วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku
<p><strong>ISSN 3027-6292 (Print)<br />ISSN 2730-2245 (Online)</strong></p> <p>วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ISSN 3027-6292 (Print) ISSN 2730-2245 (Online) รับตีพิมพ์บทความด้านทัศนศิลป์ ออกแบบนิเทศศิลป์ ดุริยางคศิลป์ ศิลปะการแสดง ศิลปวัฒนธรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ อาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย นิสิต นักศึกษาและบุคคลทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม ตีพิมพ์ทั้งรูปแบบรูปเล่มและระบบวารสารอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ผลงานด้านวิชาการและผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปกรรม ทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ท่าน (Double blind review) โดยเปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p>
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น Faculty of Fine and Applied Arts, Khon Kaen University
en-US
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3027-6292
<p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ </p> <p>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น </p>
-
นวัตกรรมรูปแบบเซรามิกร่วมสมัยจากแนวคิดทฤษฎีการรื้อสร้าง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/267076
<p>แนวคิดทฤษฎีรื้อสร้างได้เผยแพร่เข้าสู่ประเทศจีนและแทรกซึมเข้าสู่สาขาศิลปะต่าง ๆ งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) ศึกษาพัฒนาการและวิวัฒนาการของเซรามิกจีนดั้งเดิมในประเทศจีน 2) ศึกษาทฤษฎีรื้อสร้างและกรณีศึกษาเพื่อวิเคราะห์การประยุกต์ใช้ทฤษฎีรื้อสร้างในสาขาศิลปะเซรามิกและสาขาศิลปะอื่น ๆ 3) วิเคราะห์แนวทางการพัฒนารูปแบบ เทคนิคการสร้างสรรค์ วิธีการแสดงออกและความหมายของงานเซรามิกร่วมสมัย 4) สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเซรามิกร่วมสมัย โดยใช้หลักการรื้อสร้างมาพัฒนารูปแบบแนวคิดและเทคนิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล งานวิจัยฉบับนี้ใช้วิธีการวิจัยวรรณกรรม วิธีการวิจัยแบบสหวิทยาการและวิธีการวิเคราะห์กรณีศึกษาเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างครอบคลุม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการผสมผสานแนวคิดทฤษฎีรื้อสร้างลงไปในศิลปะเซรามิกสมัยใหม่จะช่วยทลายข้อจำกัดของกรอบแนวคิดสร้างสรรค์แบบดั้งเดิม เปลี่ยนแนวคิดทางศิลปะ เพื่อให้เกิดการพิจารณาคุณค่าและความหมายของเซรามิกดั้งเดิมอีกครั้ง และนำไปสู่ทิศทางใหม่สำหรับการสร้างสรรค์งานศิลปะเซรามิกสมัยใหม่ ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้คนสมัยใหม่ลองใช้มุมมองของตนไปทำความเข้าใจและชื่นชมศิลปะเซรามิกดั้งเดิม สุดท้ายงานวิจัยฉบับนี้จะทำการสร้างสรรค์ผลงานจากผลการศึกษาเทคนิคของทฟษฎีรื้อสร้าง และนำเสนอผลงานชื่อ “แสงดวงดาวบนฟากฟ้า”</p>
เล่ยซิน เนีย
ผกามาศ สุวรรณนิภา
เสกสรรค์ ตันยาภิรมย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
1
21
-
การสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมชุดสวรรค์ปรสิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/271983
