industry in many countries, which has tried to develop cultural tourism in their own country. In addition to cultural tourism being able to generate income for the country and leading to economic development both at the national and regional levels, cultural tourism is also an important tool for maintaining the cultural heritage</p>2024-06-23T00:00:00+07:00Copyright (c) 2024 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/article/view/263316แนวทางบริหารจัดการตลาดท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ของจังหวัดแพร่2023-12-09T14:50:56+07:00ปานณนาถ เกตุโศภิษฐ์pannanat.s@bas.kmutnb.ac.thอัมเรศ เทพมาamarest@hotmail.com<p> การศึกษาเรื่อง แนวทางบริหารจัดการตลาดท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ของจังหวัดแพร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินศักยภาพกิจกรรมการท่องเที่ยวบนพื้นฐานวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของจังหวัดแพร่ และ2) แนวทางบริหารจัดการตลาดที่เหมาะสมต่อการพัฒนาของพื้นที่จังหวัดแพร่ การวิจัยแบบเชิงคุณภาพมีเครื่องมือในการศึกษา ประกอบด้วยแบบประเมินศักยภาพกิจกรรมท่องเที่ยวสร้างสรรค์ แบบสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้าง และการอภิปรายกลุ่ม มีผู้ให้ข้อมูลมีคุณสมบัติ คือ มีประสบการณ์พัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดแพร่มากกว่า 3 ปี เป็นการเลือกแบบเจาะจง</p> <p> ผลการศึกษาพบศักยภาพกิจกรรมท่องเที่ยวสร้างสรรค์ของจังหวัดแพร่ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมทางด้านภูมิปัญญางานหัตถกรรมสร้างสรรค์ จำนวน 17 กิจกรรม และประเด็นการประเมินศักยภาพรายด้าน พบกิจกรรมมีเรื่องราวสร้างสรรค์มาจากพื้นฐานมรดกทางวัฒนธรรมมีคะแนนมากที่สุด และศักยภาพด้านการสื่อสารและการบอกเล่าเรื่องราวของผู้นำกิจกรรม พบว่ามีคะแนนน้อยที่สุด จากผลการประเมินศักยภาพและการอภิปรายกลุ่มทำให้ได้แนวทางบริหารจัดการตลาดท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่เหมาะสม ประกอบด้วย การจัดการด้านผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ การจัดการด้านราคา การจัดการด้านสถานที่จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ การจัดการด้านส่งเสริมการตลาด และการจัดการด้านผู้ให้บริการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ ทั้งนี้ พบกระบวนการจัดการเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของการท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ของพื้นที่จังหวัดแพร่ คือ การตั้งเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ให้มุ่งสู่การท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ การประเมินทรัพยากรด้วยแนวคิด 3S (Story, Sense, Sophisticatio) การกำหนดแผนการทำงาน 5P (Participation, Product, Price, Place, Promotion) การติดตาม ประเมินผล เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ให้มุ่งตอบเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ที่กำหนดไว้อย่างยั่งยืน</p> <p> The study of Guideline for the Management of Creative Tourism in the Cultural Tourist Market of Phrae province was intended to assess the potential of tourism activities based on the creative culture of Phrae province and to find a way for the manager of the market that was suitable for the development of Phrae province.This research is Qualitative research used educational tools consisting of potential tourism activities, semi-structured interviews, and group discussion. The informant was qualified, i.e. had experience of developing tourism in Phrae province for more than 3 years. It was a specific selection.</p> <p> The study found that assessing the potential of tourism activities based on the creative culture of Phrae province, was a cultural heritage in terms of wisdom, handicrafts and creativity, amounting to 17 activities. The potential assessment issues in each aspect found activities and creative stories based on cultural heritage as the most points. The ability to communicate and tell the story of the activity leader was found to have the lowest score. In this regard, from the results of the potential assessment and group discussions, guidelines for managing the creative cultural tourism market were appropriate, consisting of the management of creative tourism products, the price management, venue management for creative activities, the marketing promotion management, and management of creative travel service providers. In this regard, the management processes were founded to lead to the success of creative cultural tourism of Phrae province, which was to set a goal to develop the area towards creative cultural tourism by assessing resources with the 3S (Story, Sense, and Sophistication) concept. The determination of the 5P work plan (Participation, Product, Price, Place, Promotion) and the monitoring of evaluation in order to control it according to the specified work plan to meet the goals of sustainable development of the area.