วารสารชัยภูมิปริทรรศน์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr <p>วารสารชัยภูมิปริทรรศน์เป็นวารสารวิชาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย บทความพิเศษ บทความวิชาการ บทความปริทรรศน์ บทวิจารณ์หนังสือ และปกิณกะ แก่ นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ และนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา โดยที่ครอบคลุมเนื้อหาในมิติทางด้านพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวข้องกับสาขาพระพุทธศาสนา ปรัชญา กฎหมาย การศึกษารัฐศาสตร์ การปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมและประเพณี ทั้งพระพุทธศาสนาแนวคัมภีร์ และพระพุทธศาสนาแนวประยุกต์กับศาสตร์สมัยใหม่</p> <p>วารสารชัยภูมิปริทรรศน์ มีกำหนดออกเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ</p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p> Chaiyaphum Buddhist College Mahachulalongkornrajavidyalaya University th-TH วารสารชัยภูมิปริทรรศน์ <p>ข้อความลิขสิทธิ์</p> การใช้สมาธิเพื่อการยกระดับจิตใจสำหรับนักท่องเที่ยว กรณีศึกษา Monk Chat Programของโรงเรียนสามัคคีวิทยาทาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/263206 <p><strong>บทคัดย่อ </strong></p> <p> </p> <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาวิธีการฝึกสมาธิตามแนวทางพระพุทธศาสนา</p> <p>2) เพื่อวิเคราะห์การใช้สมาธิเพื่อการยกระดับจิตใจสำหรับนักท่องเที่ยว กรณีศึกษา Monk Chat Program ของโรงเรียนสามัคคีวิทยาทาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และสรุปผลการวิจัยดังนี้</p> <p> <strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> 1) วิธีการฝึกสมาธิตามหลักพระพุทธศาสนาเป็นการฝึกใจให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้จิตมีสติมีประโยชน์ต่อการทำงาน วิธีการฝึกคือการกำหนดลมหายใจเข้า - ออก เพื่อให้จิตใจเกิดความสงบส่งผลให้เกิดปัญญา เกิดสันติภาพภายในจิตใจ 2) การใช้สมาธิเพื่อการยกระดับจิตใจทำให้เห็นคุณค่าของตนเองเข้าใจโลกตามความเป็นจริง มีสติมากขึ้นนำมาใช้ในการแก้ปัญหา มองทุกอย่างเป็นอนิจจังมีความเคารพเชื่อและปฏิบัติตามให้ดี สำรวจตนเพื่อรู้ตนเตือนตนเองไม่ให้หลงตนเอง ใช้สมาธิในการเอาชนะความเครียดและอารมณ์ที่หดหู่ใช้สติปัญญาความอดทนความตั้งใจ ใช้หลักการสัมมาสมาธิ เชิญชวนนักท่องเที่ยวฝึกสมาธิเพื่อการผ่อนคลายทางจิตใจ พูดให้กำลังใจนักท่องเที่ยวให้มีกำลังใจในการทำงานต่าง ๆ ทำอะไรควรมีสติอยู่เสมอ และมีเมตตารักในสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อให้เกิดสันติสุขเกิดแก่สังคมและโลกต่อไป การสร้างความเข้าใจเรื่องสมาธิให้กับนักท่องเที่ยวเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเป็นการฝึกภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนที่จะสนทนากับนักท่องเที่ยว เป็นการพัฒนาการเรียนรู้นอกห้องเรียนดังนั้นการแนะนำเรื่องสมาธิให้แก่นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์ เช่น ด้านการทำสมาธิ สร้างความเข้าใจในมนุษย์ สร้างความเข้มแข็งทางด้านจิตใจด้วยการเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐานและทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น</p> sanjaya Thiposot พิทักษ์ แฝงโกฏิ วราภรณ์ ชนะจันทร์ตา Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 1 11 การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของสตรี ในเขตเทศบาลตำบลคอนสวรรค์ : ศึกษาเฉพาะ กรณีเทศบาลตำบลคอนสวรรค์ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/264153 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ คือ 1. เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของสตรีในเขตเทศบาลตำบลคอนสวรรค์ : ศึกษาเฉพาะกรณีเทศบาลตำบลคอนสวรรค์ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ 2. เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3. เพื่อนำเสนอหลักอิทธิบาท 4 มาประยุกต์ใช้กับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี</p> <p><strong>&nbsp;</strong></p> <p><strong>ผลวิจัยพบว่า</strong></p> <ol> <li class="show">ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของสตรี โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( =4.06) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของสตรี พบว่า ประชาชนที่มี เพศ และรายได้ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่น ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ส่วนประชาชนที่มี อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพต่างกัน มีความคิดเห็นต่อต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่น แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย 3.จากผลการวิเคราะห์การนำเสนอการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของสตรี โดยการประยุกต์ตามหลักอิทธิบาท 4 พบว่า 1) ฉันทะ พึงพอใจ พบว่า การมีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นทางการเมืองท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารท้องถิ่น 2) วิริยะ มุ่งมั่นผลักดัน พบว่า การตรวจสอบนักการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ 3) จิตตะ ตั้งมั่นติดตาม พบว่า การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ทางการเมืองท้องถิ่น และแนะนำการบริหารงานของผู้บริหารท้องถิ่น 4) วิมังสา พิจารณาไตร่ตรอง พบว่า การสนใจติดตามข่าวสาร และกิจกรรมทางการเมืองท้องถิ่น เพื่อมีส่วนร่วมในการคัดค้านนโยบายสาธารณะที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนในท้องถิ่น</li> </ol> นางสาวสุภาพร บุญเกื้อ ไพฑูรย์ มาเมือง ปัญญา คล้ายเดช Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 12 23 การบริหารงานวิชาการการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน ในหัวข้อประเพณีแห่เทียนพรรษาโดยใช้เกมส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ จังหวัดอุบลราชธานี https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/260017 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี และ 3) เพื่อศึกษาความพึ่งพอใจต่อการเรียนโดยนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์ E1/E2 ทดสอบทีแบบแบบ Paired sample test ค่าเฉลี่ย ( ) และร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า</p> <p> 1) ประสิทธิภาพของนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.22/ 85.00 </p> <p> 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 </p> <p> 3) ระดับความพึงพอใจต่อการเรียนโดยนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การสร้างผลงาน Sandbox ในหัวข้อ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” โดยใช้เกมส์ Craftsman ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโดมประดิษฐ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( 4.71)</p> ณฐาพัชร์ วรพงศ์พัชร์ สุนทร สายคำ ธัชกร วงษ์คำชัย พระครูอุดมโพธิวิเทศ ณรงค์ อุตฺตมวํโส เสนทรนารถ พิชิต ภาสบุตร Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 24 35 ความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครที่มีต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/265193 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร และปัจจัยด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือประชาชนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test การวิเคราะห์การแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานครมีความคิดเห็นต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ประชาชนในกรุงเทพมหานครที่มีเพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน เขตที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานคร ระยะเวลาที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร และปัจจัยด้านประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร ไม่แตกต่างกัน สำหรับที่ประชาชนในกรุงเทพมหานครที่มีอายุ อาชีพ และปัจจัยด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานครต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกรุงเทพมหานครแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> นางสาวอัจฉรียา ไชยนิล จุฑาทิพ คล้ายทับทิม Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 36 51 การสร้างเครือข่ายการจัดการปลูกป่าเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน ของชุมชนพุทธเกษตรในพื้นที่อีสานใต้ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/265510 <p>การวิจัยเรื่อง“การสร้างเครือข่ายการจัดการปลูกป่าเชิงพาณิชน์อย่างยั่งยืนของชุมชนพุทธเกษตรในพื้นที่อีสานใต้” มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยสำคัญในการปลูกป่าเชิงพาณิชย์ของชุมชนพุทธเกษตรในพื้นที่อีสานใต้ 2) เพื่อศึกษาเครือข่ายการจัดการปลูกป่าเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืนของชุมชนพุทธเกษตรในพื้นที่อีสานใต้ 3) เพื่อวิเคราะห์การสร้างความยั่งยืนในจัดการปลูกป่าชุมชนพุทธเกษตรเชิงพาณิชย์ในพื้นที่อีสานใต้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่ใช้วิธีการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงเอกสารและเชิงคุณภาพจากกลุ่มเป้าหมายมีจำนวน 45 คน โดยมีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ในเชิงคุณภาพ อธิบายผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์การวิจัย</p> <p> <strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <p> ปัจจัยสำคัญในการปลูกป่าเชิงพาณิชย์ของชุมชนพุทธเกษตรในพื้นที่อีสานใต้มีปัจจัยสำคัญในการปลูกป่าเชิงพาณิชย์ของชุมชนพุทธเกษตรพื้นที่อีสานใต้มี 7 ด้าน คือ 1. ปัจจัยด้านสร้างความมั่นคงด้านการถือครองที่ดิน 2. ปัจจัยด้านการได้รับการสนับสนุนแหล่งทุนและสินเชื่อ ในการปลูกป่าชุมชนพุทธเกษตรเชิงพาณิชย์ 3. ปัจจัยด้านโครงสร้างกฎหมายและนโยบายที่เอื้ออำนวยนโยบายทางการเมือง 4. ปัจจัยด้านระบบการปลูกและการจัดการ 5. ปัจจัยด้านการตลาดรองรับผลผลิตจากป่าไม้ 6. ปัจจัยด้านธรรมาภิบาล และ 7. ปัจจัยด้านการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ส่วนเครือข่ายการจัดการปลูกป่าเชิงพาณิชย์มีจำนวน ๓ จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และยโสธร ส่วนการสร้างความยั่งยืนในจัดการปลูกป่าชุมชนพุทธเกษตรเชิงพาณิชย์มีความยั่งยืน 2 แนวทาง คือ 1. รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ชุมชน และ 2. เสริมสร้างเครือข่ายการจัดการป่าชุมชน</p> พระครูวุฒิธรรมบัณฑิต พระครูวุฒิธรรมบัณฑิต พระมหาคะนอง จันทร์คำลอย นายศราวุธ ขันธวิชัย ศรีอรุณ คำโท Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 52 63 การบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำทางการปกครองของผู้ปกครองท้องที่ ในอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/265511 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับการบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำทางการปกครองของผู้ปกครองท้องที่ 2) เพื่อเปรียบเทียบการบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำทางการปกครองของผู้ปกครองท้องที่ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อนำเสนอการบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำทางการปกครองของผู้ปกครองท้องที่ในอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ โดยมีระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญจำนวน 9 รูป/คน และการวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 399 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที่และค่าเอฟ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณนาความ</p> <p><strong>ผลวิจัยพบว่า</strong> 1. ระดับการบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรมเพื่อส่งเสริมภาวะผู้นำทางการปกครองของผู้ปกครองท้องที่ โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( =3.79, S.D.=1.02) ตามลำดับ 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชน พบว่า ประชาชนที่มี เพศ และการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็น ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ส่วนประชาชนที่มี อายุ อาชีพ และรายได้ต่างกัน มีความคิดเห็น แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย 3. ผลการนำเสนอการบูรณาการหลักพรหมวิหารธรรม พบว่า 1) ด้านคุณลักษณะตามหลักพรหมวิหารธรรม ผู้ปกครองท้องที่ควรมีคุณธรรมจริยธรรมในการปกครอง 2) ด้านพฤติกรรมตามหลักพรหมวิหารธรรม ผู้ปกครองท้องที่ ควรมีความรักความเมตตาต่อประชาชน 3) ด้านตามสถานการณ์ตามหลักพรหมวิหารธรรม ผู้ปกครองท้องที่ ควรรู้จักการปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการปกครอง 4) ด้านการเปลี่ยนแปลงตามหลักพรหมวิหารธรรม ผู้ปกครองท้องที่ควรเปลี่ยนแปลงพัฒนาชุมชนให้เจริญขึ้น ควรผสมผสานแนวคิดสมัยใหม่กับสมัยเก่าให้กลมกลืนกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าในองค์กรและชุมชนนั้น ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม</p> พระครูสุวรรณจันทรังษี คำมุ โคตรโนนกอก ไพฑูรย์ มาเมือง พระมหานรินทร์ สุรปญฺโญ สุรปญฺโญ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 64 75 การเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการขยะโดยชุมชนเชิงพุทธบูรณาการ ในจังหวัดพะเยา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/266016 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการขยะโดยชุมชนเชิงพุทธบูรณาการในจังหวัดพะเยา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 5 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 35 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบอ้างอิงด้วยบุคคลและผู้เชี่ยวชาญ ใช้พื้นที่จังหวัดพะเยาเป็นพื้นที่ในการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา และการนำเสนอภาพกิจกรรม</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า การเสริมสร้างเครือข่ายการจัดการขยะโดยชุมชนเชิงพุทธ บูรณาการ เป็นการผลักดันและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะในระดับชุมชนด้วยหลัก 4 ประการ คือ 1) การติดต่อประสานงานกับหน่วยงาน หรือองค์กรในพื้นที่ เป็นการสร้างความร่วมมือกันโดยได้มีการดำเนินการติดต่อหน่วยงานท้องถิ่น 2) การบริหารจัดการขยะในชุมชน โดยได้รับการสนับสนุน หรือได้รับงบประมาณ 3) การบริหารจัดการในการลงทุน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับจากหน่วยงานหรือองค์อื่นๆ 4) การส่งเสริม และอุปสรรคในการดำเนินงานในการจัดการขยะโดยชุมชน โดยที่การส่งเสริม ได้แก่ การเข้าใจและการกำหนดเป้าหมาย การสร้างความตระหนักรู้ และการเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วม ส่วนทางด้านอุปสรรค ได้แก่ ข้อจำกัดทางทรัพยากร และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชน</p> สมยศ ปัญญามาก พระเมธีวชิรคุณ พระเมธีวชิรคุณ พระครูพิศาลสรกิจ พระครูพิศาลสรกิจ พระมหาศิวกร ปญฺญาวชิโร พระมหากิตติพงษ์ กิตติญาโณ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 76 85 การมีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวอปริหานิยธรรมของผู้สูงอายุ ในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/265158 <p>ในวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนว อปริหานิยธรรมของผู้สูงอายุในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวอปริหานิยธรรมของผู้สูงอายุในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และ 3) นำเสนอการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวอปริหานิยธรรมของผู้สูงอายุในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โดยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 10 รูปหรือคน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 394 คน จากผู้สูงอายุ จำนวน 25,512 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที่ (t-test) และค่าเอฟ (F-test) และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณนาความ (descriptive interpretation)</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> 1) ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวอปริหานิยธรรมของผู้สูงอายุในอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ อยู่ในระดับมาก ( =3.79) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ( =3.81) ด้านการร่วมกิจกรรมของชุมชนหรือองค์กรทางสังคม ( =3.79) และด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการรณรงค์หาเสียง ( =3.76) อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบ พบว่า ประชาชนที่มี เพศ และการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ส่วนประชาชนที่มี อายุ อาชีพ และรายได้ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย 3) ผลการนำเสนอ พบว่า ด้านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ผู้สูงอายุควรยอมรับกฎกติกา ควรไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอ ควรเลือกลงลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครที่ไม่กระทำผิดกติกา ด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการรณรงค์หาเสียง ผู้สูงอายุควรร่วมรณรงค์ให้บุคคลอื่นเคารพความเห็นต่าง ควรมีส่วนร่วมในการชักชวนบุคคลในครอบครัวไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ควรร่วมรณรงค์ให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ด้านการร่วมกิจกรรมของชุมชนหรือองค์กรทางสังคม ผู้สูงอายุควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคารพกฎหมาย ควรมีส่วนร่วมในการเสนอข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองป้องกันให้กับคนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง</p> พระครูสิริเมตตาธรรม