https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/issue/feed วิพิธพัฒนศิลป์ 2025-08-31T00:00:00+07:00 รศ.ดร.สมภพ เขียวมณี (Assoc. Prof. Dr. Somphop Khieomani) wipit.bpi@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสาร “วิพิธพัฒนศิลป์” ISSN 2985-265X (Online) รับตีพิมพ์บทความคุณภาพทางด้านศิลปะ นาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ ทัศนศิลป์ และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสาขาศิลปะ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คณาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และบุคคลทั่วไป ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยตีพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี </p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน </p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม </p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p> <p> </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></p> <p>1. อัตราค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความภาษาไทย ดังนี้</p> <p> (1) นักศึกษา บทความละ 1,500 บาท</p> <p> (2) บุคลากร บทความละ 2,000 บาท</p> <p> (3) บุคคลทั่วไป บทความละ 3,000 บาท</p> <p>2. อัตราค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความภาษาอังกฤษบทความละ 4,500 บาท</p> <p>บัญชี : ธนาคารกรุงไทย</p> <p>ชื่อบัญชี : สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (เงินนอกงบประมาณ)</p> <p>เลขที่บัญชี : 982-2-56571-2</p> <p>หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์จะเรียกเก็บเมื่อบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาบทความ และค่าธรรมเนียมที่ชำระแล้วจะไม่คืนให้กับผู้เขียนไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น</p> <p>นอกจากนี้ วารสารวิพิธพัฒนศิลป์ มีความประสงค์สำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของวารสาร เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงคุณภาพของวารสาร การให้บริการ ขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอความอนุเคราะห์ท่านโปรดตอบแบบสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ ตามแบบประเมินด้านล่างนี้</p> <p><a href="https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScoOqOOB3tKVuaIlU1cjpd5cg11lfuY0Yiks225-Rmvi4AbUQ/viewform">แบบประเมินความพึงพอใจการใช้บริการวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์</a></p> https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/279349 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมรำเชิดฉิ่งแผลงศร คณะละครสำเนียง ป่าโมก สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 2025-07-30T15:51:05+07:00 เขมวันต์ นาฏการจนดิษฐ์ khemawan_n@mail.rmutt.ac.th กัญชพร ตันทอง ตันทอง kanchaporn_t@rmutt.ac.th มาโนช บุญทองเล็ก manoch_b@rmutt.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมรำเชิดฉิ่งแผลงศร คณะละครสำเนียงป่าโมก สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มีต่อการฝึกอบรมรำเชิดฉิ่งแผลงศร คณะละครสำเนียง ป่าโมก</p> <p>การดำเนินงานวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ 1) การหาความต้องการในการจัดฝึกอบรม จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้แก่ ผู้บริหาร คณาจารย์และนักศึกษาสาขาวิชาศิลปะการแสดง และสาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา ชั้นปีที่ 