<p>แนวคิดเรื่อง "สวรรค์ปรสิต" เป็นหัวข้อที่น่าสนใจและซับซ้อน ได้รับการสำรวจจากมุมมองทั้งในทางความจริงของวิทยาศาสตร์และทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Soft Power) โดยการสำรวจแนวคิด รูปแบบ และเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะประเภทต่างๆ เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และสื่อผสม ในกรอบแนวคิดของ "สวรรค์ปรสิต" ผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นมีความเป็นเอกลักษณ์และนำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจ การใช้วัสดุที่มีความหมายเช่น ม่านโปร่งและกระจกเงา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและท้าทายผู้ชมให้คิดวิเคราะห์เกี่ยวกับประสบการณ์และการรับรู้ของตนเอง การผสมผสานความเชื่อและความเป็นจริงผ่านการใช้วัสดุเหล่านี้มอบประสบการณ์การสร้างสรรค์ที่น่าสนใจและเป็นเครื่องมือในการสำรวจหัวข้อที่ซับซ้อนเกี่ยวกับธรรมชาติและประสบการณ์ของมนุษย์</p> <p> </p>
เกรียงไกร กงกะนันทน์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
22
42
-
การพัฒนาภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์กล้วยกวนกะทิสดแม่อุบล เพื่อเป็นแนวทางการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/268410
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์กล้วยกวนกะทิสดแม่อุบล สำหรับแนวทางการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ และประเมินการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์กล้วยกวนกะทิสดแม่อุบล โดยศึกษาด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค การผลิต การบรรจุ การจำหน่าย แนวทางการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ภาพประกอบ สี ตัวอักษร สัญลักษณ์ การจัดวางองค์ประกอบ และประเมินการรับรู้ของบริโภคที่เกิดจากการมองเห็น กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา 246 คน</p> <p><br />ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนาภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์กล้วยกวนกะทิสดแม่อุบล คือ ความทันสมัย และรับประทานง่าย รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดความสนใจ ด้วยขนาดใหญ่ สีสันสดใส ปลอดภัย ใช้สีและจัดองค์ประกอบในรูปแบบสบายๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ (Casual) สีที่ได้จากกระดานปัจจัยความคิด คือ สีแดง สีส้ม และสีเหลือง ด้านผลการประเมินการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์กล้วยกวนกะทิสดแม่อุบล พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ สามารถรับรู้รสชาติจาก กราฟิกบนบรรจุภัณฑ์กล้วยกวน อยู่ในระดับความเหมาะสมมาก (ค่าเฉลี่ย 4.02) และการรับรู้ภาพลักษณ์ อยู่ในระดับความเหมาะสมมาก (ค่าเฉลี่ย 4.14)</p>
จิรทัศน์ ดาวสมบูรณ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
43
67
-
รูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนัก - กรณีศึกษาเครื่องเคลือบจิ่งเต๋อเจิ้นในรัชสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/268515
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพรวมของเครื่องเคลือบเตาราชสำนักในรัชสมัยสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลง และเพื่อวิเคราะห์อัตลักษณ์และเหตุปัจจัยในการสร้างสรรค์รูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนักในรัชสมัยสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลง โดยใช้วิธีการวิจัยทางเอกสารและการวิจัยภาคสนามในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาศึกษาและวิเคราะห์ จากการศึกษาสามารถสรุปเหตุปัจจัยการก่อเกิดรูปทรงเครื่องเคลือบเตาทางการในรัชสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงได้ทั้งหมดห้าปัจจัย