https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/issue/feed วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2023-12-27T16:13:01+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ [email protected] Open Journal Systems <p>วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา<strong> ISSN 2822-0730 (Online) </strong>เป็นวารสารด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ที่เผยแพร่บทความวิชาการ และบทความวิจัยที่เกี่ยวกับสาขาศึกษาศาสตร์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ของบุคลากร คณาจารย์ นิสิต และผู้สนใจ ทุกบทความผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิ (peer review) จากในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวนอย่างน้อย 3 ท่านต่อบทความ ซึ่งไม่เปิดเผยข้อมูลเจ้าของบทความ และไม่เปิดเผยผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ (double blinded) โดยกองบรรณาธิการมีสิทธิ์แก้ไขบทความตามความเหมาะสม มีกำหนดออกเผยแพร่วารสาร จำนวน 3 ฉบับต่อปี ดังนี้<br />ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม -เมษายน<br />ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม<br />ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม</p> <p><strong>ISSN <span style="font-size: 0.875rem;">2822-0730</span> (Online)</strong></p> <p><strong>กองบรรณาธิการ</strong></p> <p><strong>ที่ปรึกษาบรรณาธิการ </strong> </p> <p>รองศาสตราจารย์ ดร.สฎายุ ธีระวณิชตระกูล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p><strong>บรรณาธิการ </strong> </p> <p>ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p><strong>ผู้ช่วยบรรณาธิการ </strong></p> <p>๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นชัย ปราบจันดี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p>๒. ดร.วทัญญู นาวิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p><strong>กองบรรณาธิการ </strong></p> <p>๑. ศาสตราจารย์ ดร.ภูมิ คำเอม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี</p> <p>๒. ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ นัยพัฒน์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ</p> <p>๓. รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา</p> <p>๔. รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี แย้มกสิกร ข้าราชการบำนาญ/ คุรุสภา</p> <p>๕. รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีวรรณ ยอดนิล ข้าราชการบำนาญ/ นักวิชาการอิสระ</p> <p>๖. รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต สุรัตน์เรืองชัย ข้าราชการบำนาญ/ นักวิชาการอิสระ</p> <p>๗. รองศาสตราจารย์ ดร.สุวัฒนา เอี่ยมอรพรรณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ</p> <p>๘. รองศาสตราจารย์ ดร.จิณณวัตร ปะโคทัง มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี</p> <p>๙. รองศาสตราจารย์ ดร.ศศิลักษณ์ ขยันกิจ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</p> <p>๑๐. รองศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี ฝ่ายคำตา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์</p> <p>๑๑. รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญนภา กุลนภาดล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p>๑๒. รองศาสตราจารย์ ดร.เวชฤทธิ์ อังกนะภัทรขจร คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p>๑๓. รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเสริม วัฒนกิจ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p>๑๔. รองศาสตราจารย์ ดร.จุฑามาศ แหนจอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา</p> <p>๑๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมโภชน์ อเนกสุข ข้าราชการบำนาญ/ นักวิชาการอิสระ</p> <p>๑๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปราณภา โหมดหิรัญ ข้าราชการบำนาญ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</p> <p>๑๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นาวาตรี ดร.พงศ์เทพ จิระโร คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา</p> <p><strong style="font-size: 0.875rem;">คณะทำงานวารสาร<br />ฝ่ายดำเนินการ</strong></p> <p>๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ ประธานกรรมการ</p> <p>๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นชัย ปราบจันดี กรรมการ</p> <p>๓. ดร.วทัญญู นาวิเศษ กรรมการ</p> <p>๔. ดร.วาสนา กลมอ่อน กรรมการ</p> <p>๓. นางจารุวรรณ รักเริ่มวงษ์ กรรมการ</p> <p>๔. นางสาววัชรี กำจัดโศรก กรรมการและเลขานุการ</p> <p><strong>ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ </strong></p> <p>๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ ประธานกรรมการ</p> <p>๒. นางสาววัฒนพร จตุรานนท์ กรรมการ </p> <p>๓. นายอภิสิทธิ์ เปี่ยมน้อย กรรมการ</p> <p>๔. นางสาววัชรี กำจัดโศรก กรรมการ</p> <p>๕. ดร.อรทัย เอี่ยมสะอาด กรรมการและเลขานุการ</p> <p><strong> ฝ่ายตรวจสอบและพิสูจน์อักษร </strong></p> <p>๑. ดร.ชนาสร นิ่มนวล ประธานกรรมการ</p> <p>๒. นางสาวโสภี ชาญเชิงยุทธชัย กรรมการ</p> <p>๓. นางจารุวรรณ รักเริ่มวงษ์ กรรมการและเลขานุการ</p> <p><strong>ฝ่ายศิลป์</strong></p> <p>๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติคุณ หุตะมาน ประธานกรรมการ</p> <p>๒. นายอุทัย หวังวัชรพล กรรมการ</p> <p>๓. นางสาววัฒนพร จตุรานนท์ กรรมการ</p> <p>๔. ดร.อรทัย เอี่ยมสอาด กรรมการและเลขานุการ</p> https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/264636 แนวทางการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 2023-09-25T13:38:16+07:00 สิริลักษณ์ มณีรัตน์ [email protected] ภริมา วินิธาสถิตย์กุล [email protected] ทรรศนัย โกวิทยากร [email protected] <p>การพัฒนาระบบการศึกษาอย่างยั่งยืนของไทย อยู่ภายใต้คำว่า “เสมอภาคและเท่าเทียม” ทำให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้รับโอกาสทางการศึกษาเช่นเดียวกับเด็กปกติทั่วไป บทความวิชาการนี้นำเสนอความรู้ที่นำไปสู่แนวทางการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้แก่ 1) ความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความต้องการการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานที่อาศัยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยให้ประสาทการรับรู้ทางการ ได้ยินดีขึ้น และกลุ่มที่มีความต้องการการเรียนรู้ขั้นสูงจะต้องอาศัยทั้งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และการใช้ภาษามือในการช่วยสื่อสาร และต้องการการศึกษาพิเศษ 2) การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินของไทย ได้แก่ การจัดการศึกษาแบบเน้นการฟังเป็นฐาน และการเรียนการสอนแบบเน้นการใช้สายตาเป็นฐาน และ 3) กระบวนการสร้างสรรค์เทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นการนำสื่อต่าง ๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมทักษะการเรียนรู้แก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการนำมาใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้กลุ่มที่มีความต้องการการเรียนรู้ขั้นสูงเกี่ยวกับภาษามือเพื่อการสื่อสารอีกด้วย</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/262352 การพัฒนาโมบายแอปพลิเคชัน เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาจีนสู่การเรียนรู้ ในวิถีใหม่ (New Normal) สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดสำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต1 2023-06-11T18:45:31+07:00 ณาตยา สิงห์สุตีน [email protected] เสาวคนธ์ จันต๊ะมาต [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพ โมบายแอปพลิเคชัน เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาจีนให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ทางด้านการสื่อสารภาษาจีนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้โมบายแอปพลิเคชัน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้โมบายแอปพลิเคชัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) สังกัดสำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต1 จำนวน 30 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย ด้วยวิธีการจับฉลากหมู่เรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย โมบายแอปพลิเคชันเพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารภาษาจีน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ด้านการสื่อสารภาษาจีน และแบบวัดความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D. ) ผลวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบของแอปพลิเคชัน ประกอบด้วย หน้าต้อนรับ หน้าหลักประกอบด้วยเมนูบทเรียนที่มีทั้งรูปภาพและเสียงภาษาจีน บทเรียนประกอบด้วย เมนูคำศัพท์ บทสนทนา เรียนรู้ประโยค แบบฝึกหัด เกม และแบบทดสอบ มีค่าประสิทธิภาพ (E<sub>1</sub>/E<sub>2</sub>) เท่ากับ 78.43/83.