1 - 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ด้วยการใช้แบบสอบถาม 2) ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของคณะละครสำเนียง ป่าโมก ความรู้ทั่วไปที่เกี่ยวกับรำเชิดฉิ่งแผลงศร และการปฏิบัติท่ารำเชิดฉิ่งแผลงศร ด้วยการใช้แบบสัมภาษณ์อย่างไม่มีโครงสร้าง และแบบสังเกตการณ์การแสดง จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้แก่ ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะละครสำเนียง ป่าโมก เพื่อนำมาพัฒนาเป็นหลักสูตรฝึกอบรมระยะที่ 2 การทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม เป็นการนำหลักสูตรฝึกอบรมที่ได้จากการดำเนินงานระยะที่ 1ไปทดลองใช้ ตลอดจนศึกษาหาความพึงพอใจด้วยแบบประเมินจากกลุ่มตัวอย่าง คือนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาศิลปะการแสดง และสาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา ชั้นปีที่ 1 - 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ที่สมัครใจเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 17 คน และระยะที่ 3 การปรับปรุงคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรม ซึ่งเป็นการนำเอาผลการทดลองมาแก้ไขหลักสูตรให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน </p> <p>ผลจากการศึกษาพบว่า 1) หลักสูตรฝึกอบรมมีความเหมาะสม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย <br />ค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1 2) นักศึกษามีผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ 89.76 จากคะแนนเต็ม 115 คะแนน และ 3) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรฝึกอบรม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.81</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 เขมวันต์ นาฏการจนดิษฐ์, กัญชพร ตันทอง , มาโนช บุญทองเล็ก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/277348 ‘Thai Sing Application’: Urban Cultural-Educational Learning Media Promoting Thai Local Vibes to Global Sphere 2025-03-06T23:54:51+07:00 Suchada Sowat sowatara@gmail.com <p>Thai classical singing is one of the ancient vocal performances of Thailand. It does exist nowadays to serve educational and cultural functions. This paper illustrates the development of Thai Sing, a self-learning educational application for Thai and non-Thai learners to learn about singing Thai classical songs. This paper provides a preliminary background of Thai classical singing in the following aspects: vocal elements (lyrics and the <em>uan </em>or wordless vocalization), teaching styles in relation to educational technology and contemporary learning style of students in Thai classical singing major, international contexts of learning and teaching Thai classical singing oversea. Then, the paper demonstrates the creation of the Thai Sing Application (a developed prototype application available for both iOS and Android platform.) based on research and development methodology, including objectives, related works, methodology, findings, and discussion on how the Thai Sing Application can be the integrative educational media to make local Thai culture approachable by global audiences; the paper also manifests that Thai culture was presented by bringing them into the song content used in the Thai Sing Application. Furthermore, this paper embraces how the Thai Sing Application is compatible with the urban consumption style and has become one of the Thai cultural media that supports lifelong learning and cultural diversity globally.