วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc <p> วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นวารสารวิชาการที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย ผลงานวิชาการ องค์ความรู้ของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา สถาปนิก วิศวกร นักออกแบบและบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยที่มีความสนใจ ด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง และเพื่อการพัฒนาวารสารเข้าสู่ฐานข้อมูล Thai-Journal Citation Index (TCI)<br /> ขอบเขตเนื้อหาวารสารฯ ครอบคลุมความรู้ด้านสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมผังเมือง สถาปัตยกรรมภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม การจัดการการก่อสร้าง นฤมิตศิลป์ การออกแบบสร้างสรรค์ การออกแบบอุตสาหกรรม และศาสตร์อื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้างวารสารฯ จัดพิมพ์เป็นประจำทุกปี ปีละ 3 ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ 1 (เดือน มกราคม – เมษายน) ฉบับที่ 2 (เดือน พฤษภาคม – สิงหาคม) และฉบับที่ 3 (เดือน กันยายน – ธันวาคม) โดยบทความมีการตรวจสอบและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-review) จำนวน 3 ท่านต่อ 1 บทความ เป็นแบบ Double blinded บทความทุกเรื่องจะถูกพิจารณากลั่นกรองโดยกองบรรณาธิการ (คลิ๊ก <a href="https://www.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/navigationMenu/view/about">https://www.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/navigationMenu/view/about</a>) ผู้แต่งสามารถดูคำแนะนำสำหรับการลงทะเบียน แบบฟอร์มการสมัคร และแนวทางการเขียนบทความได้ตามลิงค์ต่อไปนี้ (คลิ๊ก <a href="https://www.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/about/submissions">https://www.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/about/submissions</a>)</p> มหาวิทยาลัยมหาสารคาม th-TH วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง 2673-0332 <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม</p> ความสัมพันธ์ของการจัดระเบียบเชิงพื้นที่ระหว่างการควบคุมผู้ต้องขังกับการบำบัดผู้ป่วย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/255325 <p>This article focuses on the study and conceptual conclusion of the spatial organization between Controlling of Prisoners and Healing of Patients. To find the correlations through the architecture of prisons and hospitals that have the characteristics of using the two spatial patterns mentioned above. During the 18th century, it was found that the architectural style of prisons focused on the use of power to control prisoner. There is a beginning of a spatial organizational scheme that is similar to a hospital architecture that focuses on treatment. Therefore, the related history has been studied through the Architecture (Historical Survey) which is linked to the nature of the unit division of the area. evaluating patterns in the construction of enclosed spaces How to observe through space in different parts to understand the link between the two types of architecture.</p> <p>From using the comparative method, the study data revealed that the characteristics of both types of architecture, although similar in specific aspects of spatial arrangement. But the factors affecting the concept of how to use power to “Controlling” and “Healing” are intended for different users and occupants occupants. That is to say, both areas (Controlling and Healing ) have high concepts and techniques of spatial organization that can be adjusted and concentrated according to the measures applicable in each context. Such conceptual ideas therefore have the effect of defining the details of space differently.