วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese <p> <span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">วารสารด้านญี่ปุ่นศึกษาได้เริ่มจัดทำขึ้นในปี พ.ศ. </span><span style="font-size: 0.875rem;">2521 </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">โดยมูลนิธิญี่ปุ่น (</span><span style="font-size: 0.875rem;">Japan Foundation) </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">เป็นผู้สนับสนุนเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานวิชาการในกลุ่มคณาจารย์ที่สนใจด้านญี่ปุ่นศึกษา ในชื่อว่า "เอกสารวิชาการไทย-ญี่ปุ่นศึกษา" ต่อมาในปี พ.ศ. </span><span style="font-size: 0.875rem;">2527 </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">ได้มีการก่อตั้งศูนย์ญี่ปุ่นศึกษา ผู้บริหารของศูนย์ญี่ปุ่นศึกษาจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น </span><span style="font-size: 0.875rem;">“</span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">วารสารไทย-ญี่ปุ่นศึกษา</span><span style="font-size: 0.875rem;">” </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">จนกระทั่งในปี พ.ศ. </span><span style="font-size: 0.875rem;">2539 </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">เปลี่ยนชื่อเป็น"วารสารญี่ปุ่นศึกษา" และในปี พ.ศ. </span><span style="font-size: 0.875rem;">2565 </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์" ในรูปแบบวารสารฉบับออนไลน์ </span><span style="font-size: 0.875rem;">ISSN 2821-9627 (Online) </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">ภายใต้การดำเนินการของสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา</span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;"> </span><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;">ฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</span></p> <p><span lang="TH" style="font-size: 0.875rem;"> นอกจากนี้ จากผลการประเมินคุณภาพวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูล TCI รอบที่ 5 (รับรองคุณภาพวารสารเป็นเวลา 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2568-2572) <strong>วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ได้รับการรับรองคุณภาพเป็นวารสารกลุ่มที่ 1 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572</strong></span></p> <div> <p><strong><span lang="TH">วัตถุประสงค์และขอบเขตเนื้อหาบทความ</span></strong></p> </div> <div> <p> <span lang="TH">วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องทางเผยแพร่และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านญี่ปุ่นศึกษาแก่คณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ และนักศึกษา อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติในเชิงบูรณาการ โดยรับพิจารณาบทความด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ได้แก่ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ภาษา ปรัชญา วรรณกรรม ศิลปะ วัฒนธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง</span></p> </div> <div> <p><strong><span lang="TH">ประเภทบทความที่รับพิจารณา</span></strong></p> </div> <div> <p> - <span lang="TH">บทความวิจัย (</span>Research Article)</p> </div> <div> <p> - <span lang="TH">บทความวิชาการ (</span>Academic Article)</p> </div> <div> <p> - <span lang="TH">บทความรับเชิญ (</span>Invited Article)</p> </div> <div> <p> - <span lang="TH">บทวิจารณ์หนังสือ (</span>Book Review)</p> </div> <div> <p> - <span lang="TH">บทความสัมภาษณ์หรือรายงานการประชุมสัมมนา (</span>Interview Report or Seminar Report)</p> </div> <div> <p> <span lang="TH">ผู้นิพนธ์สามารถส่งบทความในรูปแบบภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น ตามแนวทางการจัดทำบทความและการอ้างอิงของวารสาร