</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Suchada Sowat https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/279285 การศึกษาวงปี่ชวากลองแขกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก : กรณีศึกษา รองศาสตราจารย์สหวัฒน์ ปลื้มปรีชา 2025-05-23T12:58:30+07:00 ฐิติวุฒิ สุขศิริวัฒน์ thitiwuttor@gmail.com <p>งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสำคัญของวงปี่ชวากลองแขก ในพระราชพิธีการเสด็จกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วยการสัมภาษณ์ระดับลึกกับผู้เกี่ยวข้องรวมถึง<br />รองศาสตราจารย์สหวัฒน์ ปลื้มปรีชา นักวิชาการ นักดนตรีประจำเรือกลองนอกและเรือกลองใน </p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ขั้นตอนของพระราชพิธีโดยรวมมีการจัดในเขตพระราชฐาน ในเขตพระบรมมหาราชวัง เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าสู่พระราชพิธีเบื้องปลาย โดยการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค และกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในส่วนกระบวนพยุหยาตราทางทางชลมารค ดนตรีประกอบริ้วกระบวน ประกอบด้วยวงปี่ชวากลองแขก ที่เป็นเครื่องดนตรีประกอบพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ บรรเลงประจำเรือกลองนอกและเรือกลองใน ด้วยบทเพลงเรื่องหน้าทับสะระหม่าไทย หรือ สะระหม่าใหญ่ ที่มีการแบ่งออกเป็น 3 ไม้ ได้แก่ ไม้ต้น ไม้โปรย และไม้แดก บรรเลงประกอบการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค</p> 2025-09-01T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ฐิติวุฒิ สุขศิริวัฒน์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/267129 วิธีการแสดงบทบาทนางลำหับในการแสดงละคร เรื่อง เงาะป่า 2024-03-13T16:26:02+07:00 ณัฐธิดา ศิริประเสริฐ nut.siriprasert@gmail.com จินตนา สายทองคำ krujin@gmail.com ชนัย วรรณะลี chanai9554@gmail.com <p>งานวิจัยหัวข้อ วิธีการแสดงบทบาทนางลำหับในการแสดงละคร เรื่อง เงาะป่า มีวัตถุประสงค์เพื่อ <br />1) ศึกษาบทบาทนางลำหับในการแสดงละคร เรื่อง เงาะป่า 2) วิเคราะห์วิธีการแสดงบทบาทนางลำหับ ในการแสดงละคร เรื่อง เงาะป่า โดยศึกษาจากเอกสาร หนังสือ สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ และการศึกษาภาคสนาม <br />ผลวิจัยพบว่า 1. ลำหับตัวละครเอกฝ่ายหญิงดำเนินชีวิตในสังคมชาวเงาะป่าอย่างกุลสตรี จิตใจอ่อนโยน <br />รักธรรมชาติ น้ำเสียงไพเราะ อ่อนแอ รักนวลสงวนตัว รู้บุญคุณ มีปัญญา และไหวพริบ รักเดียวใจเดียว กตัญญูกตเวที และจิตใจเด็ดเดี่ยว ปรากฏบทบาทในการแสดง ดังนี้ 1) ช่วงพบรัก มีบทบาทในการเป็นหญิงสาวในสังคมชาวเงาะป่า บทบาทพี่สาวแสดงถึงความรักใคร่ ไว้วางใจน้องชาย 2) ช่วงแต่งงาน บทบาทเจ้าสาวเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี บทบาทลูกกตัญญูทำตามประสงค์พ่อแม่ 3) ช่วงตายเพราะรัก ปรากฏบทบาทภรรยา<br />ที่ยึดมั่น เด็ดเดี่ยวต่อความรัก 2. วิธีการแสดงบทบาทนางลำหับปรากฏในกระบวนท่ารำ แบ่งออกได้เป็น<br />2 ลักษณะ คือ 1) การตีบทตามคำร้อง 2) การใช้ท่ารำจากรำแม่บท วิธีการแสดงบทบาทดังกล่าวประกอบกับวิธีการรำ แบ่งเป็นการนั่งรำและการยืนรำ วิธีการสื่ออารมณ์และความรู้สึก ผ่านสีหน้า แววตา กิริยา ท่าทางด้วยการสื่ออารมณ์และความรู้สึกครุ่นคิด เบิกบานใจ ซาบซึ้งบุญคุณ ทักท้วง ห้ามปราม