</p> ณัฏฐพงศ์ จันทร์วัฒนะ Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 13 30 การสำรวจลักษณะอาคารพักอาศัยรวมของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเสนอแนวทางการออกแบบที่ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสถานการณ์โรคติดต่อทางอากาศ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/254615 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบันที่มีแนวโน้มจะคุกคามต่อบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย เนื่องจากมีรูปแบบอาคารพักอาศัยแบบรวมที่ไม่ได้รับการออกแบบให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ สืบเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและพื้นที่ในการก่อสร้าง จึงนับเป็นความเสี่ยงในการทำงานประการหนึ่ง ดังนั้นเพื่อทราบถึงแนวทางในการพัฒนาอาคารพักอาศัยของบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและมีความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่และสมาชิกในครอบครัวหรือผู้พักอาศัยร่วม บทความนี้จึงต้องการศึกษาการออกแบบที่พักอาศัยของบุคลากรทางการแพทย์ที่ออกแบบโดยกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นแบบที่ใช้อย่างแพร่หลายทั่วประเทศมาเป็นตัวอย่างในการวิเคราะห์ข้อจำกัดและนำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาทางกายภาพเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อทางอากาศ การคัดเลือกแบบอาคารใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจงโดยเน้นที่พักอาศัยแบบรวมและเป็นการอาศัยร่วมกันระหว่างบุคลากรจากหลายวิชาชีพซึ่งเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ&nbsp; วิธีการศึกษาประกอบด้วยการทบทวนเอกสารด้านสุขภาวะจากข้อมูลทุติยภูมิและรวบรวมจากแบบทางสถาปัตยกรรม &nbsp;รวมถึงการสำรวจพฤติกรรมการใช้พื้นที่ภายในอาคารพักอาศัย &nbsp;ผลการศึกษาจะเป็นแนวทางในการปรับปรุงอาคารพักอาศัยแบบรวมในปัจจุบันให้มีสุขภาวะที่ดีต่อผู้อยู่อาศัยและเป็นกรณีศึกษาเพื่อเสนอแนวทางในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาการออกแบบจากแบบมาตรฐานให้สามารถรองรับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศได้อย่างทันสถานการณ์</p> ธีรภัทร์ แสงนิล นพดล ตั้งสกุล อธิป อุทัยวัฒนานนท์ Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 33 49 การสำรวจสภาพแวดล้อมเพื่อการป้องกันโรคแพร่ระบาด ภายในพื้นที่โถงพักคอยของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/256561 <p>การวิจัยนี้ มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิดการจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อควบคุมโรคแพร่ระบาดและแนวคิดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ&nbsp; 2) สำรวจสภาพแวดล้อมที่ปรับตามเกณฑ์มาตรการควบคุมการแพร่กระจายโรค และ 3) ศึกษาพฤติกรรมการใช้พื้นที่ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เป็นการศึกษาเชิงสำรวจสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้งาน ภายในพื้นที่โถงพักคอยของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการปรับสภาพแวดล้อม และให้บริการแก่กลุ่มตัวอย่างการวิจัยที่เป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เกิดคำถามการวิจัยว่าสภาพแวดล้อมที่ถูกปรับมีลักษณะเช่นไร และพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มตัวอย่างเป็นอย่างไร</p> <p>ผลการสำรวจพบว่าสถาบันฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ และมีการปรับที่นั่งเพื่อสร้างระยะห่าง แต่ยังคงมีที่นั่งแบบชิดกัน และจัดวางใหม่ ใน 4 รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างได้เลือกที่นั่งแบบหันเข้าทางเดิน และเลือกตำแหน่งที่นั่งชิดกันมากที่สุด เนื่องจากเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครอง เพื่อลดการเกิดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในพื้นที่สาธารณะ และนั่งในตำแหน่งที่ประสานกับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก ส่งผลให้การสร้างสภาพแวดล้อมให้เกิดระยะห่าง ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มคนที่มีความต้องการพิเศษกลุ่มนี้เท่าที่ควร</p> นิพัทธา หรรนภา Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 53 97 ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพภูมิอากาศกับรูปแบบของที่อยู่อาศัย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/255095 <p>บทความนี้นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างสภาพอากาศ และวัฒนธรรม กับรูปแบบของที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอดีต ในความหมายของที่อยู่อาศัย ภายใต้กรอบทฤษฎี โดยบทความนี้จะเป็นการศึกษาปัจจัย ที่ส่งผลต่อรูปแบบ และการก่อกำเนิดของบ้านของมนุษย์ในอดีต โดยศึกษาผ่าน 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านสภาพอากาศ และวัฒนธรรม โดยทั้ง 2 ปัจจัยนี้มีอิทธิพลต่อรูปแบบของที่อยู่อาศัยต่างกัน โดยศึกษาผ่านหลักฐานการจดบันทึก ทฤษฎี และการเปรียบเทียบข้อมูล และจากการศึกษา ในเริ่มแรกมนุษย์โบราณสร้างที่อยู่อาศัยเนื่องจากปัจจัยด้านสภาพอากาศเป็นหลัก แต่หากปัจจัยด้านภาพอากาศคือปัจจัยที่สำคัญ ที่อยู่อาศัยนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศจากการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์ในอดีต มนุษย์เลือกที่จะนำรูปแบบของที่อยู่อาศัยที่เคยใช้กับสภาพอากาศนึง นำใช้เป็นที่อยู่อาศัยในสภาพอากาศที่ต่างออกไป ซึ่งสามารถพบเห็นรูปแบบของที่อยู่อาศัยที่ขัดแย้งกับสภาพอากาศได้ และในอีกสภาพอากาศที่ไม่ได้เลวร้ายนัก การอยู่อาศัยของมนุษย์ก็จะต่างออกไป รูปแบบของที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน วัฒนธรรม กลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบของที่อยู่อาศัย มากกว่าสภาพอากาศ บทความนี้จึงมุ่งศึกษา เปรียบเทียบ และนำเสนอรูปแบบของที่อยู่อาศัยที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศ และวัฒนธรรรม ว่ามีลักษณะทางกายภาพแตกต่างกันอย่างไร จึงเป็นคำถามตั้งต้นสำหรับการศึกษา เพื่อสรุปความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับความหมายของที่อยู่อาศัย</p> <p>&nbsp;</p> <p><strong>คำสำคัญ: </strong>รูปแบบของที่อยู่อาศัย, สภาพแวดล้อม, วัฒนธรรม, มนุษย์โบราณ</p> เสสินี นิ่มสุวรรณ์ Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 67 79 แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถาปัตยกรรมผังเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/255121 <p>การพัฒนาหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาหลายประการ โดยเนื้อหาที่ครอบคลุมในงานศึกษาครั้งนี้ประกอบไปด้วย การสำรวจความคาดหวังของผู้ใช้บัณฑิต การประเมินหลักสูตรฉบับเดิมจากผู้เรียน ผู้สอนและผู้เชียวชาญด้านสถาปัตยกรรมผังเมือง การสำรวจภาวะการได้งานทำของบัณฑิต การประเมินสถานการณ์ภายนอก ได้แก่ทิศทางการพัฒนาของแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมผังเมือง ทักษะที่จำเป็นของบัณฑิตในศตวรรษที่ 21 และข้อมูลจากการเปรียบเทียบหลักสูตรสถาปัตยกรรมผังเมืองจากสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยผลที่ได้จากการสำรวจและวิเคราะห์ จะถูกนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรสถาปัตยกรรมผังเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามต่อไป</p> ภนิตา สุรินต๊ะ Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 83 97 โครงการการศึกษาปัจจัยในกระบวนการปรับปรุงอาคารเก่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/251788 <p>งานวิจัยครั้งนี้เป็นการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาคารเก่าที่เป็นลักษณะอาคารประเภทบ้านแถวหรือตึกแถว ผ่านแนวทางทฤษฎีและกระบวนการปรับปรุงอาคาร แสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบโครงสร้างหลักอาคาร ผนังภายใน ผนังภายนอก และบันไดมีผลอย่างชัดเจนต่อการใช้งานตึกแถว ทั้งนี้การดำเนินการวิจัยยังคงมีข้อจำกัดและขอบเขตที่ยังไม่สามารถศึกษาไปถึง คือประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านการก่อสร้าง กฎหมาย อาคารและผังเมือง เศรษฐกิจและสังคม และวัฒนธรรมการอยู่อาศัยในอาคารลักษณะที่เป็นบ้านแถวหรือตึกแถว ยังคงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องสืบค้นและวิจัยเพื่อหาคำตอบให้กับการแก้ไขปัญหาอาคารลักษณะนี้ได้อย่างเป็นองค์รวมต่อไป</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การวิจัยที่มีข้อที่ทำการศึกษาผ่านกระบวนการปรับปรุงออกแบบโดยมี 3 หัวข้อหลักคือ หัวข้อแรกเป็นการพัฒนาด้านเทคนิคโครงสร้างอาคาร หรือการออกแบบ “โครงสร้างรองรับ” (Supports) และ “ส่วนประกอบติดตั้ง” (Infill) โดยเน้นที่การออกแบบรูปแบบ “โครงสร้างรองรับ” สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในตึกแถว และการพัฒนาโครงสร้างและวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปที่ติดตั้งได้ง่ายโดยผู้อยู่อาศัยเองหรือผู้ที่มีทักษะทางช่าง ทั้งนี้การวิจัยความเป็นไปได้ทางการตลาดและความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการออกแบบจำเป็นต้องมีการศึกษาร่วมกัน</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; หัวข้อที่สอง ศึกษาการใช้ประเภทอาคารในเชิงลึกมากขึ้น ทั้งการใช้พื้นที่ ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ โครงสร้างอาคารต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปรับปรุงอาคาร และรูปแบบที่เอื้อให้เกิดการแสดงตัวตนและสอดคล้องกับภาพรวมของสิ่งแวดล้อมภายใน ได้แก่ แสงธรรมชาติและการระบายอากาศ และภายนอกอาคาร ได้แก่ สิ่งแวดล้อมและเมือง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลการออกแบบ “โครงสร้างรองรับ” และ “ส่วนประกอบติดตั้ง” ให้รองรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้มากขึ้น พร้อมกับยกระดับศักยภาพอาคารให้ส่งเสริมคุณภาพการอยู่อาศัยในเมืองและมีอายุการใช้งานอาคารนานขึ้น</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; หัวข้อที่สาม การศึกษาแนวการปฏิบัติวิชาชีพของผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมก่อสร้าง : สถาปนิก วิศวกร นักผังเมือง นักกฎหมาย นักพัฒนาที่ดิน ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ถือครองที่ดินทั้งรัฐและเอกชน ให้เกิดความชัดเจนในบทบาทและผลกระทบจากการออกแบบ การใช้วัสดุ และระบบการก่อสร้างที่ใช้และส่งผลกับผู้บริโภคภายหลังเข้าอยู่อาศัย เพื่อวางพื้นฐานความเข้าใจการใช้งาน ของผู้อยู่อาศัยและเอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการมีสิทธิ์จัดการอาคารได้ภายหลัง รวมทั้งเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยังยืนต่อไป</p> ปิยะภัทร เต็มแย้ม Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 101 116 เกณฑ์การประเมินความยั่งยืนของอาคาร: แนวคิดและการใช้งาน https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/250717 <p>นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ได้ปรากฏระบบประเมินแรกขึ้น เพื่อความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมอาคารซึ่งมีการบริโภคพลังงาน วัสดุและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องมีแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนผ่านเกณฑ์การประเมินอาคาร ในปัจจุบันเกณฑ์การประเมินถูกพัฒนาขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาที่ต้องเผชิญกับการพัฒนาในหลายๆด้าน ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สูญเสียทรัพยากรเป็นจำนวนมาก จึงเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนของอาคาร ในช่วงแรกของการก่อตั้งเกณฑ์การประเมินสิ่งแวดล้อมของอาคาร ทุกฝ่ายจะให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และในเรื่องของการเป็น “สีเขียว” เป็นหลักทั้งแนวคิดการสร้างวิธีการประเมิน และผลการประเมิน ในการประเมินอาคารเขียวจะเป็นแนวคิดที่อ้างถึงการออกแบบที่ประหยัดพลังงาน การบำบัดของเสีย และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในเวลาต่อมาการใช้แนวคิดอาคารเขียวมีมูลค่าทางการตลาดสูงขึ้น จึงได้มีการพัฒนา มีการบูรณาการ และประยุกต์เอาแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาเป็นส่วนประกอบในเกณฑ์การประเมินอาคารมากขึ้น บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนถึงแนวคิด ตัวชี้วัด ข้อกำหนด และลักษณะการใช้งานเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนของอาคารที่มีอยู่ รวมถึงบทบาทของเกณฑ์ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ผลการศึกษาเกณฑ์การประเมินอาคารทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับและนำไปใช้งานกันอย่างแพร่หลายพบว่า แนวคิดของการออกแบบเกณฑ์การประเมิน มาจากปัจจัยสภาพปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก เพื่อความยั่งยืนเป็นอันดับที่สอง การปรับปรุงภาคอุตสาหกรรมอาคารเป็นอันดับที่สาม และอันดับที่สี่ความต้องการพัฒนาเกณฑ์การประเมินขึ้นตามประเทศที่ได้มีการใช้อยู่ก่อนแล้ว ในด้านบทบาทการใช้งานในปัจจุบัน พบว่าปัญหาของการใช้งาน คือ ต้นทุน/ค่าใช้จ่าย ที่ส่งผลอย่างมากในการสร้างแรงจูงใจในการเข้าร่วมการประเมิน และปัจจัยที่สอง คือ ตัวชี้วัดที่ยังไม่ครอบคลุมประเด็นปัญหาในด้านของสังคม และวัฒนธรรม</p> สุลาวัลย์ ทันใจชน Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 119 140 แนวทางการออกแบบเลขนศิลป์บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่ไม่ระบุเพศ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/254654 <p>การเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยมีการขยายตัวสูง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในปัจจุบันนั้นถูกผลิตมาเพื่อให้สามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย เป็นกระแสนิยมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมของคนสมัยใหม่ ซึ่งยอมรับความแตกต่างทางเพศ โดยเน้นการเข้าถึงง่ายแบบไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หรือที่เรียกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความไม่ระบุเพศ ซึ่งเนื้อหาในงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงผลการประเมินและวิเคราะห์การรับรู้ที่ไม่ระบุเพศขององค์ประกอบบนบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางไทย โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ มุ่งค้นหาความไม่ระบุเพศขององค์ประกอบในงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ จากการสำรวจรูปแบบบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางไทยประเภทไม่แต่งสีผิว นำมากำหนดเป็นปัจจัยที่ศึกษาด้านเลขนศิลป์ ซึ่งประกอบไปด้วย ตัวอักษร ภาพประกอบ ลวดลายและสีสัน จำนวน 38 ปัจจัย เป็นการวิจัยเชิงทดลอง โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบประเมิน ประกอบภาพจำลองและชุดแผ่นสีระบบสีพีซีซีเอส มีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ บุคคลเพศหญิงและชายที่มีเพศสถานะสอดคล้อง อายุตั้งแต่ 21-30 ปี จำนวน 120 คน ผลการวิจัยครั้งนี้ได้แนะนำแนวทางการเลือกใช้ ตัวอักษร ภาพประกอบ ลวดลาย และสีสัน นำมาซึ่งข้อสรุปที่ใช้ในการออกแบบเครื่องสำอางไทยที่ไม่ระบุเพศได้</p> สุชาดา คันธารส Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 143 156 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญา วัฒนธรรมของชุมชนจากไม้มะพร้าวและกะลามะพร้าว ชุมชนเกาะลัดอีแท่น อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/255042 <p style="text-align: justify; text-justify: inter-cluster; text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-size: 14.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">งานวิจัยฉบับนี้ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน ไม้มะพร้าว กะลามะพร้าว โดยใช้หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม โดยดึงทุนทางวัฒนธรรมและใช้วัตถุดิบที่มีภายในชุมชน เป็นกระบวนการพัฒนาทักษะเพิ่มองค์ความรู้ใหม่กับชุมชนในการสร้างผลิตภัณฑ์โดยนำทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน มาประยุกต์ ซึ่งในกระบวนการจะมีการระดมความคิดเพื่อหาเสน่ห์</span><span style="font-size: 14.