วิพิธพัฒนศิลป์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT <p>วารสาร “วิพิธพัฒนศิลป์” ISSN 2985-265X (Online) รับตีพิมพ์บทความคุณภาพทางด้านศิลปะ นาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ ทัศนศิลป์ และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสาขาศิลปะ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คณาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และบุคคลทั่วไป ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยตีพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี </p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน </p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม </p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p> <p> </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></p> <p>1. อัตราค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความภาษาไทย ดังนี้</p> <p> (1) นักศึกษา บทความละ 1,500 บาท</p> <p> (2) บุคลากร บทความละ 2,000 บาท</p> <p> (3) บุคคลทั่วไป บทความละ 3,000 บาท</p> <p>2. อัตราค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความภาษาอังกฤษบทความละ 4,500 บาท</p> <p>บัญชี : ธนาคารกรุงไทย</p> <p>ชื่อบัญชี : สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (เงินนอกงบประมาณ)</p> <p>เลขที่บัญชี : 982-2-56571-2</p> <p>หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์จะเรียกเก็บเมื่อบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาบทความ และค่าธรรมเนียมที่ชำระแล้วจะไม่คืนให้กับผู้เขียนไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น</p> <p>นอกจากนี้ วารสารวิพิธพัฒนศิลป์ มีความประสงค์สำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของวารสาร เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงคุณภาพของวารสาร การให้บริการ ขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอความอนุเคราะห์ท่านโปรดตอบแบบสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ ตามแบบประเมินด้านล่างนี้</p> <p><a href="https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScoOqOOB3tKVuaIlU1cjpd5cg11lfuY0Yiks225-Rmvi4AbUQ/viewform">แบบประเมินความพึงพอใจการใช้บริการวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์</a></p> th-TH <p> เนื้อหาและข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้แต่งเท่านั้น โดยกองบรรณาธิการวารสารไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในบทความ</p> <p> </p> wipit.bpi@gmail.com (รศ.ดร.สมภพ เขียวมณี (Assoc. Prof. Dr. Somphop Khieomani)) wipit.bpi@gmail.com (นางสาวชวลัน ทีคา (Miss Chawalan Thikha)) Sat, 28 Dec 2024 16:51:27 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ถวยสักการะพระธาตุโพนทอง https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/268268 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระธาตุโพนทอง 2) สร้างสรรค์ท่าฟ้อนสำหรับใช้ในการบวงสรวงพระธาตุโพนทอง โดยศึกษารูปแบบและลักษณะของการสร้างสรรค์งานฟ้อนสักการะในการวิจัยเชิงคุณภาพ จากเอกสาร ตำรา วรรณกรรมพื้นถิ่น เพื่อนำมาใช้การวิเคราะห์และเป็นแนวคิดสำคัญในการประดิษฐ์ท่ารำเป็นเอกลักษณ์ของผลงานและผู้วิจัยได้ใช้แนวคิดจากกระบวนประดิษฐ์ท่าการฟ้อนแม่บทอีสานของฉวีวรรณ ดำเนิน (พันธุ) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (หมอลำ) ประจำปี 2536 มาประดิษฐ์ท่าฟ้อน และนำข้อมูลทั้งหมดนำเสนอเป็นรูปแบบนาฏศิลป์พื้นบ้านอีสานสร้างสรรค์โดยใช้นักแสดงทั้งหมด 8 คน ชาย 4 คน หญิง 4 คน ในด้านการแต่งกายผู้วิจัยได้แนวคิดและแรงบันดาลใจจากลักษณะการแต่งกายของผู้ชาย และผู้หญิงชาวอีสาน ได้แบ่งการแสดงออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้ ช่วงที่ 1) สื่อให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาขององค์พระธาตุโพนทอง ช่วงที่ 2) สื่อให้เห็นถึงการบวงสรวงบูชาองค์พระธาตุโพนทอง ช่วงที่ 3) สื่อให้เห็นถึงการขอพร และเฉลิมฉลองของชาวบ้านโพนทอง</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า พระธาตุโพนทองเป็นพระธาตุที่บรรจุอัฐิธาตุพระอรหันต์ จำนวน 8 รูป เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดอุดรธานี ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์การแสดงที่มีกระบวนท่ารำหลักซึ่งสร้างสรรค์จากท่ารำฟ้อนแม่บทอีสานจำนวน 10 ท่า จากกระบวนฟ้อนทั้งหมด 142 ท่า ตามจังหวะห้องดนตรี ได้แก่ ท่าพระพรหมสี่หน้า ท่าทศกัณฐ์โลมนาง ท่าช้างเทียมแม่ ท่ากาเต้นก้อน ท่าคนขาแหย่ง ท่าพิเภกถวยครู ท่าหงส์บินวน ท่ากินรีชมดอก ท่าหนุมานถวายแหวน และท่าอุ่นมโนราห์ เพื่อเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่ทรงคุณค่าต่องานศิลปะการแสดงในโอกาสต่อไป</p> ปุญชรัศมิ์ วรก้องกิจไพศาล Copyright (c) 2024 ปุญชรัศมิ์ วรก้องกิจไพศาล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/268268 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การสร้างสรรค์รูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมในรูปแบบดิจิทัล ที่มีความสัมพันธ์ทางจิตวิทยา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/265979 <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสรรค์ผลงานรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมในรูปแบบดิจิทัล 2) ศึกษาความเชื่อเรื่องเจ้าแม่กวนอิม และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อกับจิตวิทยา ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ผู้ที่เดินทางมาสักการะรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 40 ปี ณ ตำหนักพระแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (โชคชัย 4) จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐาน และแบบสอบถามความพึงพอใจในลักษณะของรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม</p> <p>ผลการวิจัยสรุปการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ <strong>ปางพันกร</strong> มีความเชื่อมาจากความรัก ความกตัญญูนำไปสู่ความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต และยังเป็นปางที่บันดาลสุขภาพให้แข็งแรงปราศจากโรคภัย <strong>ปางเหยียบมังกร</strong> มีความเชื่อในเรื่องของหน้าที่การงาน การเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ความเจริญก้าวหน้า <strong>ปางประทานพร</strong> มีความเชื่อในการประทานทุกสิ่งที่มนุษย์ปรารถนาคือ เงินทอง ทรัพย์สิน และความร่ำรวย สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์ทางจิตวิทยา คือ ความสมปรารถนาเป็นความสุขพื้นฐานระดับอิด (ID) เมื่อผู้ที่มีความต้องการในสิ่งใด พรที่ขอสำเร็จในช่วงที่การกระทำสิ้นสุด จึงสำเร็จสมความปรารถนา เมื่อความเชื่อที่ได้รับการพิสูจน์นั้นเป็นผลสำเร็จ จึงเกิดเป็นพฤติกรรมระดับอีโก้ (Ego) เมื่อตนเองเกิดความเชื่อและพิสูจน์แล้วว่าขอพรทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องที่ปรารถนาจึงบอกเล่าแก่ผู้อื่นให้รับทราบถึงสิ่งที่ตนเองประสบ โดยปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ไปด้วย นั่นก็คือระดับซุปเปอร์อีโก้ (Super Ego)</p> สุธินี ทิพรัตน์ Copyright (c) 2024 Sutinee Thippharat https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/265979 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 บันทึกความฝันของเด็กเร่ร่อนด้วยกิจกรรมการสอนศิลปะภาพพิมพ์สู่ชุมชน: กรณีศึกษาศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์วัดหนู บางกอกน้อย กรุงเทพฯ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/266921 <p>กิจกรรมสอนศิลปะภาพพิมพ์ให้แก่เด็ก เป็นการเผยแพร่ความรู้ให้แก่เด็กในศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์ วัดหนู บางกอกน้อย กรุงเทพฯ การวิจัย มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านศิลปะภาพพิมพ์ของเด็กเร่ร่อนที่เข้าร่วมโครงการวิจัย 2) เพื่อบันทึกความฝันของเด็กเร่ร่อนที่เข้าร่วมโครงการวิจัย