วารสารการทดสอบและการประเมินทางการศึกษาระดับชาติ
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS
<p><strong>วารสารการทดสอบและการประเมินทางการศึกษาระดับชาติ (Journal of National Education Testing and Assessment)</strong> เป็นวารสารวิชาการที่เผยแพร่ผลงานของนักวิชาการ นักวิจัย บุคลากร รวมทั้งนิสิต นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ทั้งผลงานวิจัย บทความวิชาการ นวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ การวัดผล และการประเมินผลทางการศึกษาในระดับชาติ</p>
National Institude of Educational Testing Service Center
th-TH
วารสารการทดสอบและการประเมินทางการศึกษาระดับชาติ
2730-3535
-
การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในการทำงาน
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS/article/view/266342
<p><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;">สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสทศ. แกนนำและประธานที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับผู้บริหารแบบทดสอบคอนโซลวัดและตรวจประเมินใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสอบชาวไทยโดยเน้นนักเรียนมหาวิทยาลัยการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ออริกอน ส... ทศ. สามารถตรวจสอบการทำงานและดำเนินการต่อไปแบบทดสอบโดยเน้นผู้สอบไทยในวัยทำงานเพื่อให้สทศ. ข้อมูลได้สร้างตัวควบคุมแบบทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารข้อมูลวัดและตรวจสอบใช้ภาษาอังกฤษสำหรับกลุ่มบุคลลควบคุมกับผู้ผลิตไทยการทดสอบแบบทดสอบให้ระบบควบคุมระดับสากล แบบทดสอบนี้เริ่มสร้างใน พ.ศ. 2561 อย่างต่อเนื่องอย่างต่อเนื่องมาบทความนี้นักวิจัยและที่มาของแบบทดสอบผู้สร้างแบบทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารผลการแปลผลคะแนนเทียบกับ Common European Framework of Reference (CEFR) อรรถประโยชน์ของแบบทดสอบตลอด ที่ปรึกษาทิศทางและประเมินผลภาษาอังกฤษในระดับมหภาคของประเทศไทย</span></span></p>
จิรดา วุฑฒยากร
กุมภการ สวัสดิโกมล
Copyright (c) 2023 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2023-12-22
2023-12-22
4 2
12
23
-
การพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้โดยใช้ความท้าทายเป็นฐานรายวิชาการวิเคราะห์นโยบายและ กลยุทธ์การศึกษายุคดิจิทัลสำหรับผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา : การประเมินนวัตกรรมทางการศึกษา
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS/article/view/264573
<p>วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ 1) เพื่อออกแบบและสร้างต้นแบบแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้โดยใช้ความท้าทายเป็นฐานรายวิชาการวิเคราะห์นโยบายและกลยุทธ์การศึกษายุคดิจิทัลสำหรับผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา 2) เพื่อทดสอบหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ค่าดัชนีประสิทธิผล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการใช้แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้น และ 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้น กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษาและกลยุทธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ปีการศึกษา 2566 จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า 1) แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมีโครงสร้างที่ประกอบด้วยเว็บไซต์ ฐานข้อมูลอาจารย์และนักศึกษา บันทึกความรู้ แบบประเมินความรู้ กระดานสนทนาแบบท้าทาย คลังความรู้ ดาวน์โหลดเอกสาร และภาพกิจกรรมต่าง ๆ 2) แพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.88/82.94 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ .8146 ผู้เรียนที่เรียนด้วยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) จากการทดลองใช้แพลตฟอร์มปรากฏผล การประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมาก ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการใช้งานแพลตฟอร์ม ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด</p>
พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ
ดรุณี ปัญจรัตนากร
Copyright (c) 2023 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2023-12-22
2023-12-22
4 2
58
80
-
การพัฒนารูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคล เพื่อส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติของนักเรียนและผู้ปกครอง
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS/article/view/265724
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนารูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคล เพื่อส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติของนักเรียนและผู้ปกครอง โดยมีวัตถุประสงค์ย่อย คือ (1) เพื่อสังเคราะห์รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ (2) เพื่อสร้างรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคลที่ส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติของนักเรียนและผู้ปกครอง (3) เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคลที่พัฒนาขึ้น และ (4) เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคลที่พัฒนาขึ้น การดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การสังเคราะห์รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มเป้าหมาย คือ รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 5 ฉบับ (ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน และ ประเทศเกาหลีใต้) เครื่องมือวิจัย คือ แบบบันทึกเอกสารรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ระดับบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหาโดยการวิเคราะห์ส่วนประกอบ ระยะที่ 2 การสร้างและตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ตัวอย่าง คือ นักเรียน นิสิตนักศึกษา และผู้ปกครอง รวมจำนวน 184 คน เครื่องมือวิจัย คือ รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยระยะแรก แบบสอบถามรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบร่วม (conjoint analysis) และระยะที่ 3 การตรวจสอบความเป็นไปได้ของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) กลุ่มเป้าหมาย คือ นักวิชาการจากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จำนวน 3 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบบันทึกการสนทนากลุ่มเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) <br />การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐาน ร้อยละ และการวิเคราะห์เนื้อหาโดยการสรุปอุปนัย</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า (1) องค์ประกอบของรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย ข้อมูลเบื้องต้นของผู้เข้ารับการทดสอบ ข้อมูลการรายงานผลการทดสอบ และข้อมูลสำหรับส่งเสริมการเรียน (2) รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคลที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียน การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนกับคะแนนเฉลี่ยจำแนกตามลำดับ และการวิเคราะห์จุดแข็งและพัฒนาการผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียน (3) รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคลที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสม โดยคุณลักษณะที่นักเรียนและผู้ปกครองให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกรูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับบุคคล คือ การเปรียบเทียบผลคะแนน O-NET ของนักเรียนกับคะแนนเฉลี่ยจำแนกตามลำดับ และ (4) รูปแบบการรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน <br />(O-NET) ระดับบุคคลที่พัฒนาขึ้น มีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบและพัฒนาผู้เรียน</p>
อุษณี ลลิตผสาน
ธนนันท์ ธนารัชตะภูมิ
สรียา โชติธรรม
Copyright (c) 2023 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2023-12-22
2023-12-22
4 2
81
107
-
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดประดู่ทรงธรรม (จียพันธ์บำรุง) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS/article/view/265217
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดประดู่ทรงธรรม (จียพันธ์บำรุง) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดประดู่ทรงธรรม (จียพันธ์บำรุง) โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดประดู่ ทรงธรรม (จียพันธ์บำรุง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 มีนักเรียนจำนวน 16 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้มี 2 ชนิด ประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD จำนวน 10 แผน และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพของ แผนการจัดการเรียนรู้ E<sub>1</sub>/E<sub>2</sub> และทดสอบสมมติฐาน โดยใช้การทดสอบที (t-test dependent samples) ผลการวิจัย พบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD มีค่าประสิทธิภาพ (E<sub>1</sub>/E<sub>2</sub>) เท่ากับ 81.90/86.66 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดประดู่ทรงธรรม (จียพันธ์บำรุง) ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
อาทิตยา แย้มอินทร์
พัสสกรณ์ วิวรรธมงคล
Copyright (c) 2023 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2023-12-22
2023-12-22
4 2
108
119
-
การศึกษาผลการดำเนินงานการนำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JOURNALNIETS/article/view/266220
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานการนำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน งานวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive sampling) และพิจารณาจากความสมัครใจในการเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการส่งเสริมการนำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหาร จำนวน 132 คน และครู จำนวน 385 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ความถี่และร้อยละ และทดสอบข้อมูลหลังการดำเนินการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ด้วยสถิติแบบไม่อิงพารามิเตอร์ (non-parametric) คือ การทดสอบลำดับที่โดยเครื่องหมายของวิลค็อกซัน (Wilcoxon signed rank test) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) ผลการวิจัยพบว่า</p> <p> 1) การดำเนินการหลังการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ของผู้บริหารและครู ภาพรวมส่วนใหญ่พบว่า หลังการอบรมมีการดำเนินงานการนำผลการทดสอบ O-NET ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน สูงกว่าก่อนการอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p> 2) ข้อค้นพบที่เป็นวิธีปฏิบัติที่ดีหลังเข้าร่วมอบรมของผู้บริหารพบว่า การให้นักเรียนได้ฝึกทำข้อสอบ O-NET ย้อนหลัง ทำให้นักเรียนได้แนวทางในการทำข้อสอบ O-NET มากขึ้น และข้อค้นพบที่เป็นวิธีปฏิบัติที่ดีหลังเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ของครู พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ทำให้นักเรียนเข้าถึงเนื้อหาในการเรียนและได้ลงมือปฏิบัติจริง และทำให้นักเรียนสนใจเรียนและมีความรู้ที่คงทนมากขึ้น</p> <p> </p>
ศิริดา บุรชาติ
นัฏฐิกา เจริญตะคุ
ธิติยา แสงจันทร์
สายใจ ทองพั้ว
Copyright (c) 2023 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2023-12-22
2023-12-22
4 2
120
141