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">&nbsp;<span lang="TH">อัตลักษณ์ และอบรมพัฒนาทักษะทางด้านการแปรรูปวัตถุดิบ การออกแบบ การผลิต ถ่ายทอดความรู้ทุกขั้นตอนจนนำไปสู่กระบวนการทางด้านการตลาดออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยให้ชุมชนเป็นที่รู้จัก สร้างความมั่นคงให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน<span style="color: black;"> โดยมีวัตถุประสงค์</span>เพื่อศึกษา รวบรวมภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อนำมาออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ <span style="color: black;">เพื่อทดสอบประเมินผลของผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยผลจากการระดมความคิดชุมชน ชุมชนมีเอกลักษณ์</span></span><span style="color: black;"> 3 </span><span lang="TH">สิ่ง คือ เรือสำเภา เป็นการนำคนชาวจีนเข้ามาตั้งรกรากภายในชุมชน ส้มโอทองดี เป็นผลไม้มงคลมีปลูกมากที่สุดภายในชุมชน และองค์พระปฐมเจดีย์</span>&nbsp;<span lang="TH">โดยนำเอกลักษณ์ชุมชน </span>3 <span lang="TH">สิ่งมาพัฒนาการออกแบบ และจัดทำบรรจุภัณฑ์ สร้างช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ อบรมถ่ายทอดความรู้ การแปรรูปวัตถุดิบ หลักการออกแบบโดยดึงทุนทางวัฒนธรรม เทคนิคการใช้เครื่องมืองานช่าง กรรมวิธีในการผลิต และการตลาดออนไลน์ โดยผลสรุปให้ผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้แนะนำข้อดีข้อเสียของผลิตภัณฑ์ แนวทางการพัฒนา และสิ่งที่ชุมชนควรพัฒนา</span></span></p> โสรัจ พฤฒิโกมล Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 159 173 การออกแบบตราสินค้า และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และส่งเสริมการตลาด กรณีศึกษาบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/254652 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อออกแบบตราสินค้า และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และส่งเสริมการตลาด กรณีศึกษาบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และส่งเสริมการตลาด กรณีศึกษาบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ผู้ประกอบการกลุ่มบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี 2) แบบประเมินความคิดเห็นด้านการออกแบบตราสินค้า 3) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผู้วิจัยได้ดำเนินการออกแบบตามขั้นตอน 1) ด้านผลิตภัณฑ์ต้นแบบในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ได้แก่แก้วมัค โดยผู้ประกอบการได้กำหนดโจทย์และแนวทางในการออกแบบ 2) ด้านการออกแบบตราสินค้า ผู้วิจัยได้ออกแบบตราสินค้า จำนวน 3 รูปแบบ และนำไปประเมินความคิดเห็นด้านการออกแบบตราสินค้า จากผู้ประกอบการกลุ่มบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ท่าน และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จำนวน 3 ท่าน พบว่า รูปแบบที่ 3 มีผลคะแนนสูงที่สุด อยู่ในระดับเหมาะสมมาก มีค่าอยู่ที่ (<em>x̅</em> =4.48, S.D.=0.55) 3) ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ผู้วิจัยได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์โครงสร้าง เป็นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาดอยู่ที่ 9.8X9.8X14.5 เซนติเมตร เน้นลวดลายกราฟิกที่บ่งบอกเรื่องราวความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ดอกบัวหลวง และเอกลักษณ์ของลวดลายเบญจรงค์ ได้แก่ ลายพิกุลทอง 4) ด้านการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ จากผู้ประกอบการกลุ่มบ้านเบญจรงค์ จังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ท่าน และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จำนวน 3 ท่าน พบว่าผลคะแนนอยู่ในระดับเหมาะสมมาก มีค่าอยู่ที่ (<em>x̅</em> =4.16, S.D.=0.50)</p> <p><strong>คำสำคัญ: </strong>ตราสินค้า, บรรจุภัณฑ์, เบญจรงค์, ผู้ประกอบการ</p> จุฑามาศ เถียรเวช Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 177 192 การศึกษาทางเลือกในการลงทุนในงานฉาบปูนผนังอาคาร https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/256227 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>&nbsp;&nbsp; &nbsp; งานฉาบปูนโดยการใช้แรงงานคนเป็นหลักทำให้มีขั้นตอนในการทำงานและใช้เวลาค่อนข้างมาก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงนำเครื่องพ่นปูนฉาบมาใช้ในการทำงาน อย่างไรก็ตามการนำเครื่องพ่นปูนฉาบมาใช้ทำงานยังขาดข้อมูลหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะผลิตภาพแรงงาน การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทางเลือกในการลงทุนในงานฉาบปูน จากการศึกษาโครงการก่อสร้างอาคาร 2 โครงการในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า การใช้เครื่องพ่นปูนฉาบ มีผลิตภาพแรงงานสูงกว่าการใช้แรงงานคน 2.33 เท่า ต้นทุนค่าแรงงานลดลงร้อยละ 18 และใช้เวลาในการทำงานลดลง ร้อยละ 48 นอกจากนั้น ยังพบว่า พื้นที่ฉาบปูนผนัง 3,750 ตารางเมตร หรือเวลาในการทำงาน 31.25 วัน ก็จะได้จุดคุ้มทุนในการซื้อเครื่องพ่นปูนฉาบ เครื่องพ่นปูนฉาบจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำงานก่อสร้าง สามารถลดต้นทุนค่าแรงงาน ลดระยะเวลาในการทำงาน แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ต้นทุนค่าแรงถูกลง เพิ่มโอกาสในการแข่งขันได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการนำเครื่องพ่นปูนฉาบมาใช้ในการทำงานควรคำนึงถึงการเรียนรู้ในการใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับการลงทุน</p> สุนันท์ มนต์แก้ว Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 195 209 แบบจำลองการประเมินทางเทคนิคโดยใช้วิธีกระบวนการวิเคราะห์เชิงลำดับชั้นแบบฟัซซี สำหรับการคัดเลือกผู้รับเหมาในโครงการก่อสร้าง https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Jadc/article/view/255148 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบจำลองการประเมินด้านเทคนิคผู้รับเหมาในโครงการก่อสร้าง ด้วยวิธีกระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์แบบฟัซซี มาเป็นเครื่องมือในการกำหนดค่าน้ำหนักแต่ละเกณฑ์ปัจจัย ด้วยการวินิจฉัยเปรียบเทียบทางเลือกในการประเมินด้านเทคนิคผู้รับเหมาในโครงการก่อสร้าง โดยอาศัยการตัดสินใจเป็นหมู่คณะจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 8 ท่าน ได้แก่บริษัทเจ้าของโครงการ 2 ท่าน บริษัทที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง 2 ท่าน บริษัทปรึกษาด้านสำรวจปริมาณ 2 ท่าน และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง 2 ท่าน มาเป็นข้อมูลในการพัฒนาแบบจำลองการประเมินโดยกำหนดเกณฑ์ปัจจัยเป็นลักษณะแผนภูมิระดับชั้น จากนั้นผู้เชี่ยวชาญให้คะแนนเป็นรายคู่ คำนวนหาค่าน้ำหนักความสำคัญของปัจจัยหลัก 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการควบคุมโครงการ มีปัจจัยรอง 5 ปัจจัย (รายคู่เปรียบเทียบจำนวน 10 รายคู่) ด้านทรัพยากรบุคคล มีปัจจัยรอง 3 ปัจจัย (รายคู่เปรียบเทียบจำนวน 3 รายคู่) ด้านการจัดซื้อวัสดุหลัก มีปัจจัยรอง 2 ปัจจัย (รายคู่เปรียบเทียบจำนวน 1 รายคู่) ด้านเครื่องมือ-เครื่องจักร มีปัจจัยรอง 3 ปัจจัย (รายคู่เปรียบเทียบจำนวน 3 รายคู่) และด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม มีปัจจัยรอง 3 ปัจจัย (รายคู่เปรียบเทียบจำนวน 3 รายคู่) ทั้งสิ้น 20 รายคู่ ลงในแบบจำลอง พบว่าค่าน้ำหนักปัจจัยหลัก ด้านการควบคุมโครงการ 0.39 ด้านทรัพยากรบุคคล 0.22 ด้านการจัดซื้อวัสดุหลัก 0.07 ด้านเครื่องมือ-เครื่องจักร 0.23 และด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม 0.09 ในการศึกษานี้ได้กำหนดสถานการณ์ประเมินด้านเทคนิคผู้รับเหมาจากโครงการก่อสร้าง จำนวน 4 โครงการ โดยนำผลคะแนนที่ได้จากแบบจำลองไปใช้ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ชนะ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบลำดับผู้ชนะคัดเลือกจากแบบจำลองกับลำดับผู้ชนะคัดเลือกจริง ผลการศึกษา พบว่า โครงการที่ 1 โครงการที่ 2 และโครงการที่ 3 ลำดับผู้ชนะคัดเลือกตรงกับที่ทางเจ้าของโครงการคัดเลือกไว้ แต่โครงการที่ 4 ลำดับผู้ชนะคัดเลือกที่ทางเจ้าของโครงการเลือกไว้เปลี่ยนจากผู้รับเหมาราย N เป็นผู้รับเหมาราย P เนื่องจากผลการประเมินจากแบบจำลองผู้รับเหมาราย P มีคะแนนรวมด้านเทคนิคที่สูงกว่าผู้รับเหมาราย N แสดงให้เห็นว่า แบบจำลองที่นำมาใช้ประเมินมีรายละเอียดที่ชัดเจน ครอบคลุมที่มากขึ้นกว่าเดิม และสอดคล้องกับผลการประเมินของเจ้าของโครงการ&nbsp;</p> สุริยวุธ ไส้เพี้ย Copyright (c) 2022 วารสารสถาปัตยกรรม การออกแบบและการก่อสร้าง http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2022-12-28 2022-12-28 4 3 213 231