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 75/75 2) ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ด้านการสื่อสารภาษาจีนของนักเรียนหลังเรียน สูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/262978 ปัจจัยการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 2023-06-11T18:52:05+07:00 วิษณุ โชโต [email protected] จินตนา บุนนาค [email protected] สุภาภรณ์ บุญเจริญ [email protected] รัตนา คงสืบ [email protected] <p>การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) เพื่อศึกษาปัจจัยการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก โดยการวิจัยครั้งนี้ศึกษาจากประชากรทั้งหมดในหน่วยงาน ได้แก่ บุคลากรผู้ปฏิบัติงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ทั้ง 20 หน่วยงาน ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ปีการศึกษา 2565 รวมทั้งสิ้น จำนวน 123 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ได้แก่ แบบสอบถามปัจจัยการปฏิบัติงานจำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น 0.90 และแบบสอบถามประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน จำนวน 5 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น 0.89 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (<img title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" />) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (<img title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" />) และวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise multiple regression analysis)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1. ระดับปัจจัยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.41, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.18) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก 2 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.78, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.38) และด้านทักษะการปฏิบัติงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.56, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.38) และอยู่ในระดับปานกลาง 3 ด้าน คือ ด้านการติดต่อประสานงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.49, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.33) ด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.37, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.35) และด้านกิจกรรมในการพัฒนาการปฏิบัติงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 2.83, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.26) ตามลำดับ </span><span style="font-size: 0.875rem;">2.</span><span style="font-size: 0.875rem;">ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก อยู่ในระดับมาก (</span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\mu" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\mu" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.17, </span><img style="font-size: 0.875rem;" title="\sigma" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\sigma" /><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.38) </span><span style="font-size: 0.875rem;">3. </span><span style="font-size: 0.875rem;">ปัจจัยการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกได้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้แก่ แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ทักษะการปฏิบัติงาน และการติดต่อประสานงาน โดยมีอำนาจการทำนายร้อยละ 47.9 (Adjust </span><em style="font-size: 0.875rem;">R<sup>2</sup></em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.479) และสามารถเขียนสมการทำนายได้ดังนี้</span></p> <p>ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน (Y) = 0.957 + 0.461(X2: แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน)+0.308(X1: ทักษะการปฏิบัติงาน) + 0.278 (X3: การติดต่อประสานงาน)</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/263118 ผลของโปรแกรมความทนทานทางใจของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ 2023-06-21T19:39:23+07:00 ธนะดี สุริยะจันทร์หอม [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาโปรแกรมความทนทานทางใจของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ 2) เปรียบเทียบความทนทานทางใจก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมความทนทาน ทางใจสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้คือ 1) โปรแกรมความทนทานทางใจของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยนำทฤษฎีการตั้งเป้าหมาย แนวคิดการฝึกสติ ร่วมกับเทคนิคการสะท้อนตัวตน และเทคนิคการฟังอย่างตั้งใจมาใช้ในการสร้างโปรแกรม และ 2) แบบวัดความทนทานทางใจ การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าที ผลการวิจัย พบว่า 1) โปรแกรมความทนทานทางใจ ประกอบด้วย 6 ครั้ง มีผลการประเมินอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.33, S.D. = 0.44) 2) ผลการใช้โปรแกรมความทนทานทางใจ พบว่า นักเรียนมีความทนทานทางใจหลังเข้าโปรแกรม (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 3.40, S.D. = 0.67) สูงกว่าก่อนเข้าโปรแกรม (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 