ได้แก่ 1) วัสดุและเทคโนโลยีการผลิต 2) อิทธิพลของสุนทรียภาพของราชสำนัก 3) อิทธิพลของขุนนางฝ่ายจัดการเครื่องเคลือบ 4) อิทธิพลของแนวคิดสุนทรียภาพพื้นบ้านแบบดั้งเดิม 5) อิทธิพลของวัฒนธรรมต่างชาติ และจากการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถสรุปอัตลักษณ์ของรูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนักในรัชสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงได้คือ 1) รูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนักคังซีสูงเด่นและทรงพลัง 2) รูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนักยงเจิ้งมีลักษณะนุ่มนวลและอ่อนน้อม 3) รูปทรงเครื่องเคลือบเตาราชสำนักเฉียนหลงมีลักษณะหรูหราเเละยิ่งใหญ่</p> <p> </p>
หมิงเลี่ยง เล่อ
เสกสรรค์ ตันยาภิรมย์
ภรดี พันธุภากร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
68
89
-
การพัฒนาโปรแกรมละครเพื่อการเรียนรู้ตัวตนภายในสู่การมองเห็นคุณค่าในตนเอง สำหรับเยาวชนชายศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/268686
<p>บทความวิจัยนี้นำเสนอประสบการณ์การพัฒนาโปรแกรมละครเพื่อการเรียนรู้ตัวตนภายในสู่การมองเห็นคุณค่าในตนเองสำหรับเยาวชนชายของศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เป็นงานวิจัยและพัฒนา เลือกใช้แบบแผนการวิจัยเชิงผสานวิธี คัดเลือกพื้นที่วิจัยแบบเฉพาะเจาะจง พื้นที่ในการวิจัย คือ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 4 จังหวัดขอนแก่น ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมฯ มี 3 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นตอนการวิเคราะห์สภาพปัญหาและสืบค้นข้อมูลการจัดโปรแกรมพัฒนาเยาวชน 2) การพัฒนาต้นแบบโปรแกรม (D1) เพื่อทดลองใช้และพัฒนาเป็นโปรแกรมต้นแบบครั้งที่ 2 (D2) และ 3) ขั้นตอนการนำโปรแกรม D2 ไปใช้และปรับปรุงต้นแบบโปรแกรมฯ จนสมบูรณ์ ผลการวิจัยเกิดโปรแกรมละครเพื่อการเรียนรู้ตัวตนภายในสู่การมองเห็นคุณค่าในตนเอง ประกอบไปด้วย 8 ชุดกิจกรรม มีลักษณะเป็นกิจกรรมเชิงละคร กิจกรรมศิลปะ และกิจกรรมกลุ่ม รูปแบบกิจกรรมมีลักษณะ “เล่น” กับความรู้สึกของเยาวชน “เป็นการนำเนื้อตัว-ร่างกาย และความรู้สึก-ลงไปเล่น-ไปอยู่-เรียนรู้อย่างรู้สึกตัว” เพื่อให้เยาวชนเกิดการค้นหาความหมายในการใช้ชีวิตและพัฒนาตัวตนภายใน</p> <p> </p>
ไพบูลย์ โสภณสุวภาพ
ภัทราวดี มากมี
สุวดี เอื้ออรัญโชติ
ปริญญา เรืองทิพย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
90
115
-
การสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นแนวตลกร้ายเรื่อง “คนแปลกแหกลัทธิคลั่ง”
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/269241
<p>ความมั่นคงทางจิตใจ (Spiritual Security) เป็นความมั่นคงพื้นฐานเป็นหนึ่งในชุดความมั่นคงของชีวิตความมั่นคงทางจิตใจหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้ที่ใกล้จะเสียชีวิต ส่วนใหญ่จิตใจมักฟุ้งซ่าน หวาดกลัวไม่มีสติ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงมีผู้ที่ขาดความมั่นคงทางด้านจิตใจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์จากคนบางกลุ่มโดยอาศัยหลักความเชื่อ และความศรัทธาเข้ามาฉวยโอกาส ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงได้นำเอาเหตุการณ์เหล่านี้มาเล่าผ่านภาพยนตร์ตลกร้ายที่มีลักษณะเสียดสีด้านมืดของมนุษย์ และความตายในลักษณะที่ขบขันเพื่อลดทอนความรุนแรงของเรื่องราว</p> <p><br />วัตถุประสงค์การวิจัย คือ 