</p>2024-06-23T00:00:00+07:00Copyright (c) 2024 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/article/view/260214ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์2023-05-13T11:50:09+07:00รุ่งฤดี สุขสวัสดิ์rungrudee.suksawas@gmail.com<p> บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟ ณ อำเภอหัวหินจำนวน 400 คน งานวิจัยนี้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลและนำผลมาวิเคราะห์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - Way ANOVA) และความถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดอยู่ในระดับมาก โดยให้ความสำคัญด้านราคาเป็นลำดับแรก รองลงมาคือ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ 2) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อยู่ในระดับมาก 3) นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกันมีการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แตกต่างกัน และ 4) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเดินทางมาเล่นกีฬาไคท์เซิร์ฟของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05</p> <p> This research aims to 1) to study the decision of International tourists to choose to travel kitesurfing in Hua Hin District, Prachuap Khiri Khan Province 2) to study the decision to travel to kitesurfing of International tourists in Hua Hin District Hua Hin, Prachuap Khiri Khan Province Classified by personal factors and 3) to study the marketing mix factors affecting the decision to travel to kitesurfing of International tourists in Hua Hin District, Prachuap Khiri Khan Province.The sample used in the study was 400 international tourists who came to kitesurfing in Hua Hin District. This research used a questionnaire as a tool for data collection. And used sampling statistics to analyze the data frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, and one-way ANOVA test and Multiple regression Analysis. The results of the study revealed that 1) Most of the respondents gave importance to the marketing mix at a high level. By giving importance to the price as the first priority, followed by the distribution channel. product side and marketing promotion, respectively. 2) Most of the respondents decided to go kitesurfing of international tourists in Hua Hin District, Prachuap Khiri Khan Province at a high level. 4) marketing mix factors in terms of product, price and channel. distribution Affecting the decision to choose to travel kite surfing of foreign tourists in Hua Hin District, Prachuap Khiri Khan Province. at the statistical significance level of 0.05</p> <p> </p>2024-06-23T00:00:00+07:00Copyright (c) 2024 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/article/view/263147พฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย กลุ่ม Gen Y ต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ภายในพิพิธภัณฑ์2024-05-15T22:02:17+07:00ชลธิชา รุ่งศรีfmsctr@src.ku.ac.th<p> </p> <p><span style="color: #006798;"><span style="background-color: #d5d5d5;"> ง</span></span>านศึกษาวิจัยเชิงปริมาณด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการตอบแบบสอบถามจากนักท่องเที่ยวชาวไทย กลุ่ม Gen Y<a name="_Toc128754708"></a> ผลการศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต่อการออกแบบการผลิตภัณฑ์ภายในพิพิธภัณฑ์ พบว่าส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์หรือแรงจูงใจในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุด ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจในการกระตุ้นให้ให้เกิดการเดินทาง โดยส่วนใหญ่ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวมาด้วยตัวเอง และได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ผ่านทาง เพื่อน คนรู้จัก และครูอาจารย์มากที่สุด ส่วนบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากที่สุด คือ ตัวเอง สำหรับพฤติกรรมการเดินเข้าชม พบว่า จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่ม Gen Y คิดว่ารูปแบบการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์เป็นองค์ประกอบที่ได้รับความสนใจมากที่สุด <a name="_Toc128754709"></a>ผลการศึกษาปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ของพิพิธภัณฑ์ พบว่า มี 10 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมาท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ปัจจัยด้านอาคาร ปัจจัยด้านรูปแบบการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ ปัจจัยด้านโปรแกรมเนื้อหาที่น่าสนใจ ปัจจัยด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ปัจจัยด้านร้านอาหาร ปัจจัยด้านจุดถ่ายภาพ ปัจจัยด้านร้านอาหาร ร้านกาแฟ ปัจจัยด้านร้านขายของที่ระลึก ปัจจัยด้านห้องสมุด ปัจจัยด้านนิทรรศการชั่วคราว และ ปัจจัยด้านนิทรรศการถาวร<a name="_Toc128754710"></a> จากผลการศึกษา ประโยชน์ที่จะนำไปใช้ คือ พิพิธภัณฑ์หรือภัณฑารักษ์สามารถนำเอาผลการศึกษาครั้งนี้ไปเป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ภายในพิพิธภัณฑ์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่ม Gen Y</p> <p> The purpose of this study was to examine the options which Gen Y Thai tourists made regarding museum interior design. Gen Y Thai tourists were asked to fill out questionnaires to gather data for a quantitative research study that would make recommendations for Gen Y audiences interested in using museums as learning resources. This group of tourists chose to look at the product design in the museum. It was discovered that the majority of them visited the museum mostly for leisure and tourism. The design is regarded as a motivator to promote travel. Most of them choose to travel alone. Additionally, find out as much as you can about the museum through friends, acquaintances, and teachers. They themselves were the ones who influenced decisions the most. It was discovered that visiting the museum will take roughly 2 hours based on walking behavior. Most Gen Y Thai tourists believe that the format of the museum exhibit is what draws the most interest. The findings of the study of museum product factors showed that there were ten elements, specifically building factors, that influenced the decision to visit the museum. Factors affecting how the museum displays things, program factors for interesting content, Facilities for people with disabilities, several factors restaurant component, factor in points restaurant and coffee shop factors, factors that affecting gift shops, factor of library, factors that affecting to temporary exhibitions and permanent exhibition study-related elements. The advantage that will be utilized is that museums or curators can use the findings of this study as a manual for product design for Thai Gen Y tourists inside the museum.</p> <p> </p>2024-06-23T00:00:00+07:00Copyright (c) 2024 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jitt/article/view/263960การจัดการความปลอดภัยในท่าอากาศยานที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการใช้บริการ ของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย: กรณีศึกษา ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น2023-12-09T14:56:39+07:00นันทวัชร ซื่อตรงืีpwdrungsi@gmail.comภัทรวดี รังสิมานพpwdrungsi@gmail.com<p> การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นในการศึกษาเรื่องการจัดการความปลอดภัยในท่าอากาศยานที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย: กรณีศึกษา ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์(1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบการจัดการความปลอดภัยในท่าอากาศยานที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการตัดสินใจในการใช้บริการที่มีต่อการตั้งใจกลับมาใช้บริการซ้ำของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย โดยการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Approach) เป็นการรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามจากผู้โดยสารสูงอายุที่ใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น จํานวน 400 คน ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา เพื่อหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงอนุมาน โดยการใช้สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสันเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร โดยใช้สถิติการถดถอยพหุคูณ(Multiple Regression Analysis) ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาอิทธิพลว่าองค์ประกอบการจัดการความปลอดภัยในท่าอากาศยานใดที่มีผลต่อการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย และความสัมพันธ์ระหว่างการตัดสินใจในการใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่นกับการตั้งใจกลับมาใช้บริการซ้ำของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย สําหรับผลการศึกษานี้พบว่า องค์ประกอบการจัดการความปลอดภัยในท่าอากาศยานทั้ง4องค์ประกอบมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย โดยด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย รองลงมาคือ ความปลอดภัยทางกายภาพ ความปลอดภัยทางกระบวนการและความปลอดภัยทางบุคลากรมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสําคัญกับการตัดสินใจในการใช้บริการของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทย ตามลําดับ นอกจากนี้การตัดสินใจในการใช้บริการมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับการตั้งใจกลับมาใช้บริการซ้ำของผู้โดยสารสูงอายุชาวไทยในระดับปานกลาง </p> <p> This research emphasis on study about therelationship betweencomponents of airport safety management that influencing service decision-making of Thai elderly passengers affecting intention to repurchase: a case study in Khon Kaen international airport which have objectives are (1) to study relationship between components of airport safety management that influencing service decision-making of Thai elderly passengers. (2) to study relationship between service decision-making that influencing intention to repurchase of Thai elderly passengers. The quantitative research methodology was used for this study. The quantitative data were collected, using questionnaires as a research tool from 400 Thai elderly passengers. The data were analyzed by using descriptive statistics included frequency, percentage, mean and standard deviation and the inferential statistics which were the <br />correlation of Pearson bivariate correlation and multiple regression analysis with stepwise method to find components of airport safety management that influencing service DecisionMaking of Thai elderly Passengers and Service Decision-Making that influencing intention to repurchase of Thai elderly Passengers. The results reveled that, components of airport safety management positively with service decision-making affecting decision to choose service in airport which most influence factor was safety in technology, safety in physical, safety in process, and safety in personnel. The relationship was significantly related to Thai elderly passenger decision-making. In additional, service decision-making positively with intention to repurchase of Thai elderly passenger with Khon Kaen international airport.</p>2024-06-28T00:00:00+07:00Copyright (c) 2024