โดยผ่านกิจกรรมศิลปะภาพพิมพ์ของเด็กและกระบวนการสร้างสรรค์ศิลปะภาพพิมพ์ของผู้วิจัย โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง (กลุ่มเด็กอาสาสมัคร) แบบเลือกเจาะจง สำหรับเข้าร่วมกิจกรรมศิลปะภาพพิมพ์ โดยเป็นกลุ่มเด็กที่มีอายุ 12 – 17 ปี จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามความพึงพอใจก่อนหลังเข้าร่วมกิจกรรม การสังเกตและการบันทึก จากกิจกรรมศิลปะภาพพิมพ์ ทั้งหมด 3 กิจกรรม ประกอบด้วย 1) กิจกรรมแม่พิมพ์ครั้งเดียว ในหัวข้อเรื่องฝันที่ฉันอยากจะวาด 2) กิจกรรมแม่พิมพ์โฟม พิมพ์ลงบนกระเป๋าผ้าและเสื้อ 3) กิจกรรมเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ในชุมชน งานศิลปะภาพพิมพ์ของเด็กและผลงานสร้างสรรค์ของผู้วิจัย</p> <p> ผลจากการจัดกิจกรรมสอนศิลปะ และแบบสอบถามความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม จากค่าเฉลี่ยก่อนเข้าร่วมกิจกรรม จะเห็นได้ว่ากลุ่มเด็กอาสารู้จักศิลปะภาพพิมพ์มากน้อยเพียงใด ในระดับคะแนน 3 (ปานกลาง) หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 3 ครั้ง กลุ่มเด็กอาสา รู้จักศิลปะภาพพิมพ์มากน้อยเพียงใด ระดับคะแนน 4.38 (ดี) ระหว่างที่ร่วมกิจกรรมกลุ่มเด็กอาสา ได้รับความรู้เกี่ยวกับศิลปะภาพพิมพ์มากน้อยเพียงใด ในระดับคะแนน 4.63 (ดีมาก) มีความเห็นว่ากิจกรรมศิลปะภาพพิมพ์มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ในระดับคะแนน 4.25 (ดี) และกิจกรรมศิลปะภาพพิมพ์มีประโยชน์กับชุมชนมากน้อยเพียงใด ในระดับคะแนน 4.38 (ดี) สรุปด้านความพึงพอใจโดยรวม 4.13 (ดี)</p> ปรานต์ ชาญโลหะ Copyright (c) 2024 ปรานต์ ชาญโลหะ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/266921 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 การสังเคราะห์งานวิจัยทางดนตรีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีไทยประเภทปี่พาทย์: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/266863 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์งานวิจัยทางด้านดนตรีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีไทยประเภทปี่พาทย์ตามแนวทางการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ ค้นพบวรรณกรรมทั้งหมด 9 เรื่อง ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยกำหนดเกณฑ์ในการศึกษาวรรณกรรมประเภทรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ และวิทยานิพนธ์ที่อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2561 – 2565 ภายในฐานข้อมูลโครงการพัฒนาเครือข่ายระบบห้องสมุด ในประเทศไทย (Thai Library Integrated System: ThaiLIS) จากนั้นสังเคราะห์วรรณกรรมโดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1) ข้อมูลทั่วไป 2) ระเบียบวิธีวิจัย และ 3) วัตถุประสงค์ของการศึกษา รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา นำเสนอออกมาในรูปแบบค่าความถี่ ผลการสังเคราะห์พบว่า วิทยานิพนธ์ในปี พ.ศ. 2561 มีปริมาณมากที่สุด โดยพบวรรณกรรม 4 เรื่อง ส่วนสถาบันที่ผลิตงานวรรณกรรมออกมาในช่วงระยะเวลา 5 ปี มีจำนวน 3 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สำหรับด้านระเบียบวิธีวิจัย พบวรรณกรรมทั้ง 9 เรื่อง เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพทั้งหมด และลักษณะด้านวัตถุประสงค์ของการศึกษา พบว่าการศึกษาองค์ความรู้ รวบรวมข้อมูล รูปแบบและลักษณะการเรียนรู้ รวมถึงอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ ผลการวิจัยในครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นในการวิจัยทางดนตรีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับดนตรีไทย และสามารถนำไปประกอบอ้างอิงภายในงานวิจัยอื่น ๆ ได้ในอนาคต</p> ฟ้าใส ปานสุวรรณ, สยา ทันตะเวช Copyright (c) 2024 Fasai Pansuwan, Saya Thuntawech https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/266863 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 สังคีตลักษณ์การประพันธ์ทางโอดปี่ในชุดเพลงทยอยโศกสำหรับการแสดงโขน https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267435 <p>บทความวิจัยเรื่อง “สังคีตลักษณ์การประพันธ์ทางโอดปี่ในชุดเพลงทยอยโศกสำหรับการแสดงโขน” ฉบับนี้ เพื่อศึกษาสำนวนทางโอดปี่ในประเภทเพลงทยอยสู่การประพันธ์ทางโอดปี่ใน ชุด เพลงทยอยโศกสำหรับการแสดงโขน ใช้ระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาข้อมูลจากเอกสาร การสัมภาษณ์กลุ่มผู้เชี่ยวชาญปี่ใน กลุ่มศิลปินอาวุโสที่มีประสบการณ์การสอนและบรรเลงประกอบการแสดงโขน แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์สังเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อนำไปประพันธ์ทางโอดปี่ในชุดเพลงทยอยโศกสำหรับการแสดงโขน</p> <p>ผลจากการวิเคราะห์สังคีตลักษณ์เพลงทยอยพบว่าโครงสร้างทำนองเพลงทยอย เป็นเพลงประเภทหน้าทับสองไม้ แบบมีโยน อัตราจังหวะสองชั้น โดยหนึ่งประโยคเพลงเท่ากับ หนึ่งจังหวะหน้าทับสองไม้ ทำนองเพลงประกอบด้วย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทำนองเนื้อเพลง และ กลุ่มทำนองโยน ใช้ในอารมณ์โศกเศร้าคร่ำครวญ ขณะผู้แสดงเคลื่อนที่ การบรรเลงใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็งผสมซออู้ ในการสื่ออารมณ์โศกเศร้าจะใช้ปี่ในบรรเลงเพลงทยอยเนื่องจากเป็นเครื่องดนตรีที่สื่ออารมณ์โศกได้ดี กำกับจังหวะด้วยฉิ่ง และควบคุมจังหวะหน้าทับด้วยตะโพน</p> <p>หลักการประพันธ์ทางโอดปี่ในชุดเพลงทยอยโศก พบว่า 1)ใช้หลักการประพันธ์เพลงไทยหน้าทับสองไม้ จังหวะสองชั้น 2)ใช้ทำนองหลักและเสียงลูกตกจากเพลงทยอยเป็นกรอบในการประพันธ์ทางโอด ปี่ใน 3)นำรูปแบบสำนวนทางโอดในเพลงเดี่ยว และกระบวนแห่งลำนำมาร้อยเรียงเป็นทางโอดที่สอดคล้องกับการแสดงโขน 4)นำกลวิธีของปี่ในสอดแทรกไปในสำนวนทางโอดเพื่อสื่ออารมณ์โศกให้กลมกลืนสอดคล้องกับลีลาอารมณ์ของผู้แสดง 5)ใช้ช่วงเสียงแหบของปี่ในเป็นหลักในการรังสรรค์สำนวนทางโอด</p> บุญเสก บรรจงจัด , บำรุง พาทยกุล , ดุษฎี มีป้อม Copyright (c) 2024 Boonsek Bunjongjud, Bamrung Phattayakul, Dussadee Meepom https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267435 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 ลายรดน้ำร่วมสมัยการเตรียมพื้นรักใสบนวัสดุพื้นถิ่น แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตชาวใต้ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267740 <p>จิตรกรรมลายรดน้ำร่วมสมัยแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตชาวใต้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชุด “ลายรดน้ำร่วมสมัยการเตรียมพื้นรักใสบนวัสดุพื้นถิ่น แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตชาวใต้” ด้วยเทคนิคลายรดน้ำวิธีการเตรียมพื้นจากวัสดุพื้นถิ่นของภาคใต้ทาเคลือบด้วยยางรักใสเวียดนาม 2) นำเสนอเรื่องราวความผูกพันต่อครอบครัว</p> <p>ผลการสร้างสรรค์พบว่า กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานในเทคนิคลายรดน้ำจากการเตรียมพื้นด้วยวัสดุพื้นถิ่นทางภาคใต้ ทาเคลือบพื้นผิวด้านหน้าด้วยยางรักใสของเวียดนามมีความโดดเด่นที่สามารถมองเห็นสี ลวดลาย และรูปทรงของวัสดุด้านล่างได้อย่างชัดเจน ด้วยลักษณะเฉพาะของผลงานสร้างสรรค์โดยใช้แผ่นทองคำเปลวและผงทองวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างค่าน้ำหนักในผลงาน เกิดการผสมผสานกันของลวดลายในชั้นสีทองและรูปทรงของวัสดุด้านล่างซึ่งเป็นพื้นผลงาน นำเสนอเนื้อหาเรื่องราวที่แสดงถึงอัตลักษณ์พื้นถิ่นทางภาคใต้ ถ่ายทอดความผูกพันต่อครอบครัวของผู้สร้างสรรค์ ผ่านการบันทึกความงามเป็นผลงานจิตรกรรมลายรดน้ำร่วมสมัยซึ่งมีลักษณะเฉพาะตน สะท้อนวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของท้องถิ่นทางภาคใต้ได้อย่างงดงาม</p> วรรณวิสา พัฒนศิลป์ Copyright (c) 2024 วรรณวิสา พัฒนศิลป์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267740 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 Relationship of Contrast: A Visual Exploration of Urban Transformation in Chinese Cities https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267339 <p>This