เป็นกังวล ร้อนรนใจ รู้สึกผิด คลายกังวล วิตกกังวล เสียใจกับการสูญเสีย ตัดสินใจ เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ประกอบกับวิธีการใช้หน้าและสายตามอง 6 ลักษณะ มองตามมือ มองตามบท เบือนหน้า หลบหน้า กล่อมหน้า ลักคอ รวมทั้งวิธีการเจรจาการควบคุมการออกเสียงเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกในน้ำเสียงอย่างสอดคล้องและสัมพันธ์กัน</p> <p> </p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ์Nattida Siriprasert https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/269204 การประพันธ์ทางเดี่ยวจะเข้เพลงสุดสงวน สามชั้น สำเนียงมอญ 2024-07-02T19:45:25+07:00 อธิพัชร์ สุวรรณวัฒนะ athipatsu@gmail.com <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การสร้างสรรค์การประพันธ์ทางเดี่ยวจะเข้เพลงสุดสงวน อัตราจังหวะสามชั้นสำเนียงมอญเป็นการประพันธ์สำนวนกลอนจะเข้ในลักษณะ “ทางเดี่ยวจะเข้” โดยยังคงรูปแบบทางเดี่ยวตามอย่างจารีตเดิม เพลงสุดสงวนอัตราสามชั้นเป็นเพลงไทยสำเนียงมอญที่มีทำนองเรียบง่ายมีท่อนเดียวประเภทหน้าทับปรบไก่ 6 จังหวะหน้าทับ มีบันไดเสียงทางกลางเป็นประธานและบันไดเสียงทางชวาเป็นบันไดเสียงรอง</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผู้สร้างสรรค์ประพันธ์ทางเดี่ยวจะเข้ให้มีลักษณะสำนวนกลอน “เที่ยวแรก” และ “เที่ยวหลัง” <br>โดยเที่ยวแรกเป็นสำนวนทางพื้น ผูกกลอนให้มีลีลาเฉพาะสำหรับจะเข้สอดแทรกกลวิธีและกลวิธีพิเศษคือการบรรเลง “สายลวด” รูปแบบต่าง ๆ และสำนวนกลอนผสมผสานกันระหว่างสำนวนกลอนที่มีความเรียบง่ายและสำนวนที่ซับซ้อน การใช้กลวิธีการดีดทิงนอยให้เป็นทำนองใกล้เคียงกับ “มือฆ้อง” หรือการดีดแบบ “จาว ๆ” ซึ่งควรปรากฏอยู่บ้างในการประพันธ์ทางเดี่ยว เที่ยวหลังประพันธ์ให้เป็นสำเนียงมอญความยาว 2 จังหวะหน้าทับ เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของเพลงเดี่ยวที่มักปรากฏทำนองปกปิดทำนองต้นรากเดิม และสอดแทรกอัตลักษณ์เพลงไทยสำเนียงมอญไว้ในช่วงต่าง ๆ ด้วยทำนองเรียงเสียง ลักจังหวะและยักเยื้องจังหวะ การซ้ำทำนองในจังหวะย่อย เพิ่มอรรถรสและความอ่อนหวานให้กับท่วงทำนอง ผู้สร้างสรรค์ได้ประดิษฐ์กลวิธีพิเศษคือ “สะบัดควงเสียง” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการใช้นิ้วควงของซอและปี่มาใช้ในทำนองเดี่ยวเที่ยวแรก</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ทำนองในช่วงท้ายของเพลงผู้สร้างสรรค์ประพันธ์สำนวนกลอนให้มีความโลดโผนด้วยกลวิธีการดีดสะบัดและการดีดขยี้เป็นทำนองสรุปและมีวัตถุประสงค์เพื่ออวดศักยภาพของผู้บรรเลงด้านทักษะความคล่องแคล่วชำนาญและแม่นยำ</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 อธิพัชร์ สุวรรณวัฒนะ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/277888 การสร้างสรรค์ประติมากรรมอาร์ตทอย ชุด ความเชื่อที่เลือนหาย 2025-05-13T10:45:30+07:00 ภิญญวุธ บุอ่อน cajonkai@gmail.com <p>บทความสร้างสรรค์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมในรูปแบบอาร์ตทอย โดยมุ่งนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องผลของกรรม นรก และสวรรค์ อันเป็นหลักธรรมที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและจิตสำนึกของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เมื่อใครก็ตามเป็นผู้ทำบุญกุศลไว้มาก เกิดมาแล้วก็จะได้เป็น มนุษย์เป็นคนมั่งมีศรีสุข ร่ำรวย มีคนนับถือมีความเจริญรุ่งเรือง เมื่อตายจากโลกนี้ไปก็จะได้เสวยผลบุญที่เมืองสวรรค์ แต่ถ้าหากทำความชั่ว ไว้มากเมื่อตายจากโลกนี้ไปก็จะได้ไปเกิดเมืองนรก อบายภูมิ เป็นต้น ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวไทยที่กำลังเลือนหายไปในยุคสมัยปัจจุบัน อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมและกระแสความทันสมัยที่ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มห่างเหินจากศีลธรรม ความกลัวบาป และการยึดมั่นในผลแห่งกรรม</p> <p>จากความเชื่อดังกล่าว ผู้สร้างสรรค์จึงหยิบยกแนวคิดนี้มาถ่ายทอดเป็นผลงานประติมากรรม ในรูปแบบ อาร์ตทอย (Art Toys) เพื่อให้ผลงานดูร่วมสมัยและเข้าถึงผู้ชมได้ง่ายขึ้น โดยใช้โปรแกรม โนแมด สกัลป์ (Nomad Sculpt) และเทคโนโลยี การพิมพ์สามมิติ (3D Printer) ในการออกแบบและผลิตผลงานศิลปะ 3 ชิ้น ซึ่งสื่อถึงเปรตในอุดมคติตามหลักคำสอนทางพุทธศาสนา โดยมีการลดทอนรายละเอียดให้เรียบง่ายแต่ยังคงแฝงความหมายลึกซึ้ง เช่น การออกแบบให้มีอวัยวะบางส่วนผิดปกติ เพื่อสะท้อนผลแห่งกรรม</p> <p>กระบวนการสร้างสรรค์ประกอบด้วยการศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฎก แนวคิดพุทธศิลป์ การออกแบบด้วยหลักของทัศนธาตุในงานทัศนศิลป์ ร่วมกับแรงบันดาลใจจากศิลปินร่วมสมัย เช่น อนุพงษ์ จันทร ที่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสะท้อนสังคมและศาสนา ผลลัพธ์ที่ได้คือผลงานศิลปะร่วมสมัยที่สามารถเชื่อมโยงความเชื่อดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สื่อสารแนวคิดเรื่องกรรมและผลของกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ชมโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เข้าถึงสาระสำคัญของพุทธศาสนาได้อย่างเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภิญญวุธ บุอ่อน https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/278306 การสร้างสรรค์ดนตรีพื้นบ้านอีสาน “ลายแมงภู่ตอมดอก” ในรูปแบบของวงดนตรีแจ๊สร่วมสมัย 2025-06-25T14:47:33+07:00 ธนินท์รัฐ คํามาธีรวิทย์ panthamit123@gmail.com <p>งานสร้างสรรค์ชิ้นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลายดนตรีพื้นบ้านอีสานร่วมสมัยลายแมงภู่ตอมดอก 2) เรียบเรียง “ลายแมงภู่ตอมดอก” ในรูปแบบของวงดนตรีแจ๊สร่วมสมัย 3) เผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ในรูปแบบของวงดนตรีแจ๊สร่วมสมัยจากการสร้างสรรค์ดนตรีพื้นบ้านอีสาน พบว่า ลายแมงภู่ตอมดอก คือลายทำนองพื้นบ้านอีสานที่ถูกสร้างขึ้นด้วยโครงสร้างบันไดเสียง (Scale) แบบ 5 เสียงหลัก (Pentatonic scale) โดยสามารถตีความได้ทั้งในแบบ 5 เสียงหลักของเมเจอร์ (Pentatonic major) และ 5 เสียงหลักของไมเนอร์ (Pentatonic minor) ในกระบวนการสร้างสรรค์สามารถแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 1 วิเคราะห์แนวทำนองหลัก (Melody) ในรูปแบบตัวโน้ตบนบรรทัด 5 เส้น</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 2 กำหนดสังคีตลักษณ์และโครงสร้าง (Form and Structure) เป็น 3 ตอน (Ternary Form) ได้แก่ ABA และได้แบ่งส่วนย่อยของท่อน (Movement) ออกเป็น 7 ท่อน ได้แก่ ท่อน Introduction ท่อน Head in ท่อน Interlude ท่อน Chorus1,Chorus2 ท่อน Head out และท่อน Outro</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 3 กำหนดเสียงประสาน (Harmony) บนกุญแจเสียงเอไมเนอร์ (Keys A minor) ใช้ประเภทคอร์ดทบเจ็ด (7<sup>th</sup> chord) เป็นหลัก มีการใช้คอร์ดเทนชัน (Tension chord) คอร์ดสแลช (Slash chord) บนการดำเนินทางคอร์ด (Chord turnaround) ในรูปแบบ IVM7-iiim7-iim7-vim7, iim7-V7-IM7, VIM7-V7-IM7, IVM7-iiim7-vim7 การเลือกใช้บันไดเสียงและโหมดที่เกี่ยวข้อง (Scale and Mode) ในการบรรเลงทักษะคีตปฏิภาณ (Improvisation) และการเปลี่ยนกุญแจเสียงและบันไดเสียง (Modulation)</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 4 กำหนดอัตราจังหวะ (Time signature) และจังหวะ (Rhythm) บนอัตราจังหวะ 4/4 ในจังหวะระหว่างสวิง (Swing) และ ชัฟเฟิล (Shuffle) ความเร็วของเพลงอยู่ระหว่าง 130-140 PBM</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 5 กำหนดรูปแบบวงดนตรี (Ensemble) ให้เป็นวงดนตรีขนาดเล็ก (Small band) มีเครื่องดนตรีทั้งหมดได้แก่ พิณอีสาน (Isan instrument), Guitar, Piano,&nbsp; Keyboard, Bass, Drum</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 6 กำหนดบทบาทของเครื่องดนตรี (The Role of Musical Instrument) เสียงพิณอีสานและเสียงกีตาร์ดำเนินทำนองหลัก เสียงคีย์บอร์ดคอยบรรเลงทำนองสอดแทรก เสียงกลอง เบส คีย์บอร์ด กีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีที่คอยบรรเลงสนับสนุน (Accompaniment) มีการด้นสด (Improvisation) ระหว่างพิณและกีตาร์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนการบรรเลงทักษะคีตปฏิภาณร่วม (Trade) ของเครื่องดนตรีอื่น ๆ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขั้นที่ 7 การเผยแพร่ผลงานสู่สารณะชน โดยใช้ชื่องานว่า Maeng Phu Tom Dok (Bees swarm flowers) ในงาน The 5<sup>th</sup> International symposium on creative fine arts (ISCFA) 2024 และบนสื่อสังคมออนไลน์</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: ดนตรีพื้นบ้านอีสาน , ลายแมงภู่ตอมดอก , วงดนตรีแจ๊สร่วมสมัย</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thaninrut Kammateerawit https://so02.tci-thaijo.org/index.php/WIPIT/article/view/277847 หนังใหญ่วัดบ้านดอน: การสร้างตัวหนังใหญ่สำหรับการแสดงหนังใหญ่ ร่วมสมัย เรื่อง “สุดสาครจับม้านิลมังกร” 2025-05-13T11:30:48+07:00 นพพล จำเริญทอง noppon@go.buu.ac.th ภัชภรชา แก้วพลอย padparadscha@go.buu.ac.th <p style="font-weight: 400;">หนังใหญ่เป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงของไทยที่มีมาอย่างช้านาน ที่ผสานศาสตร์ทางด้านวรรณศิลป์ จิตรกรรม ประติมากรรม นาฏศิลป์ และคีตศิลป์เข้าด้วยกัน ในทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ตัวหนังจึงต้องอาศัยความประณีตและความชำนาญของช่างฝีมือ ในปัจจุบัน คณะหนังใหญ่วัดบ้านดอนได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันมากขึ้น โดยนำเสนอเรื่องราวพระอภัยมณี ตอนสุดสาครจับม้านิลมังกร ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์จากความร่วมมือระหว่างคณะหนังใหญ่วัดบ้านดอนและงานวิจัยของอาจารย์นพพล จำเริญทอง การแสดงหนังใหญ่ร่วมสมัยครั้งนี้นั้นมีการสร้างสรรค์ตัวหนังขึ้นใหม่ 3 ตัว ได้แก่ 1) หนังสุดสาคร 2) หนังม้านิลมังกร และ 3) หนังสุดสาครจับม้านิลมังกร โดยเทคนิคการสร้างสรรค์ยังคงรักษากรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ได้แก่ การเตรียมหนัง การออกแบบลาย การฉลุลาย การลงสี และการติดไม้คาบหนัง ทั้งนี้แม้วัสดุบางส่วนจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อความสะดวกในการผลิต แต่แก่นแท้ของสุนทรียะในหนังใหญ่ยังคงอยู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การสร้างสรรค์หนังใหญ่ในครั้งนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการผสมผสานระหว่างประเพณีดั้งเดิมและแนวคิดใหม่ ช่วยส่งเสริมให้ศิลปินรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปะการแสดงแขนงนี้ให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยต่อไป</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภัชภรชา แก้วพลอย