https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/issue/feed
วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
2024-08-29T11:29:57+07:00
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา
journals.unrn@gmail.com
Open Journal Systems
<center> <h4><strong>ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์</strong><strong>วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต</strong></h4> <h4><a style="color: #800080;">วารสารฯ ของเราเป็นวารสารวิชาการสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</a></h4> <h4>จัดอยู่ในฐานข้อมูลของ TCI กลุ่มที่ 2</h4> <h4><a href="https://www.kmutt.ac.th/jif/Impact/detail.php?yr=2561&issn=2630-0443">ค่า IF ประจำปี 2561 = 0.663</a></h4> </center> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong></p> <p> วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต มีนโยบายในการรับตีพิมพ์บทความทางวิชาการ และบทความวิจัย ที่มีคุณภาพในสาขา<strong>มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</strong> ที่มีสาระครอบคลุมวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คุณภาพชีวิต การท่องเที่ยว เกษตรและอาหาร วิสาหกิจชุมชน สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การศึกษา การจัดการระบบชุมชน โดยให้ความสำคัญในด้านการทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน และเผยแพร่ผลงานวิจัยของนักวิชาการ และบุคคลทั่วไปที่มีคุณภาพ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะเพื่อการพัฒนาชุมชนและเพิ่มคุณภาพชีวิต</p> <p>ISSN: 2630-0443 (Print)</p> <p>ISSN: 2630-0451 (Online)</p> <p> </p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <p> เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่ผลงาน วิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง</p> <p> </p> <p><strong>การพิจารณาบทความ</strong></p> <p>บทความที่ผ่านกระบวนการส่งเข้ามาเพื่อรอการพิจารณาตีพิมพ์ทุกบทความต้องผ่านการพิจารณาจาก<strong>ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน อย่างน้อย 3 ท่าน/บทความ</strong> โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เขียนจะไม่ทราบข้อมูลของกันและกัน (Double-blind peer review)</p> <p><strong> </strong></p> <p> </p> <p><strong>ประเภทของบทความ</strong></p> <p>บทความวิจัย (Research Article)</p> <p>บทความวิชาการ (Original Paper)</p> <p> </p> <p><strong>ผู้ให้การสนับสนุน</strong></p> <p>วารสารฯ ได้รับการสนับสนุนจาก<br />สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.)</p> <p> </p> <p><strong>กำหนดการตีพิมพ์วารสารฯ ทุกๆ 4 เดือน<br /></strong>(มกราคม - เมษายน, พฤษภาคม - สิงหาคม, กันยายน - ธันวาคม)</p> <p>โดยจะนำเสนอในรูปแบบ E-journal บนเว็บไซต์วารสารฯ (ThaiJO) <br />ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – เมษายน<br />ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม<br />ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม</p> <p> </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></p> <p><em>" ไม่มีค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ"</em></p>
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/269113
การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในโลกยุคใหม่
2024-03-19T08:25:44+07:00
กมลทิพย์ ศิริสวัสดิ์
kamolthip.si@ku.th
สุมิตร สุวรรณ
sumit.s@ku.ac.th
<p>บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอแนวคิดการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในโลกยุคใหม่ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้เรียนสามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคปัจจุบัน หากพิจารณาแหล่งเรียนรู้ในยุคใหม่นี้จะเป็นการผสมผสานการใช้พื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่ออนไลน์ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของบุคคลในชุมชน การจัดการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมที่มีความยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เรียน แนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สรุปได้ดังนี้ 1) สร้างความเข้าใจในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ 2) ศึกษาข้อมูลทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชนท้องถิ่น 3) คัดเลือกหรือกำหนดแหล่งเรียนรู้ 4) กำหนดแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้โดยการมีส่วนร่วมจากแกนนำ 5) ดำเนินการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ตามแนวทางที่กำหนด 6) ประสานบุคคล หน่วยงานหรือภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนแหล่งเรียนรู้ตามศักยภาพและความพร้อม และ 7) ประเมินผลการดำเนินงานการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของชุมชน</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/268140
บุพปัจจัยของมาตรการปลอดภัยคนเดินเท้าพื้นที่ถนนหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง
2024-02-06T05:17:53+07:00
พิชศาล พันธุ์วัฒนา