ที่สำคัญบทความนั้นจะต้องไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น</span></p> </div> <div> <p><strong><span lang="TH">ช่วงเวลาเผยแพร่บทความ</span></strong></p> </div> <div> <p> <span lang="TH">วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์เป็นวารสารวิชาการราย </span>6 <span lang="TH">เดือน (ปีละ </span>2 <span lang="TH">ฉบับ) ได้แก่ ฉบับที่ </span>1 <span lang="TH">เดือนมกราคม-มิถุนายน และ ฉบับที่ </span>2 <span lang="TH">เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม</span> </p> </div> <div> <p><strong><span lang="TH">หลักเกณฑ์การพิจารณาบทความ</span></strong></p> </div> <div> <p> <span lang="TH">บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความรับเชิญจะได้รับการพิจารณาเบื้องต้นจากกองบรรณาธิการก่อนการประเมินจากผู้คุณวุฒิจากหลากหลายหน่วยงาน</span><span class="apple-converted-space"> </span><strong><span lang="TH">จำนวน </span>3 </strong><strong><span lang="TH">ท่าน</span></strong><span class="apple-converted-space"> </span><strong><span lang="TH">ในรูปแบบ</span> Double-blind peer review</strong><span class="apple-converted-space"> </span>(<span lang="TH">ผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้เขียน และผู้เขียนไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา) ส่วนงานวิชาการประเภทอื่นต้องผ่านกระบวนการพิจารณาจากบรรณาธิการวารสารก่อนตีพิมพ์</span> </p> </div> <div> <p><strong><span lang="TH">ค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์บทความ</span></strong></p> </div> <div> <p> <span lang="TH">วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ไม่มีนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์บทความ</span></p> </div> <div> <p> </p> </div> <div> <p> <span lang="TH">หมายเหตุ: วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ เดิมชื่อวารสารญี่ปุ่นศึกษา ( </span>ISSN 2697-648X) <span lang="TH">โดย<strong>เริ่มใช้ชื่อ "วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์" (</strong></span><strong>Thammasat Journal of Japanese Studies) </strong><strong><span lang="TH">ตั้งแต่วารสารปีที่ </span>39 </strong><strong><span lang="TH">ฉบับที่ </span>1 (</strong><strong><span lang="TH">มกราคม - มิถุนายน </span>2565) </strong><strong><span lang="TH">เป็นต้นไป </span>ISSN 2821-9627 (Online)</strong></p> </div> สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ en-US วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ 2821-9619 武士道における「忠」概念の再解読 ―『勧進帳』の武蔵坊弁慶を例に― https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/273901 <p>「勧進帳」は歌舞伎の名作であり、その主人公である武蔵坊弁慶の人物像は、広範な文化的影響を及ぼしている。この論文では、「勧進帳」の人物像を「武士道」における「忠」の文化テキストとして捉え、その意味を再解釈する試みを行った。この再解釈の過程において、文化批判の一般的な手法に加えて、歴史的背景の検討と学際的な研究手法を組み合わせた。最終的な結論として、「武士道」における「忠」は、主君との「情」を基にして、主君の意志に対する実践として再解釈される。この「忠」は、合法性と道徳的価値を持ち、戦う性質を有する。また、武士はこの「忠」を実行するためには、「勇」と「智」という品質を備える必要があると示された。この研究は、「武士道」の理念を新たな視点から捉え直し、その深層的な意味を探求する意義を持つ。また、武士道における「忠」の概念が、現代社会においても引き継がれる価値があることを示唆している。</p> 張 懿 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 1 16 การศึกษาเปรียบเทียบกลวิธีและโครงสร้างประโยคขอร้องในสถานการณ์การขอยืมเงินระหว่างชาวญี่ปุ่นและผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นชาวต่างชาติ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/271680 <p>การขอร้องเป็นวัจนกรรมที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม เนื่องจากแต่ละวัฒนธรรมมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เรียนภาษาชาวต่างชาติในการเลือกใช้กลวิธีและโครงสร้างประโยคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต้องสื่อสารด้วยภาษาเป้าหมาย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกลวิธีและโครงสร้างประโยคขอร้องของชาวญี่ปุ่นและผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นชาวต่างชาติ กลุ่มเป้าหมายการวิจัยคือ ชาวญี่ปุ่น (JJ) ผู้เรียนชาวไทย (TL) ผู้เรียนชาวจีน (CL) และผู้เรียนชาวเกาหลี (KL) โดยวิเคราะห์บทสนทนาในคลังข้อมูลภาษา発話対照データベースกลุ่มละ 20 คู่ รวม 80 คู่ ผลการศึกษาพบว่า (1) กลุ่ม JJ มีแนวโน้มสูงในการใช้กลวิธีการแสดงความปรารถนา ตรงข้ามกับกลุ่ม TL และ CL ที่มีแนวโน้มในการใช้กลวิธีการถามความสะดวก ส่วนกลุ่ม KL ใช้กลวิธีการแสดงความปรารถนาและการถามความสะดวกในสัดส่วนที่เท่ากัน (2) กลุ่ม JJ และ CL มีแนวโน้มใช้รูปประโยคที่ประกอบด้วยส่วนขยายและส่วนหลัก ตรงข้ามกับกลุ่ม TL ที่ใช้รูปประโยคที่มีเฉพาะส่วนหลัก ส่วนกลุ่ม CL ใช้รูปประโยคที่ประกอบด้วยส่วนขยายหรือรูปประโยคที่มีเฉพาะส่วนหลักในสัดส่วนที่เท่ากัน (3) กลุ่ม JJ ใช้ส่วนขยายเพื่อแสดงการขอโทษ แต่กลุ่มผู้เรียนทุกกลุ่มยกเว้น TL ใช้ส่วนขยายเพื่ออธิบายสภาพการณ์ (4) ทุกกลุ่มยกเว้น TL ใช้กลวิธีแสดงความสุภาพ เช่น การพูดไม่จบประโยค การผันรูปปฏิเสธ และสำนวนแสดงการไม่ชี้ชัดต่อเหตุการณ์ เป็นต้น ผลการศึกษาบ่งชี้ให้เห็นถึงลักษณะทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ของแต่ละกลุ่ม ซึ่งผู้วิจัยได้ชี้แนะประเด็นที่ผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นชาวไทยควรพัฒนาเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการจัดการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น</p> ธนิส พูนวงศ์ประเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 17 48 การใช้เกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในการผันคำกริยารูป て(TE) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่น https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/274745 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่องการผันคำกริยารูป て ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ด้วยเกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการผันคำกริยารูป て ก่อนเล่นเกมและหลังเล่นเกม 2) เพื่อศึกษาความคงทนในการจำกฎการผันคำกริยารูป てของนักเรียนด้วยเกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการผันคำกริยารูป て และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อเกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการผันคำกริยารูป て ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยนำข้อมูลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 31 คนมาวิเคราะห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการผันคำกริยารูป て 2) แบบทดสอบวัดความรู้เรื่องการผันคำกริยารูปて จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ก่อนเล่นเกม หลังเล่นเกม และหลังจากเล่นเกมสองสัปดาห์ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ และ 4) แบบสัมภาษณ์ติดตามผล</p> <p>ผลการศึกษาพบว่านักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยหลังเล่นเกมสูงกว่าก่อนเล่นเกมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.00 เป็นร้อยละ 64.76 และพบว่าหลังจากผ่านไปแล้วสองสัปดาห์นักเรียนจำนวนร้อยละ 51.6 มีความคงทนในการจำกฎการผันคำกริยารูป て นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์จากแบบสอบถามความพึงพอใจต่อเกมคอมพิวเตอร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการผันคำกริยารูป て พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจด้านความเข้าใจเนื้อหา ระดับมากที่สุด (4.59) ด้านการออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ระดับมาก (4.48) และด้านประโยชน์สำหรับผู้เรียน ระดับมากที่สุด (4.54)</p> ธนัชพร สุขลาภ สุณีย์รัตน์ เนียรเจริญสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 49 72 การเปรียบเทียบความหมายของคำกริยา “เล่น” ในภาษาไทยกับคำกริยา「遊ぶ」(asobu) ในภาษาญี่ปุ่น