2.59, S.D. = 0.31) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/263247 การพัฒนาหลักสูตรสังคมศึกษาอิงวิสัยทัศน์สถานศึกษา 2023-06-21T22:59:29+07:00 ณัฐภัทร คล้ายสุวรรณ์ [email protected] อัญชลี ศรีกลชาญ [email protected] นาตยา ปิลันธนานนท์ [email protected] <p>วิสัยทัศน์ของสถานศึกษาเป็นการตกผลึกของความปรารถนาและมุ่งหวังของโรงเรียน ชุมชน และประเทศชาติ ทั้งยังเป็นเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษาที่นำมาใช้เป็นฐานคิดในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับบริบทเฉพาะของผู้เรียน งานวิจัยนี้มุ่งพัฒนาและประเมินผลหลักสูตรสังคมศึกษาอิงวิสัยทัศน์สถานศึกษาผ่านการลงมือปฏิบัติร่วมกันของคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ โดยเริ่มจากการสร้างองค์ความรู้ที่ถูกต้องกับคณะครู กำหนดวัตถุประสงค์ จุดเน้น สมรรถนะสำคัญ และผลลัพธ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน โดยคำนึงถึงจุดเน้นในวิสัยทัศน์สถานศึกษา ธรรมชาติและเป้าหมายของวิชาสังคมศึกษาในการพัฒนาพลเมือง มีการกำหนดโครงสร้างหลักสูตรและพัฒนารายวิชาพื้นฐาน จำนวน 28 รายวิชา โดยเริ่มจากการกำหนดประเด็น (Theme) ประจำรายวิชาที่ส่งเสริมการบูรณาการ สอดคล้องกับธรรมชาติรายวิชา คำนึงถึงบริบทของผู้เรียน จากนั้นพัฒนาคำอธิบายรายวิชาที่กระชับ เป็นเหตุเป็นผล สะท้อนผลลัพธ์การเรียนรู้ในวิชานั้น ๆ กำหนดชื่อวิชาที่สอดคล้องกับจุดเน้นและเป้าหมายรายวิชา แล้วนำหลักสูตรที่พัฒนาแล้วสนทนากลุ่มกับผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 ท่าน เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและเหมาะสมของหลักสูตร จากนั้นนำไปให้ผู้บริหารหลักสูตรสถานศึกษา จำนวน 10 ท่าน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา โรงเรียนบางกะปิ จำนวน 25 ท่าน ประเมินผลความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของหลักสูตร ซึ่งผลการวิจัยพบว่าหลักสูตรมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และมีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้อยู่ในระดับมาก</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edubuu/article/view/263497 การศึกษาเชิงคุณภาพผลกระทบและความคาดหวังต่อการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูโรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี 2023-06-22T22:15:53+07:00 อาทิตย์ แสนธิ [email protected] สมศักดิ์ เอี่ยมคงสี [email protected] <p>การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบและค้นหาความคาดหวังต่อการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักเรียน ผู้ปกครอง และครู โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ในปีการศึกษา 2564 โดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 56 คน ประกอบด้วยนักเรียน 10 คน ผู้ปกครอง 10 คน ครู 8 คน จากระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นักเรียน 10 คน ผู้ปกครอง 10 คน และครู 8 คน จากระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key information) แบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ คือ แนวคำถามการสนทนากลุ่ม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสนทนากลุ่ม จำนวน 6 ครั้ง และนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม QDA Miner lite โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า เกิดผลกระทบดังนี้ (1) ด้านร่างกาย นักเรียนมีปัญหาด้านร่างกายจากการออกกำลังกายน้อยลง มีปัญหาด้านสายตา (2) ด้านจิตใจมีความเครียดจากรูปแบบการเรียนและความไม่พร้อมในด้านต่าง ๆ (3) ด้านการเรียน นักเรียนมีความยากลำบากในการเรียนรู้มากขึ้น มีสมาธิต่อการเรียนน้อยลง และผู้ปกครองมีสมาธิต่อการทำงานน้อยลง เพราะต้องดูแลนักเรียนมากขึ้น (4) ด้านการเงิน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และ (5) ด้านสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างทุกกลุ่มน้อยลง และผู้บังคับบัญชาไม่เข้าใจผู้ปกครองที่ต้องดูแลนักเรียนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ได้ค้นพบความคาดหวัง ดังนี้ (1) คาดหวังรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของนักเรียน (2) คาดหวังให้มีเวลา อุปกรณ์ และความรู้ที่เพียงพอ เพื่อลดความเครียด (3) นักเรียนมีความคาดหวังต่อรูปแบบการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ผู้ปกครองคาดหวังให้รูปแบบการทำงานสอดคล้องกับการเรียนของนักเรียน และครูคาดหวังที่จะพัฒนาตนเอง (4) ความคาดหวังด้านการเงิน ต้องการให้โรงเรียนและรัฐบาลสนับสนุนด้านอุปกรณ์ ค่าใช้จ่าย และการพัฒนาความรู้ และ (5) ความคาดหวังด้านสังคม มีปฏิสัมพันธ์เพิ่มขึ้นระหว่างนักเรียนและครู โดยผู้ปกครองและครูคาดหวังความเข้าใจจากครอบครัว และผู้บังคับบัญชา</p> 2023-12-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา