รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัล ของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร factors of supervision
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สร้างและประเมินรูปแบบการนิเทศฯ วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนตามวัตถุประสงค์ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครโดย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน จำนวน 400 คน ขั้นตอนที่ 2 การร่างรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครโดย ศึกษานิเทศก์ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นตอนที่ 3 การประเมินรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์เนื้อหาแบบอุปนัย ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองขององค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดล =173.98, df=154, p=0.12912, /df=1.13, GFI=0.96, AGFI =0.94 ,RMSEA=0.018, RMR= 0.016 และ SRMR=0.037 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด องค์ประกอบมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ มีความสอดคล้องกับกรอบแนวคิด ทฤษฎีของการวิจัย 2) รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบได้แก่ (1) ด้านหลักการของรูปแบบ (2) ด้านวัตถุประสงค์ของรูปแบบ (3) ด้านกระบวนการนิเทศ (4) ด้านผลลัพธ์การนิเทศ และ (5) ด้านปัจจัยเอื้อความสำเร็จ 3) รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มีความถูกต้อง ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมาก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กิตติศักดิ์ อังคะนาวิน. (ม.ป.ป.). การนิเทศการศึกษาให้เจริญก้าวหน้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0. วารสารวิชาการ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 4(1), 193–195.
เก็จกนก เอื้อวงศ์ และพิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2556). หน่วยที่ 2 วิจัยทางการบริหารการศึกษา. ใน ประมวล
สาระชุดวิชา 23721 การวิจัยทางการบริหารการศึกษา (หน่วยที่ 1-5, น. 2-15–2-118).
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ขวัญตา เจริญศรี. (2562). รูปแบบสังคมแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครนครปฐม
[ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร].
จามรี เชื้อชัย. (2563). การพัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน
มัธยมศึกษา. วารสารการบริการนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 7(7), 177–191.
จิราภรณ์ สีลา. (2563). รูปแบบการนิเทศแบบร่วมมือเพื่อพัฒนาการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย [การศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม].
ทิพวรรณ ถาวรโชติ. (2564). รูปแบบการนิเทศด้วยเครือข่ายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลของ
สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา [ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
นเรศวร].
ธนัฏฐา วุฒิวณิชย์. (2563). รูปแบบการนิเทศที่มีประสิทธิภาพต่อการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21
ของโรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารการศึกษาและการ
พัฒนาสังคม, 5(2), 302–333.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542). โมเดลลิสเรล: สถิติวิเคราะห์สำหรับการวิจัย. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2558). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 9). สุริยาสาส์น.
ปณิตา วรรณพิรุณ และนำโชค วัฒนานัณ. (2560). ความฉลาดทางดิจิทัล. พัฒนาเทคนิคศึกษา, 29(102),
–20.
พงศกร จําปาโพธิ์. (2566). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันในการนิเทศการเรียนการสอนของครูใน
ระดับมัธยมศึกษา. Procedia of Multidisciplinary Research, 1(9), 21–25.
พักตร์วิภา โพธิ์ศรี. (2560). ยุทธศาสตร์การศึกษาผ่านการเรียนรู้แบบ Mobile learning เพื่อเสริมจิตอาสา
สำหรับนิสิตระดับปริญญาตรี. มหาวิทยาลัยบูรพา.
วชิรา เครือคำอ้าย และชวลิต ขอดศิริ. (2562). การพัฒนารูปแบบการนิเทศโดยใช้กระบวนการชี้แนะและ
ระบบพี่เลี้ยงเพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสมาคมนักวิจัย, 24(1), 121–135.
วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง. (2561). คู่มือพลเมืองดิจิตอล. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัล
เพื่อเศรษฐกิจและสังคม.
ศุภวรรณ สัจจพิบูล. (2560). แนวคิดการนิเทศเพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.
วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย สาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปะ, 37(1),
–222.
สรานนท์ อินทนนท์. (2563). การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ (Cyberbullying) (พิมพ์ครั้งที่ 3). มูลนิธิส่งเสริม
สื่อเด็กและเยาวชน.
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). แนวทางการนิเทศบูรณาการ
โดยใช้พื้นที่เป็นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสู่การนิเทศภายในโรงเรียนโดยใช้ห้องเรียนเป็น
ฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน “2562 ปีทองแห่งการนิเทศภายในโดยใช้ห้องเรียนเป็นฐานเพื่อ
พัฒนาคุณภาพของผู้เรียน”.
Bushway, A., & Nash, W. R. (1977). School cheating behavior. Review of Educational Research, 47(4),
–632.
Glickman, C. D., Gordon, S. P., & Ross-Gordon, J. M. (2010). Supervision and instructional leadership:
A developmental approach (8th ed.). Allyn & Bacon.
Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2018). Multivariate data analysis (8th ed.).
Cengage Learning.
Harris, B. M. (1985). Supervisory behavior in education (3rd ed.). Prentice-Hall.
Madaus, G. F., & Kellaghan, T. (2000). Models, metaphors, and definitions in evaluation. In D. L. Stufflebeam, G. F. Madaus, & T. Kellaghan (Eds.), Evaluation models: Viewpoints on educational and
human services evaluation (2nd ed., pp. 19–31). Springer Netherlands.
Sangchai, K. (2015). Supervision of Education Change Agent. http://school.go.th/nites/km/56km/1st-
kriengsak.pdf
Wagner, T. (2008). Even our “best” schools are failing to prepare students for 21st-century careers
and citizenship. Educational Leadership, 66(2), 20–25.