สิริพงศ์ พรหมรอด ไพทูรย์ มาเมือง พระมหานรินทร์ สุรปญฺโญ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 86 97 ภาวะผู้นำทางการเมืองเชิงพุทธของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล ในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/266018 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ 3) นำเสนอภาวะผู้นำทางการเมืองเชิงพุทธของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยมีระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญจำนวน 9 รูปหรือคน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน จากประชาชนจำนวน 184,431 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test) และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณนาความ (Descriptive Interpretation)</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> 1) ระดับภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( <strong> </strong>= 4.08) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านบุคลิกภาพ ( = 4.13) ด้านคุณลักษณะ ( = 4.10) ด้านพฤติกรรม ( = 4.07) และด้านตามสถานการณ์ ( = 4.01) ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ พบว่า ประชาชนที่มี เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ไม่แตกต่างกัน <br />จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย 3) ผลการนำเสนอภาวะผู้นำทางการเมืองเชิงพุทธของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ พบว่า 1) ด้านคุณลักษณะตามหลักสัปปุริสธรรม ผู้นำทางการเมืองปฏิบัติงานตามกฎระเบียบของหน่วยงานราชการที่วางเอาไว้ เข้าร่วมประชุมในการจัดกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 2) ด้านบุคลิกภาพตามหลักสัปปุริสธรรม ผู้นำทางการเมืองเป็นผู้มุ่งมั่นผลักดันในการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ในการแก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติ มีการประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ 3) ด้านพฤติกรรมตามหลักสัปปุริสธรรม ผู้นำทางการเมืองมีการตั้งมั่นติดตามสอบถามสถานการณ์ภัยพิบัติในเขตพื้นที่ มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน 4) ด้านตามสถานการณ์ตามหลักสัปปุริสธรรม ผู้นำทางการเมืองได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาดูแลจากการเกิดภัยพิบัติในเขตพื้นที่</p> พระสมชาย ปญฺญฃาวุฑฺโฒ ยอดศิรินทร์ พระมหานรินทร์ สุรปญฺโญ สุรปญฺโญ สุเนตร ธนศิลปพิชิต Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 98 108 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม เรื่องการออกแบบกิจกรรมส่งเสริมทักษะสมอง (EF) เด็กปฐมวัย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jcr/article/view/266573 <p>วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1 เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) เด็กปฐมวัย และ 2 เพื่อศึกษาผลของการใช้หลักสูตรอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัยที่พัฒนาขึ้น มีการดำเนินการ 4 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย 3) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย และ 4) ประเมินผลและปรับปรุงหลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ค่าสถิตสถิติพื้นฐาน ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าที (t-test) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมสำหรับครูปฐมวัยเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่างองค์ส่วนประกอบต่าง ๆ ของร่างหลักสูตรฝึกอบรมอยู่ระหว่าง 0.67-1.00 ค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ เท่ากับ 0.67-1.00</p> <ol start="2"> <li>ผลการทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมสำหรับครูปฐมวัยเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย หลังเข้าร่วมทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย สูงกว่าก่อนเข้าร่วมเป็นสถิติที่ระดับ 0.05</li> <li>ผลการประเมินการใช้หลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการออกแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (EF) เด็กปฐมวัย พบว่า มีประสิทธิผลตามเกณฑ์ที่กำหนด</li> </ol> จันจิรา นาวารัตน์ จุฬาลักษณ์ สุตระ สุดา เจ๊ะอุมา สุชาดา จิตกล้า สุพรรณิการ์ ศรีสุวรรณ Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2023-12-26 2023-12-26 6 3 109 121