paper explores the dynamic interplay between urban and rural environments through the lens of visual arts, specifically traditional Chinese painting. The study draws parallels between the celestial balance in the universe and the coexistence of contrast and harmony within human societal structures, focusing on the evolving urban landscapes of Qingdao, Shandong Province. The research intertwines extensive data collection, including field photography and literature review, with a creative process that employs Chinese brush and ink techniques. The artworks produced during the study articulate the contrasts between rural and urban settings using varied colors, lines, and forms, thereby bringing to life the thematic essence of urban-rural interplay. The journey of creation, documented through pre-thesis and thesis artwork, reveals a deepening understanding and nuanced expression of the contrasting dynamics in these environments. The study extends beyond mere artistic representation, delving into the socio-cultural implications of these contrasts and their resonance in contemporary society. The paper concludes with suggestions for artists and individuals interested in exploring urban and rural themes, emphasizing the importance of integrating art with daily life, experimenting with various artistic mediums, and engaging in cross-disciplinary collaboration. ‘Relationship of Contrast’ not only showcases artistic prowess but serves as a conduit for deeper societal reflection, underscoring the influential role of art in interpreting and influencing societal and cultural dynamics.</p> Fangzhu Li, Boontan Chettasuret, Suchat Sukna Copyright (c) 2024 Fangzhu Li, Boontan Chettasuret, Suchat Sukna https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267339 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700 Phin Phia, A Plucked Zither in Northern Thailand: Its Origin, Diffusion, and Survival in Northern Thailand https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/259093 <p>The <em>phin phia </em>is a type of zither with a long history. Traditionally, the word <em>veena</em> referred to any stringed instrument. The <em>veena</em> was believed to be the instrument of Hindu gods and goddesses. It was brought from the southern part of India to Southeast Asia in the Daravadi period by merchants and priests who accompanied them. These traders came to Thailand by way of Sri Lanka, Bangladesh, Myanmar, Indonesia, Cambodia, and Vietnam. In Southeast Asia, there are stone sculptures of musicians playing the <em>veena</em>. The <em>veena</em> first appeared in Thailand in the Sukothai, Ayuthaya, and Lanna kingdoms, and is also found today in the north and southeast. The <em>phin pia</em>, <em>pia</em>, or <em>phia</em> is an ancient musical instrument dating from the Lanna period. Developed from the gourd zither, the <em>phin phia </em>has from two to seven strings. Its body is made from a coconut shell or gourd. The neck is made from hardwood with one end sharpened to attach to the head of the <em>phin pia</em>. The head can also be made from bronze, and is often cast in the shape of an elephant or a <em>hatsadiling</em> (a mystical bird of the Lanna people)</p> Udom Chaithong, Worapat Prachasilchai, Kasama Prasongcharoen, Rakkiat Panyayot, Ronnarit Maithong, Yurawit Somboonwit Copyright (c) 2024 รณฤทธิ์ ไหมทอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/259093 Sat, 28 Dec 2024 00:00:00 +0700