1) ศึกษาแนวคิดการหลอกตัวเอง วิเคราะห์พฤติกรรม และปรากฎการณ์ความเชื่อในกลุ่มลัทธิ 2) ศึกษารูปแบบภาพยนตร์แนวตลกร้าย และ 3) สร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นตลกร้ายจากแนวคิดการหลอกตัวเอง โดยขอบเขตของการวิจัยในประเด็นแนวคิดการหลอกตัวเอง รูปแบบการนำเสนอภาพยนตร์แนวตลกร้าย และการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้น จากขอบเขตด้านเนื้อหาการศึกษาพฤติกรรมการหลอกตัวเอง และปรากฎการณ์ความเชื่อในลัทธิประหลาด</p> <p><br />สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ ระยะที่ 1 พบว่าการหลอกตัวเองคือสภาวะขาดความมั่นคงทางจิตใจ ซึ่งเป็นความมั่นคงพื้นฐาน คือความมั่นคงทางจิตใจเป็นหนึ่งในชุดความมั่นคงของชีวิต ส่วนความเชื่อหรือการศรัทธาทำให้มีหลักที่ยึดเหนี่ยวให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจในระดับหนึ่ง ระยะที่ 2 พบว่ารูปแบบภาพยนตร์แนวตลกร้ายเป็นภาพยนตร์ตลกที่หยิบประเด็นปัญหาในสังคมขึ้นมานำเสนอ เพื่อลดทอนความจริงจังลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องความตาย ความรุนแรง และระยะที่ 3 ออกแบบสร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่อง “คนแปลกแหกลัทธิคลั่ง” แนวคิดในการนำเสนอเนื้อหาในภาพยนตร์เป็นการเสียดสีการฆาตรกรรมคนเห็นต่าง ผ่านทางความเชื่อลัทธิประหลาดในรูปแบบตลกร้าย ที่ออกแบบให้เห็นถึงความไร้สาระของโลก สังคม ผู้คน และออกแบบงานสร้างให้มีความดิบกระด้างที่จะสื่อถึงเรื่องราวที่ปกคลุมด้วยความตาย</p>
ธนวัฒน์ จำปาขาว
สุธีย์ จุฬากาญจน์
วิชิต วัฒนานนท์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
116
137
-
การวิจัยเชิงสร้างสรรค์ เรื่อง มโนทัศน์สะท้อน “หัวโขน : บทบาทและหน้าที่
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/269557
<p>การวิจัยเชิงสร้างสรรค์ เรื่อง มโนทัศน์สะท้อน “หัวโขน : บทบาทและหน้าที่” เป็นการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ทางศิลปกรรม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประวัติ พัฒนาการของหัวโขนและความสัมพันธ์ของตัวละครที่ปรากฏในวรรณกรรมรามเกียรติ์ รวมถึงศึกษาคำเปรียบเปรยที่เกี่ยวข้องกับหัวโขน ภาพพจน์ ความหมาย และบทบาทหน้าที่ทางสังคม 2) เพื่อสังเคราะห์ข้อมูล ตีความจากภาษาภาพพจน์สู่การสร้างสรรค์หัวโขนแบบร่วมสมัย และ 3) เพื่อถ่ายทอดแนวคิดผ่านนิทรรศการแสดงผลงานศิลปกรรม โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านเครื่องมือวิจัย คือ 1) แบบบันทึกกลุ่มตัวอย่าง 2) แบบสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า</p> <p>1) พบความสัมพันธ์เน้นด้านการปกครองของตัวละครในรามเกียรติ์ คือ ความสัมพันธ์ในลักษณะแบ่งภาคอวตาร ความสัมพันธ์แบบสายเลือด และความสัมพันธ์แบบสืบทอดบัลลังก์ รวมถึงพบคำสำคัญจากการสัมภาษณ์ผู้ที่มีตำแหน่งบริหารซึ่งต่างให้ความเห็นตรงกันว่า ทุกท่านสวมหัวโขนในการแสดงบทบาทที่หลากหลาย คำสำคัญที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารคือ การซ้อนหน้ากาก การสวมครอบหัวโขน และการแปรเปลี่ยนหน้า </p> <p>2) ได้ผลงานสร้างสรรค์จากการสังเคราะห์ข้อมูลตีความเป็นผลงานหัวโขนร่วมสมัยจำนวน 3 ชิ้น เพื่อสื่อสารถึงความสัมพันธ์ด้านการปกครองใน 3 รูปแบบ คือ หัวโขนหน้าพระในลักษณะการซ้อนหน้ากาก หัวโขนหน้าวานรในลักษณะการสวมครอบรูปทรงหัวโขน และ หัวโขนหน้ายักษ์ในลักษณะการแปรประสานกันกับหน้าพระ เน้นการใช้ทัศนธาตุหลักคือสีและรูปทรงที่ซ้อนกันในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจากรามเกียรติ์</p> <p>3) นำเสนอผลงานผ่านนิทรรศการ Live Life Learn ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน แสดงการเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์ที่แฝงไว้ เจตนากระตุ้นการรับรู้ที่นำไปสู่การสร้างจินตนาการ</p>
