วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc <p> วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง (Journal of Architecture, Design and Construction : JADC) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นวารสารวิชาการที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา สถาปนิก วิศวกร นักออกแบบและบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยที่มีความสนใจ ด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง และเพื่อการพัฒนาวารสารเข้าสู่ฐานข้อมูล Thai-Journal Citation Index (TCI) </p> <p> ISSN (Print Edition): 2673-0332 </p> <p> ISSN (Online Edition): 2673-0340 </p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><br /> 1. เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี<br /> 2. เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้ ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิตนักศึกษา สถาปนิก วิศวกร นักออกแบบและบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย<br /> 3. เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และเป็นฐานความรู้นำไปสู่การพัฒนาทางด้านสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมผังเมือง สาขาสถาปัตยกรรมภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม การจัดการงานก่อสร้าง นฤมิตศิลป์ การออกแบบสร้างสรรค์ การออกแบบอุตสาหกรรม และในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม</p> jadcarch@msu.ac.th (พรทิพย์ เรืองธรรม (Porntip Ruengtam)) jadcarch@msu.ac.th (อภิชญา จำรูญศิริ (Apichaya Chamroonsiri)) Mon, 01 Sep 2025 12:02:06 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 แนวทางการออกแบบรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ เพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งปอด จังหวัดเชียงใหม่ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/275014 <p>งานวิจัยเชิงสร้างสรรค์นี้ มุ่งนำเสนอกระบวนการออกแบบรีสอร์ทเพื่อสุขภาพสำหรับการฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งปอด ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมการออกแบบเชิงพื้นที่ เพื่อตอบสนองต่อปัญหามลภาวะทางอากาศซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อสุขภาพในปัจจุบัน กระบวนการวิจัยเริ่มต้นจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักการออกแบบสภาพแวดล้อม เพื่อการเยียวยา ก่อนวิเคราะห์และสังเคราะห์เกณฑ์การออกแบบ จากนั้นจึงดำเนินการออกแบบเบื้องต้น และจัดทำเครื่องมือประเมินต้นแบบ โดยมีผู้เชี่ยวชาญใน 3 กลุ่ม ได้แก่ คณาจารย์สายวิชาการ สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาวะ และแพทย์หรือผู้ประกอบการ ด้านสุขภาพร่วมประเมินผล สรุปเกณฑ์การออกแบบ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1) องค์ประกอบทางกายภาพ ใช้แนวคิดรูปทรงธรรมชาติ (Organic Form) ในรูปทรงอาคารและผังภูมิทัศน์ ส่งเสริมการระบายอากาศ การใช้แสงธรรมชาติ วัสดุธรรมชาติ และการเข้าถึงที่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มเปราะบาง (2) องค์ประกอบทางจิตใจ เน้นการใช้แสงธรรมชาติ ช่องเปิดที่มองเห็นพื้นที่สีเขียว และพื้นที่ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (3) องค์ประกอบทางภูมิทัศน์ ประกอบด้วย ทางเดินอาบป่า สวนบำบัด แนวต้นไม้และลำน้ำสำหรับกรองฝุ่น และเนินดินกันลม บทความนี้ นำเสนอกระบวนการวิจัยเชิงออกแบบที่ผสานสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของผู้ป่วยมะเร็งปอดและครอบครัวอย่างองค์รวม พร้อมศักยภาพในการประยุกต์ใช้ในบริบทอื่นที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพคล้ายคลึงกัน</p> <p><strong> </strong></p> พิไลพร นุ่นมา, ดรัลพร วินัน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/275014 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 แนวทางการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานภัยธรรมชาติ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278947 <p>การวิจัยนี้ มุ่งศึกษาผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมในประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 เพื่อเสนอแนวทางการออกแบบอาคารที่สามารถป้องกันและลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ภายใต้แนวคิดเรื่อง ความสามารถในการฟื้นตัวจากภัยพิบัติ (Resilience) ซึ่งในบริบทของการพัฒนาเมือง หมายถึง ศักยภาพในการปรับตัวทั้งด้านโครงสร้าง สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือกับแรงกดดันและเหตุการณ์เฉียบพลันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังสอดคล้องกับกรอบการพัฒนาเมืองตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 11 (SDG 11) ที่มุ่งสร้างเมืองและชุมชนที่ครอบคลุม ปลอดภัย ยืดหยุ่น และยั่งยืน งานวิจัยนี้ใช้ตัวชี้วัดเชิงพื้นที่ เช่น การลดสัดส่วนประชากรในชุมชนแออัด การเพิ่มพื้นที่สาธารณะที่เข้าถึงได้ การพัฒนาระบบเตือนภัย และ<br />การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการวางแผนเมือง เพื่อกำหนดแนวทางการออกแบบอาคารอย่างเป็นรูปธรรม ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า อาคารที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง ห่างจากแหล่งน้ำ และก่อสร้างด้วยวัสดุที่ทนต่อความชื้น มีแนวโน้มได้รับความเสียหายน้อยกว่า การออกแบบที่มีประสิทธิภาพจึงควรรวมถึงระบบระบายน้ำที่ดี การจัดวางผังอาคารและภูมิทัศน์ที่รองรับและจัดการน้ำท่วมได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีติดตามระดับน้ำแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ภายในอาคารควรมีการใช้วัสดุที่ไม่เสียหายจากน้ำ และจัดพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อเสนอด้านนโยบายและการออกแบบดังกล่าวมีส่วนช่วยเสริมสร้างความสามารถของชุมชนและเมืองในการรับมือและฟื้นฟูหลังภัยพิบัติอย่างยั่งยืน</p> เมธา คล้ายแก้ว, ต้นข้าว ปาณินท์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278947 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 อิทธิพลของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวต่อปรากฏการณ์เกาะความร้อนเมือง: กรณีศึกษากรุงเทพมหานคร https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/279237 <p>การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงพื้นที่ โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat 8 ร่วมกับการวิเคราะห์ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อจำแนกสัดส่วนและประเภทโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว รวมถึงค่าอุณหภูมิพื้นผิวของพื้นที่ศึกษาย่อย ขนาด 2 x 2 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวแปรหลักในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนและประเภทของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวกับค่าความเข้มข้นของเกาะความร้อนบนพื้นผิวเมือง โดยพิจารณาจากค่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิพื้นผิวสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละพื้นที่ศึกษาย่อย การศึกษานี้มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอประเภทของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวที่สามารถบรรเทาปรากฎการณ์เกาะความร้อนบนพื้นผิวเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผลการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ พบว่า สัดส่วนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวมีความสัมพันธ์แบบผกผันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับอุณหภูมิพื้นผิว (r = -0.90, p-value &lt; 0.001) โดยเมื่อสัดส่วนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวเพิ่มขึ้นทุก 10% อุณหภูมิพื้นผิวจะลดลงเฉลี่ย 0.47 องศาเซลเซียส และสามารถอธิบายความแปรผันของอุณหภูมิพื้นผิวได้ถึงร้อยละ 81.85 ทั้งนี้พบว่า ประเภทของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวที่ช่วยลดอุณหภูมิได้มากที่สุดคือ พื้นที่สีเขียวธรรมชาติ (ประเภทสวนป่า/ป่าชายเลน) รองลงมาคือ พื้นที่แหล่งน้ำธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นของแต่ละประเภทในอัตรา 10% จะช่วยลดอุณหภูมิพื้นผิวได้ 1.54 และ 0.63 องศาเซลเซียส ตามลำดับ ส่วนประเภทที่มีประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิน้อยที่สุดคือ พื้นที่สีเขียวรอการพัฒนาหรือยังไม่ใช้ประโยชน์ (เช่น ทุ่งหญ้าธรรมชาติหรือทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม) ซึ่งลดอุณหภูมิได้เพียง 0.20 องศาเซลเซียส</p> มัลลิกา วิโสจสงคราม, พิมลศิริ ประจงสาร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/279237 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 แนวทางเพื่อส่งเสริมการนำ BIM มาใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดเล็ก : การบูรณาการนโยบายและกลยุทธ์การออกแบบทางสถาปัตยกรรม https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/279289 <p>การใช้เทคโนโลยี Building Information Modeling (BIM) กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างขนาดเล็กในประเทศไทยยังประสบข้อจำกัดด้านงบประมาณ ทรัพยากร และการขาดนโยบายสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่บูรณาการนโยบายสาธารณะและกลยุทธ์ทางสถาปัตยกรรมเพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้ BIM ในโครงการก่อสร้างขนาดเล็ก โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed-Methods) ประกอบด้วย การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง จำนวน 12 คน และการสำรวจเชิงปริมาณจากผู้ประกอบการก่อสร้างขนาดเล็ก ในประเทศไทย จำนวน 140 คน ซึ่งรวมถึงสถาปนิก วิศวกร และผู้รับเหมา ตัวแปรที่ศึกษาแบ่งเป็น ปัจจัยภายในองค์กร เช่น ความรู้และความตระหนักของผู้บริหาร และปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายภาครัฐ และข้อจำกัดเฉพาะของโครงการขนาดเล็ก ผลการวิจัยพบว่าอุปสรรคหลักของการใช้ BIM ในประเทศไทย ได้แก่ ต้นทุนที่สูง การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ และแรงจูงใจจากรัฐที่ไม่เพียงพอ ขณะที่ปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ ความรู้และความพร้อมของบุคลากร การสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ และการจัดการทรัพยากรอย่างยืดหยุ่น จากผลการวิจัยจึงเสนอแนวทางเชิงกลยุทธ์ 3 ข้อ ได้แก่ (1) การจัดทำมาตรฐาน BIM และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ (2) การส่งเสริมกลยุทธ์การออกแบบที่สอดคล้องกับ BIM เช่น Modular Design และ Prefabrication และ (3) การพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้มีความพร้อมต่อการใช้ BIM</p> ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/279289 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (CDP) ตามภารกิจในสำนักช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278794 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP) เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการข้อมูลโครงการของสำนักช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยใช้กรอบแนวคิดการพัฒนาที่บูรณาการหลักการของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) และข้อกำหนดข้อมูลภูมิสารสนเทศพื้นฐาน (Fundamental Geographic Data Set: FGDS) เป็นแกนหลัก กระบวนการวิจัย ประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ และการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการปี 2563-2567 จากนั้น พัฒนากระบวนการแปลงข้อมูลจากไฟล์ PDF สู่ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ และประยุกต์ใช้การวิเคราะห์การซ้อนทับข้อมูล (Overlay Analysis) บนแพลตฟอร์ม SuperMap GIS ผลการวิจัยพบว่า แพลตฟอร์มที่พัฒนาสามารถรวบรวมข้อมูลโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน 195 สาย, โรงเรียน 58 แห่ง และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 182 แห่ง) ไว้ในศูนย์กลางเดียว เมื่อทดสอบการวิเคราะห์ข้อมูลถนนปี 2565 - 2566 แพลตฟอร์มสามารถระบุโครงการที่ดำเนินการซ้ำซ้อนจำนวน 8 โครงการ ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงปริมาณที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถป้องกันการอนุมัติงบประมาณที่ซ้ำซ้อนได้จริง การพัฒนานี้จึงเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานจากระบบเอกสารกระจัดกระจายและตรวจสอบยาก ไปสู่การบริหารจัดการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบรวมศูนย์ที่ขับเคลื่อนด้วนข้อมูล ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและสนับสนุนการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> ศิลา ศิลาขาว, ธราวุฒิ บุญเหลือ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278794 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนารูปแบบแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองจากข้อมูลแบบเปิด เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กรณีศึกษา สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล กรุงเทพมหานคร https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278517 <p>การศึกษานี้มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองจากข้อมูลแบบเปิด (Open Data) เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยใช้กรุงเทพมหานครเป็นกรณีศึกษา ผ่านการวิเคราะห์แผนพัฒนากรุงเทพมหานครและการเชื่อมโยงข้อมูลกับ SDGs ทั้ง 17 เป้าหมาย เพื่อนำไปสู่สร้างต้นแบบแพลตฟอร์มการบริหารจัดการข้อมูลและการแสดงผลในเว็บแอปพลิเคชัน (Dashboard)การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้องและเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) บุคลากรจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ (3) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการข้อมูลใช้ SuperMap GIS และการออกแบบต้นแบบใช้ Figma การประเมินผลแพลตฟอร์มดำเนินการผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผลการวิจัยสะท้อนแนวทางการบูรณาการข้อมูลเปิดกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงพื้นที่ และการติดตามยุทธศาสตร์พัฒนาเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้หน่วยงานและประชาชนเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้สะดวก อันนำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม</p> วิภารัตน์ หนูปัทยา, ธราวุฒิ บุญเหลือ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278517 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การออกแบบตราสินค้า ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวเพื่อการผลิต บ้านหนองยาง ตำบลวังตะเคียน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/274312 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาข้อมูลและแนวทางการออกแบบตราสินค้า ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวเพื่อการผลิต บ้านหนองยาง ตำบลวังตะเคียน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท (2) ออกแบบตราสินค้า ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ และ (3) ประเมินความพึงพอใจต่อแบบต้นแบบของตราสินค้า ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จำนวน 10 คน สำหรับการคัดเลือกรูปแบบที่นำไปผลิตเป็นต้นแบบ และกลุ่มเป้าหมายจำนวน 100 คน สำหรับการประเมินต้นแบบตราสินค้า ฉลาก และบรรจุภัณฑ์<br />ของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ โลชั่นบำรุงผิวกาย ครีมทาหน้า และแป้งฝุ่นทาหน้า ผลการวิจัยพบว่า ภาพทุ่งนาสื่อถึงวิถีชีวิตของชุมชนบ้าน<br />หนองยางได้เป็นอย่างดี จึงนำมาใช้เป็นภาพประกอบฉลากและบรรจุภัณฑ์ โดยใช้สีเพื่อแยกประเภทของผลิตภัณฑ์ ตราสินค้าออกแบบโดยใช้เลขไทย “๑” ผสมผสานกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อถึงความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความหมายชัดเจน ทันสมัย และจดจำง่าย เมื่อให้กลุ่มเป้าหมายประเมินต้นแบบ พบว่า มีความพึงพอใจในฉลากและตราสินค้าในระดับมาก และพึงพอใจในบรรจุภัณฑ์ในระดับมากที่สุด</p> นงค์นุช กลิ่นพิกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/274312 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การบูรณาการองค์ความรู้เพื่อเพิ่มคุณค่ามรดกเกษตรและวัฒนธรรมชุมชนเกาะลัดอีแท่น: ยุทธศาสตร์การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของจังหวัดนครปฐม https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/272090 <p>บทความนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของชุมชนเกาะลัดอีแท่น จังหวัดนครปฐม โดยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว ผ่านกระบวนการออกแบบสร้างสรรค์ วัตถุประสงค์ของการวิจัย ได้แก่ (1) เพื่อศึกษาศักยภาพของชุมชนในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (2) เพื่อศึกษากระบวนการสร้างอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นโดยเน้นคุณค่า (Value-Based Identity Creation) (3) เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพและแนวทางการสื่อสารการตลาดบูรณาการ (Integrated Marketing Communication: IMC) (4) เพื่อประยุกต์กระบวนการคิดเชิงออกแบบในการพัฒนาแนวทางหรือโมเดลการสื่อสารการตลาดเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน การวิจัยนี้ใช้การศึกษาวิเคราะห์เชิงแนวคิดจากข้อมูลทุติยภูมิ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมเชิงลึกและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อสรุปผลและประเมินศักยภาพของชุมชนตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผลการศึกษา พบว่า (1) กระบวนการสร้างอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นโดนเน้นคุณค่า สามารถสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชนผ่านการออกแบบเชิงสร้างสรรค์และมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืน (2) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) โดยเฉพาะผ่านสิ่สังคมออนไลน์ มีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ และ (3) การประยุกต์ใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ช่วยให้สามารถพัฒนาแนวทางหรือโมเดลการสื่อสารการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบทของชุมชน</p> กวิน ประตูมรีชัย, ประชม ทางทอง, จิระศักดิ์ พุกดำ, สุคนธรส คงเจริญ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/272090 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์ผลกระทบจากงานเสาเข็มในโครงการก่อสร้าง อาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/274242 <p>งานก่อสร้างประกอบด้วยกิจกรรมย่อยหลายประเภท ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน หากกิจกรรมก่อนหน้าไม่มีคุณภาพจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในขั้นตอนถัดไป การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดจากกิจกรรมงานก่อนหน้า โดยเลือกกิจกรรมงานเสาเข็มของโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานครเป็นกรณีศึกษา โครงการดังกล่าวใช้เสาเข็มเจาะ จำนวน 54 ต้น โดยทำการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็มด้วยวิธี Seismic Integrity Test ตามมาตรฐาน ASTM.D 5882-00 พบว่า เสาเข็มอยู่ในสภาพสมบูรณ์ 53 ต้น (คิดเป็น 98.15%) แต่พบตำแหน่งของเสาเข็มคลาดเคลื่อนเกินเกณฑ์ที่ยอมได้จำนวน 11 ต้น (คิดเป็น 20.37%) ทำให้ต้องออกแบบฐานรากใหม่ ส่งผลให้เกิดต้นทุนเพิ่มเติม 96,751.92 บาท และเวลาในการก่อสร้างล่าช้า 10 วัน (คิดเป็น 3.70%) เนื่องจากงานก่อสร้างประกอบด้วยกิจกรรมหลาดหลาย หากดำเนินการโดยขาดคุณภาพ อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุน ระยะเวลา และการส่งมอบงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาขาดทุนและค่าปรับตามสัญญา ดังนั้น ผู้รับเหมาก่อสร้างควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการตรวจสอบทั้งก่อนและระหว่างการทำงาน พร้อมมีผู้บังคับบัญชาในระดับสูงกว่าตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อช่วยลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงานของวิศวกรสนาม</p> สุนันท์ มนต์แก้ว, ธนพัฒน์ น้ำจันทร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/274242 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซ่อมแซมบ้านยุคดิจิทัล: กรณีศึกษาเจ้าของบ้านในหมู่บ้านจัดสรรเขตตำบลศาลายา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278058 <p>การวิจัยนี้ มุ่งศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจของเจ้าของบ้านในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอิทธิพลของการเข้าถึงข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่อการตัดสินใจว่าจะซ่อมแซมบ้านด้วยตนเองหรือจ้างช่าง การวิจัยเชิงสำรวจนี้ เก็บข้อมูลจากเจ้าของบ้านในหมู่บ้านจัดสรร เขตตำบลศาลายา จำนวน 60 ครัวเรือน ผลการวิจัยพบว่า แม้การเข้าถึงข้อมูลในยุคดิจิทัลจะทำได้ง่าย แต่การตัดสินใจซ่อมแซมบ้านยังขึ้นอยู่กับประเภทของงานเป็นหลัก โดยงานที่นิยมซ่อมเอง ได้แก่ งานทาสี (38%)งานประปา (33%) และงานประตูหน้าต่าง (27%) ขณะที่งานพื้น-บันได (97%) งานฝ้าเพดาน (93%) และงานไฟฟ้า (85%) ยังคงพึ่งพาช่างผู้เชี่ยวชาญ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกวิธีการซ่อมแซมมากที่สุด ได้แก่ ระดับความซับซ้อนทางเทคนิค (β = -0.94) และความเสี่ยงต่อความปลอดภัย (β = -0.88) รองลงมาคือ ประสบการณ์ในการซ่อมแซมก่อนหน้า (β = 0.81) ระดับการศึกษา (β = 0.72) และความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล (β = 0.65) ส่วนปัจจัยด้านรายได้ เพศ และอายุ ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ YouTube เป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (86.7%) ในการเรียนรู้วิธีการซ่อมแซม ผลการวิจัยนี้มีนัยสำคัญต่อธุรกิจบริการซ่อมแซมบ้านในยุคดิจิทัล ซึ่งควรมุ่งเน้นความเชี่ยวชาญในงานที่มีความซับซ้อนสูง และพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่</p> ขวัญชัย จันทนา, กัณฐิกา จันทนา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/278058 Mon, 01 Sep 2025 00:00:00 +0700