https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/275323 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความหมายของคำกริยา “เล่น” ในภาษาไทยกับคำกริยา 「遊ぶ」(asobu) ในภาษาญี่ปุ่น โดยวิเคราะห์ข้อความจากคลังข้อมูลภาษาไทยแห่งชาติ (TNC) ผลการวิจัยพบว่า ความหมายของทั้งสองคำมีทั้งลักษณะที่คล้ายกันและแตกต่างกัน ลักษณะที่คล้ายกันคือ ทั้งสองคำมีความหมายหลักเพื่อบรรยายเกี่ยวกับ “ความสนุกสนานหรือความเพลิดเพลิน” สำหรับลักษณะที่ต่างกันคือ ความหมายขยายของทั้งสองคำ โดยความหมายที่พบเฉพาะใน 「遊ぶ」 ได้แก่ การบรรยายเกี่ยวกับ 1) การสนุกกับการทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคนอื่นหรือสัตว์ตัวอื่น 2) สถานที่ เครื่องจักร อุปกรณ์ หรือเงินทุนไม่ได้ถูกนำไปใช้งานให้มีประสิทธิภาพ และ 3) การไปต่างสถานที่เพื่อต้องการหาความรู้หรือประสบการณ์ใหม่ ในขณะที่ความหมายที่พบเฉพาะใน “เล่น” ได้แก่ 1) การใช้ความสามารถเพื่อกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งเกิดจากความชอบหรือความถนัด 2) การดึงดูดความสนใจจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง 3) การลองทำหรือเสี่ยงทำเรื่องบางอย่างที่ตนเองไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน และ 4) การใช้อำนาจจัดการกับเรื่องบางอย่างที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว</p> <p>ผลการศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ต่างกันในการใช้ภาษากล่าวคือ การใช้ 「遊ぶ」 ทั้งความหมายหลักและความหมายขยายนั้นเพื่อบรรยายเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้พูด “ทำด้วยความสนุกสนานหรือเพลิดเพลิน” หากเป็นเรื่องที่ “ทำตามหน้าที่ กฎเกณฑ์ หรือบรรทัดฐานของสังคม” จะไม่ใช้คำนี้มาบรรยาย แต่จะใช้คำกริยาอื่นแทน ในขณะที่การใช้ “เล่น” ทั้งความหมายหลักและความหมายขยายนั้นเพื่อบรรยายเรื่องที่ชาวไทยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้พูดมี “การกระทำที่แสดงเป้าหมาย” ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ทำด้วยความสนุกสนานหรือเพลิดเพลิน รวมถึงเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่หรือกฎเกณฑ์</p> ภูวัตร ทาอินต๊ะ มารศรี มิยาโมโต ปิ่นอนงค์ อำปะละ สิริวิทย์ สุขกันต์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 73 96 บทบาทของญี่ปุ่นในอาณาบริเวณมหาสมุทรอินเดีย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/278308 <p>ก่อนทศวรรษ 1960 บทบาทของญี่ปุ่นในอาณาบริเวณมหาสมุทรอินเดียมีค่อนข้างน้อย ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา การขยายบทบาทของญี่ปุ่นทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ การแข่งขันกันขยายบทบาทของอภิมหาอำนาจ และวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ในหลายประเทศในอาณาบริเวณมหาสมุทรอินเดียส่งผลต่อการปรับนโยบายของญี่ปุ่นต่ออาณาบริเวณดังกล่าว ในการนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงของเส้นทางเดินเรือแหล่งทรัพยากรและตลาดของสินค้าญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้พยายามขยายบทบาทในอาณาบริเวณมหาสมุทรอินเดียทั้งในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี นอกจากบทบาททางเศรษฐกิจซึ่งญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งแล้ว ญี่ปุ่นก็ได้เพิ่มบทบาททางด้านความมั่นคงมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังสงครามเย็น</p> นภดล ชาติประเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 97 115 Scripting Suicide in Japan https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/274877 <p>This publication by Kirsten Cather, who teaches Modern Japanese Literature and Film at the University of Texas at Austin, the United States of America, is a literary overview of the modern and historical theme of suicide in Japan. It discusses writers of all ages and degrees of accomplishment, including Misao Fujimura, Akutagawa Ryūnosuke, Kishigami Daisaku, Tsuburaya Kōkichi, Etō Jun, and Yamada Hanako.</p> <p>In addition to poetry and fiction, media such as film, theater, and manga are also descriptively analyzed as expressing ideas and emotions related to suicide. Associate Professor Cather usefully evaluates ephemera as well as more permanent writing, including works by literary tyros, despite their lack of polish or finesse. A geographical analysis of sites in Japan where suicides are frequent and an extended chapter on the writings and films of Yukio Mishima add to the overall message that Japan has been creatively inspired by suicide. Even researchers who may dismiss the notion that Japanese writers are more suicidal than those of other nations should find useful material in this dense study.</p> Benjamin Ivry ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 156 162 日本語学習者の読解過程におけるボトムアップ処理の促進に向けたアプローチの一考察 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/272723 <p>本稿では、日本語学習者の文章読解におけるボトムアップ処理能力を促進するアプローチに関して考察した。ボトムアップ処理能力を自動化させるには、チャンキングと音読が提案される。チャンキングと音読はボトムアップ処理を次のように促進すると考えられる。1)語句分節は語のまとまりを認識させ、文字列を短い語句に区切る練習によって視覚域を狭める活動である。このプロセスで文字や語の誤認識を防ぐことが期待できる。2)チャンク・リーディングは文単位ではなく語句単位の処理方法であり、統語構造が複雑な長めの文において処理の認知負荷を減らすことができる。3)チャンク・リーディングは目標言語の語順のままで読み進める方法であり、返り読みを防ぐことで読み速度を高速化させることができる。4)音読は文字と発音を結び付ける言語活動である。音読は書かれた語を音韻に変換するプロセスを高速化させる。音韻符号化が高速化すると、下位処理レベルである単語認識が自動化する。5)音読は心の中で行われる内語反復を可聴化し、内語反復の高速化を促す活動である。内語反復が高速化されると、処理資源配分の容量が増加し、余剰分を内容理解に割り当てられる。</p> セーンウライ ティティソーン ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 116 136 เจลีกกับการพัฒนาสังคมและท้องถิ่น https://so02.tci-thaijo.org/index.php/japanese/article/view/275508 <p>เจลีก (J.League) หรือลีกฟุตบอลอาชีพของญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในลีกฟุตบอลที่มีคุณภาพสูงที่สุดในเอเชียและทั่วโลก การก่อตั้งเจลีกในปี 1993 ไม่เพียงแต่ทำให้ฟุตบอลญี่ปุ่นก้าวสู่ความเป็นสากล แต่ยังมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาสังคมและท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น ทีมฟุตบอลในเจลีกไม่เพียงแค่เป็นตัวแทนของการกีฬา แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่นที่ช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้คนในพื้นที่นั้น ๆ</p> <p>การมีทีมฟุตบอลอาชีพในแต่ละเมืองหรือจังหวัดได้กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยตรง เป็นระบบโฮมทาวน์เพื่อพัฒนาสังคมและท้องถิ่น เช่น การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว การบริโภคสินค้าและบริการท้องถิ่นและการสร้างงานให้กับประชาชน การจัดการแข่งขันที่มีชื่อเสียงยังช่วยดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้ในระดับโลกเกี่ยวกับสถานที่และวัฒนธรรมท้องถิ่น</p> <p>นอกจากนี้ เจลีกยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงทางสังคมและการพัฒนาชุมชน โดยมีส่วนช่วยในการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม การพัฒนาทักษะเยาวชน ช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ ผ่านโครงการที่ชื่อว่า 「シャレン!」หรือ Sharen ! ที่เจลีกมีส่วนพัฒนาชุมชนหลายด้าน เช่น การศึกษา การส่งเสริมสุขภาพ การเชื่อมโยงความหลากหลายทางสังคม การป้องกันภัยพิบัติและการฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว การดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับสโมสรฟุตบอลในท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งทั้งระบบโฮมทาวน์และโครงการ「シャレン!」หรือ Sharen ! ต่างมีส่วนช่วยพัฒนาสังคมและท้องถิ่นในญี่ปุ่นให้มีความมั่นคงและยั่งยืน</p> ปิยาภรณ์ จันทร์สวย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารญี่ปุ่นศึกษาธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-25 2025-06-25 42 1 137 155