สุดวดี สุวรรณ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
138
185
-
การผสมผสานบทกวีและจิตวิญญาณสุนทรียศาสตร์ของภาพวาดทิวทัศน์จีน
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/269479
<p>การบูรณาการการวาดภาพทิวทัศน์ของจีนเข้ากับบทกวีได้รับการเน้นย้ำมาตั้งแต่เริ่มต้นของการฝึกวาดภาพทิวทัศน์ เนื่องจากการวาดภาพทิวทัศน์ไม่เพียงแต่เป็นวิธีในการถ่ายทอดข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีในการถ่ายทอดอารมณ์อีกด้วย การหลอมรวมของตัวกลางทั้งสองนี้เริ่มต้นในราชวงศ์เว่ยและจินของจีน และด้วยการเพิ่มขึ้นของการวาดภาพด้วยความรู้ในราชวงศ์ถังและซ่ง การวาดภาพทิวทัศน์ของจีนจึงให้ความสำคัญกับการแสดงแนวคิดทางศิลปะของการวาดภาพทิวทัศน์มากขึ้น ก่อให้เกิดแบบจำลองความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นหนึ่งเดียวของบทกวีและภาพวาด ด้วยการพัฒนาของยุคสมัย ผู้รู้ได้ปรับปรุงการเติบโตทางวัฒนธรรมของพวกเขา โดยผสมผสานบทกวี การประดิษฐ์ตัวอักษร จิตรกรรม และการพิมพ์ ตลอดจนการแสดงอารมณ์ในงานภูมิทัศน์ ก่อให้เกิดจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของงานพู่กันและลักษณะทางศิลปะ การวาดภาพทิวทัศน์ยังกลายมาเป็นการแสดงออกถึงบุคลิกภาพและจิตวิญญาณของศิลปินอีกด้วย</p>
หยงเหลียง หลิว
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
161
185
-
นาฏยศิลป์สร้างสรรค์ ชุดหนมโหนด
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/270035
<p>บทความเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมากรรมวิธีการทำน้ำตาลโตนด และหนมโหนดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นจังหวัดเพชรบุรี เพื่อออกแบบการแสดงนาฏยศิลป์สร้างสรรค์ ชุดหนมโหนด “ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี” โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ แบ่งการดำเนินการวิจัยออกเป็น 3 ขั้นตอนได้แก่ 1.ขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูล 2.ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล และ 3.วิธีการสร้างสรรค์การแสดง ภายใต้ผลการรับรองจริยธรรมวิจัยในมนุษย์โครงการวิจัยที่: ECPB_R 17/2566 เลขที่ใบรับรอง: 34/2566 ผลการศึกษาพบว่า ขั้นตอนกรรมวิธีในการทำน้ำตาลโตนด และหนมโหนดของชุมชนบ้านไร่กร่าง ตำบลไร่สะท้อน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ยังคงอนุรักษ์ขั้นตอนการทำน้ำตาลโตนด และหนมโหนด ครั้นแต่ก่อนอย่างเช่นการทำหนมโหนด ส่วนผสมที่ทำให้หนมโหนดมีรสชาติหอมหวาน คือการใส่ส่วนผสมของน้ำตาลโตนดที่เคี่ยวได้ที่และที่สำคัญการห่อหนมโหนดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ คือการใช้ใบอีเหม็นในการห่อทำให้หนมโหนดมีกลิ่นหอมเมื่อใบอีเหม็นถูกความร้อนจะทำให้มีกลิ่นหอม ผนวกกับความหอมของส่วนผสมของหนมโหนดจึงเป็นลักษณะเฉพาะ แต่ยังไม่มีใครนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานนาฏยศิลป์ ผู้วิจัยเห็นควรสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลพื้นฐานหลัก ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับตาลโตนดเป็นเจ้าของสวนตาลโตนดที่มีประสบการณ์การทำน้ำตาลโตนด และหนมโหนดมากกว่า 20 ปี ดำเนินการรวบรวมข้อมูล สังเคราะห์ ออกแบบกระบวนท่ารำสร้างสรรค์เป็นนาฏยศิลป์สร้างสรรค์ ชุด หนมโหนด จากนั้นนำผลงานเสนอต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิวิพากษ์การแสดงและปรับแก้ไขให้สมบูรณ์</p>
วิไลวรรณ ไชยลังการ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
186
215
-
พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่เศรษฐกิจผู้สูงวัย กลุ่มผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาเพื่อสุขภาพบ้าน ก.เจริญ จังหวัดอุทัยธานี
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/270348
<p>การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้กระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม เครื่องมือในการวิจัย คือ การสังเกตการณ์ การจัดการประชุมกลุ่ม การสร้างการเรียนรู้ร่วมกันของนักวิจัยและกลุ่มเป้าหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพบ้าน ก. เจริญ จังหวัดอุทัยธานี ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสทางการตลาดในต่างประเทศ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ </p> <p> ผลการวิจัย พบว่า สมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจักสานผสมผสานภูมิปัญญาด้านการแพทย์พื้นบ้าน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองเศรษฐกิจผู้สูงวัย สร้างคุณค่าและสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุตามศักยภาพของแต่ละคน ผลิตภัณฑ์ที่เลือกมาพัฒนา ได้แก่ ที่ดึงนิ้วล็อค จากนั้นนำประเด็นปัญหามาจัดลำดับความสำคัญที่ต้องการแก้ไข สรุปว่า ผู้บริโภคมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดึงนิ้วล็อคให้มีหลายขนาด ให้ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รู้สึกปลอดภัยขณะใช้งาน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ สรุปแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือ ปรับขนาดให้มี 3 ขนาด เปลี่ยนวัสดุจาก เส้นพลาสติกเป็น เส้นเทปกระดาษ ที่ให้สัมผัสนุ่มกว่า และเป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม นำมาสร้างต้นแบบ 2 รูปแบบ โดยคัดเลือกแบบที่ 1 เพื่อผลิตจริง และออกแบบต้นแบบบรรจุภัณฑ์ภัณฑ์ ที่รองรับตลาดต่างประเทศ โดยใช้แนวคิดในการออกแบบสไตล์มินิมอล ทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ที่ดึงนิ้วล็อค ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ประเภทผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์จากกระดาษ ด้านช่องทางการจำหน่าย พบว่า การออกบูธจำหน่ายสินค้า เป็นโอกาสที่จะจำหน่ายและแนะนำผลิตภัณฑ์ได้มากที่สุด ด้านโอกาสทางการตลาดในต่างประเทศ ฝากร้านนำเข้าส่งออก และเข้าร่วมออกบูธแสดงสินค้าในต่างประเทศ</p>
เพ็ญนภา มณีอุด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
216
236
-
การรับรู้บรรจุภัณฑ์: กรณีศึกษาการออกแบบโครงสร้างและกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/270665
<p>งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคขนมขาไก่ จังหวัดสุรินทร์ 2) เพื่อออกแบบโครงสร้างและกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่ กรณีศึกษากลุ่มวิสาหกิจแซตอมออร์แกร์นิคฟาร์ม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการออกแบบโครงสร้างและกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่ กรณีศึกษากลุ่มวิสาหกิจแซตอมออร์แกร์นิคฟาร์ม โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสม ดำเนินการวิจัยโดยการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพจากการลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูลกับคนในพื้นที่รวมถึงการสัมภาษณ์จากกลุ่มวิสาหกิจแซตอมออร์แกร์นิคฟาร์ม ผู้เชี่ยวชาญทางการออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการ จำนวน 15 คน และเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 50 ชุด ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ช่วงอายุระหว่าง 25-42 ปี จำนวน 50 คน โดยผลวิจัยจากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า 1) จำนวนที่ซื้อ ค่าใช้จ่ายในการซื้อ เหตุผลในการรับประทาน การเลือกวัตถุดิบหลักที่เป็นส่วนผสม สถานที่ซื้อ ในแต่ละครั้ง ไม่ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ ระดับการศึกษา ส่วนจำนวนขนมขาไก่ที่ซื้อในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับอาชีพ 2) ด้านออกแบบโครงสร้าง ที่สามารถปกป้องเนื้อขนม รักษาคุณภาพขนมภายในบรรจุภัณฑ์ สะดวกในการใช้งาน มีความสวยงามของรูปทรงและความโดดเด่นเมื่ออยู่บนชั้นวาง ได้แก่ โครงสร้างบรรจุภัณฑ์ กล่องสี่เหลี่ยม รูปแบบ B การออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่ ใช้การนำรูปแบบการดำเนินชีวิตด้านกิจกรรม และด้านความสนใจ มาใช้เป็น แรงบันดาลใจในการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่ สร้างความโดดเด่น ความสวยงาม ทันสมัย แปลกใหม่ 3) ด้านความพึงพอใจต่อการออกแบบกราฟิกบรรจุภัณฑ์ขนมขาไก่ทั้ง 3 รูปแบบ พบว่า รูปแบบที่ 3 รูปแบบเป็นคนช่างเลือก มีความพึงพอใจระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.19 เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ รูปแบบที่ 1 รูปแบบชอบมีสังคม มีความพึงพอใจระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.94 และรูปแบบที่ 2 รูปแบบมีความคล่องตัวด้านเทคโนโลยี ความพึงพอใจระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.84 ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อโครงสร้างและกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ ขนมขาไก่ต้นแบบ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก</p>
รัตนเรขา อัจฉริยะพิทักษ์
รัตนจิรา รัตนประเสริฐ
ลักขณา พิทักษ์
วันเฉลิม จันทร์ช่วงโชติ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
237
261
-
การออกแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ ด้วยอัตลักษณ์การแต่งกายและลวดลายผ้าทอ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/270762
<p>งานวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอัตลักษณ์การแต่งกายและลวดลายผ้าทอย้อมสีธรรมชาติของอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ และ 2) ออกแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติด้วยอัตลักษณ์การแต่งกายและลวดลายผ้าทอ อ. ฮอด จ. เชียงใหม่ เพื่อตอบสนองตามความต้องการของผู้บริโภค ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยสุ่มตัวอย่างจากประชากร 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้สูงอายุ ครูภูมิปัญญา และนักวิชาการของ อ.ฮอด จำนวน 10 คน กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาชีพผ้าฝ้ายอำพัน จำนวน 20 คน และกลุ่มที่ 3 ผู้บริโภคที่มีรสนิยมสวมใส่ผ้าฝ้ายทอมือกลุ่มวัยกลางคนหรือ Gen X (อายุ 43-58 ปี) จำนวน 460 คน รวมทั้งสิ้น 490 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์และแบบสำรวจความพึงพอใจ วิธีดำเนินการวิจัยใช้การสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.) ผลการวิจัยพบว่า 1) อัตลักษณ์การแต่งกาย และลวดลายผ้าทอย้อมสีธรรมชาติของ อ. ฮอด จำแนกได้ 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ ก) อัตลักษณ์การแต่งกายแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ การแต่งกายในชีวิตประจำวัน การแต่งกายในงานเฉพาะหรืองานพิเศษต่าง ๆ การแต่งกายชุดนักเรียน และ ข) อัตลักษณ์ลวดลายผ้าทอ แบ่งเป็น 3 ลวดลาย คือ ลวดลายดอกพริก ลวดลายสองหรือลายก้างปลาที่แทรกอยู่ในลายจก และลวดลายยกมุก 2) การออกแบบผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติด้วยอัตลักษณ์การแต่งกาย และลวดลายผ้าทอของ อ. ฮอด เพื่อตอบสนองตามความต้องการของผู้บริโภค เป็นการออกแบบและตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ 4 ประเภท คือ เสื้อผ้าสตรี ย่าม กระเป๋า และหมวก เนื่องจาก 4 รูปแบบนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในกระแสนิยมของผู้บริโภคกลุ่ม Gen X จากนั้นทำการสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 รูปแบบ พบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในระดับมากทุกผลิตภัณฑ์</p>
ญาณิศา โกมลสิริโชค
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
262
284
-
การใช้ศิลปการละครเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจ สำหรับนักศึกษาแพทย์ไทย
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/270846
<p>การสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจเป็นหนึ่งในทักษะความเป็นมืออาชีพของแพทย์ที่ควรเสริมสร้างตั้งแต่การเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ศิลปการละครเป็นศาสตร์ที่มีศักยภาพในการฝึกการสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจได้แต่ในปัจจุบันยังขาดงานวิจัยในไทยที่ศึกษาวิธีออกแบบและบูรณาการการฝึกฝนนี้ วิจัยนี้ศึกษาวิธีออกแบบ “หลักสูตรการแสดงเพื่อความเห็นอกเห็นใจสำหรับนักศึกษาแพทย์ไทย” โดยใช้หลักการแสดงของนักการละคร คอนสแตนติน สตานิสลาฟสกี 3 ด้านได้แก่ ภาวะสร้างสรรค์ การเชื่อมโยง และจินตนาการ มาประยุกต์กับทักษะการสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจสร้างเป็นหลักสูตรแบบบูรณาการความยาว 18 ชั่วโมง นำใช้กับนักศึกษาแพทย์กลุ่มนำร่อง 6 ราย เพื่อปรับปรุงหลักสูตรและกลุ่มตัวอย่าง 21 ราย เพื่อวัดผล ตัวอย่าง 19 รายได้สื่อสารกับผู้ป่วยจำลองก่อนและหลังเรียนเพื่อประเมินทักษะการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไป ใช้การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อประเมินผลการออกแบบหลักสูตร ผลวิจัยพบว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยว่า ทักษะการแสดงช่วยให้สื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจได้ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาแพทย์ หลังเรียนตัวอย่างมีคะแนนทักษะการสื่อสารเฉลี่ยที่สูงขึ้นในทุกทักษะ ทักษะที่พัฒนาเด่นชัดคือด้านความเห็นอกเห็นใจและภาษาร่างกาย ตัวอย่างได้สะท้อนถึงคุณลักษณะเด่นของละครในการพัฒนาศักยภาพระดับบุคคลไปถึงระดับระหว่างบุคคล การฝึกฝนในพื้นที่จินตนาการเป็นจุดเด่นของหลักสูตรนี้ ละครเป็นกิจกรรมแบบบูรณาการที่เหมาะสมและสามารถพัฒนาทักษะการสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจของนักศึกษาแพทย์ได้ สามารถประยุกต์เป็นกิจกรรมเสริมในรายวิชาหรือประยุกต์ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้</p>
ชนัตถ์ พงษ์พานิช
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-26
2025-06-26
17 1
285
311