pitsarn_ph@rpca.ac.th
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ศึกษาสภาพทั่วไปของการประชาสัมพันธ์ การใช้กฎหมาย การปลูกจิตสำนึก การมีส่วนร่วมชุมชนและมาตรการปลอดภัยของคนเดิน และ 2) อิทธิพลของการประชาสัมพันธ์ การใช้กฎหมาย การปลูกจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมชุมชนที่มีต่อมาตรการปลอดภัยของคนเดิน ใช้ระเบียบวิธี การวิจัยทั้งแนวทางเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามจำนวน 174 คน ใช้การวิเคราะห์เส้นทางความสัมพันธ์ทางตรงและทางอ้อม ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์เจาะลึกและการบันทึกสนามกับประชาชนคนเดินเท้าในพื้นที่หลังมหาวิทยาลัยรามคำแหงจำนวน 11 ราย ผลการวิจัยเพื่อตอบวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 1 พบว่า ประชาชนคนเดินเท้าที่สัญจรหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ตกเป็นประชากรเป้าหมายมากกว่าครึ่งเห็นว่ามาตรการปลอดภัยคนเดินในปัจจุบันยังไม่ค่อยดี ส่วนข้อค้นพบที่ได้เพื่อตอบวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 2 สรุปได้ความว่าการปลูกจิตสำนึกมีอิทธิพลทางตรงมากที่สุดต่อมาตรการปลอดภัยของคนเดินเท้า ส่วนการประชาสัมพันธ์มีอิทธิพลทั้งทางอ้อมและผลรวมมากที่สุดต่อมาตรการปลอดภัยของคนเดินเท้า</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/268288
การจัดการข้อพิพาทแรงงานด้วยแนวทางสมานฉันท์
2024-02-12T17:10:04+07:00
เจษฎา นกน้อย
cnoknoi@hotmail.com
<p>บทความนี้มุ่งนำเสนอแนวทางการจัดการข้อพิพาทแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร โดยหวังที่จะสามารถยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างแรงงานหรือสหภาพแรงงานและนายจ้างด้วยวิธีการนอกศาล เพื่อลดระยะเวลา ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคู่กรณี โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านแรงงานว่ามีสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้ง 4 ประการ คือ ความขัดแย้งด้านจิตวิทยาความขัดแย้งจากสถาบัน ความขัดแย้งจากสภาพเศรษฐกิจ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและไม่ยอมรับสิทธิของคนงานแล้วจึงกล่าวถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อพิพาท ซึ่งได้แก่ ทฤษฎีการเจรจา (negotiation theory) ทฤษฎีเกม (game theory) และทฤษฎีการแก้ไขปัญหา (problem–solving theory) จากนั้นจึงเสนอแนวทางการจัดการข้อพิพาทแรงงานด้วยแนวทางสมานฉันท์ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาแบบทวิภาคี การเจรจาแบบไตรภาคี การไกล่เกลี่ย และการประนีประนอม เพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และยังได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อระงับข้อพิพาทที่อาจขึ้นโดยสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศที่เชื่อมั่นและเข้าใจกัน พัฒนาทักษะการแก้ไขข้อขัดแย้งของพนักงานและผู้บริหาร สนับสนุนการทำงานเป็นทีม รวมถึงการให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมและความเท่าเทียม</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/268232
เจเนอเรชั่นแซดกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนวัดดวงแข เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
2024-02-09T18:10:53+07:00
เพ็ญศรี ฉิรินัง
pensri.chi@rmutr.ac.th
ธวัชชัย เจริญรัมย์
bsru5424310023@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนวัดดวงแข 2) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของกลุ่มเจเนอเรชั่นแซดในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนวัดดวงแข และ 3) เพื่อเสนอแนวทางส่งเสริมให้กลุ่มเจเนอเรชั่นแซดเข้ามามีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (ศูนย์ดวงแข) คณะกรรมการชุมชนและสมาชิกชุมชน พระสงฆ์ และแกนนำเยาวชนในชุมชนวัดดวงแข จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์แก่นสาร ผลการวิจัย พบว่าชุมชนวัดดวงแขประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มเจเนอเรชั่นแซดได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม และแนวทางส่งเสริมให้กลุ่มเจเนอเรชั่นแซดเข้ามามีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ได้แก่ การสนับสนุนและปลูกฝังให้กลุ่มเจเนอเรชั่นแซดที่อาศัยอยู่ในชุมชน ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของชุมชนตนเอง และการจัดกิจกรรม “รองเมือง เรืองยิ้ม” ในทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาชุมชนร่วมกันระหว่างกลุ่มเจเนอเรชั่นแซดกับทุก ๆ เจเนอเรชั่น</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/266395
คุณภาพชีวิตเยาวชนท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
2023-11-01T02:46:29+07:00
อิรฟาน เจ๊ะอุบง
6311110292@psu.ac.th
อับดุลเลาะ เจ๊ะหลง
abdullah.c@psu.ac.th
<p>การวิจัยเชิงคุณภาพนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตเยาวชนท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตอย่างมีส่วนร่วมกำหนดผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเจาะจงประกอบด้วย 5 กลุ่ม จำนวน 17 คน ตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้าด้านข้อมูล (data triangulation) โดยการถามซ้ำตัวบุคคล แต่ต่างเวลา สถานที่ และหลายบุคคลในประเด็นคำถามเดียวกัน จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลแบบสร้างบทสรุป และรายงานผลเชิงวิเคราะห์พรรณนาผลการวิจัยพบว่า เหตุการณ์ความไม่สงบส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเยาวชนในพื้นที่ ดังนี้ 1) ด้านสุขภาพอนามัย ส่งผลกระทบต่อมิติร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสติปัญญา รวมถึงการมีโภชนาการที่ดี 2) ด้านการศึกษา การศึกษามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน 3) ด้านชีวิตการทำงาน คุณแม่ที่เคยเป็นผู้ตามต้องปรับตัวเป็นผู้นำและทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว 4) ด้านเศรษฐกิจในครัวเรือน ส่งผลให้รายได้ในครอบครัวลดลงอย่างกะทันหัน 5) ด้านชีวิตครอบครัว ครอบครัวไม่มีความสมบูรณ์เหมือนครอบครัวทั่วไปในสังคม 6) ด้านสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิต ส่งผลให้เกิดความกลัว หวาดระแวง ในการดำรงชีวิตประจำวันทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน และ7) ด้านการบริหารจัดการของรัฐ มีกระบวนการช่วยเหลือเยียวยา และจัดกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพในการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ให้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/269010
จิตรกรรมภาพหุ่นนิ่งสะท้อนการปรับตัวของคนไทยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19
2024-03-13T22:12:57+07:00
ลีลา พรหมวงศ์
lillyleelapromwong@gmail.com
<p>บทความวิจัยนี้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนไทยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดวิธีการเอาตัวรอดที่ประยุกต์มาจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นออกมาเป็นผลงานจิตรกรรมสีอะคริลิก การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่เกิดจากการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือพิมพ์บทความ หนังสือ สื่อออนไลน์ และโทรทัศน์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย การลงพื้นที่เพื่อหาวัตถุดิบ หุ่นนิ่ง สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโควิด-19 มาเป็นข้อมูลในการสร้างต้นแบบผลงานจิตรกรรม ผลการวิจัยพบว่า สิ่งของใกล้ตัวและความรู้จากหลายแหล่งถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างกลมกลืนด้วยสติปัญญาที่เกิดจากประสบการณ์ของแต่ละคน การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีความฉลาดและไม่ยอมแพ้กับสิ่งใดโดยง่าย ซึ่งสมควรถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบทางศิลปะ เนื่องจากมีผลกระทบต่อจิตใจ สามารถชวนให้ระลึก และเชื่อมโยงถึงช่วงเวลาที่ผู้คนเคยเผชิญได้</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/267667
ประสิทธิผลของนาโนอีมัลเจลยาลมจับโปงแห้งเข่ายาตำรับและยาเดี่ยว ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
2024-01-15T18:42:57+07:00
ศศิพิสุทธิ์ หงษ์สมบัติ
malee3000@hotmail.com
ภัทรพล อุดมลาภ
malee3000@hotmail.com
ปรางทอง ชำนิพันธ์
malee3000@hotmail.com
ศศิพิมพ์มาศ หงษ์สมบัติ
malee3000@hotmail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อ เปรียบเทียบประสิทธิผลของนาโนอีมัลเจลยาลมจับโปงแห้งเข่ายาตำรับและยาเดี่ยวในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม เปรียบเทียบ 2 กลุ่ม สุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่ม วัดผลก่อนและหลังทดลองภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้นาโนอีมัลเจลยาลมจับโปงแห้งเข่ายาตำรับ 15 คน ยาเดี่ยว 15 คน เก็บข้อมูลใช้ แบบบันทึกส่วนบุคคล มาตรวัดระดับความปวด แบบประเมินการบวม แบบประเมินองศาการเคลื่อนไหว และแบบประเมินระดับความรุนแรง ความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 1.00 ความน่าเชื่อถือของเครื่องมือโดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ระหว่าง 0.80-1.00 วิเคราะห์ใช้สถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบตัวแปรภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่มใช้ แบบทดสอบอันดับเครื่องหมายวิลคอกซัน และ แบบทดสอบแมนน์-วิทนีย์ ผลวิจัย พบว่า หลังใช้ยาทั้ง 2 กลุ่มมี ระดับความปวด องศาการเคลื่อนไหว และระดับความรุนแรง ลดลงกว่าก่อนใช้ยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ด้านการบวมทั้ง 2 กลุ่มไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม ทั้ง 2 กลุ่ม มีระดับความปวด การบวม องศาการเคลื่อนไหว และระดับความรุนแรง ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สรุปว่า ยาตำรับและยาเดี่ยวมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/267764
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กล้วยฉาบเพลินเพลินของชุมชนบ้านไร่อ้อย ตําบลไร่อ้อย อําเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
2024-01-19T11:06:12+07:00
อภินันท์ ปานเพชร
api.fineart@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบเพลินเพลิน และถอดบทเรียนของกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบเพลินเพลินสู่การขยายผลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้ประกอบการในชุมชน สำหรับเป็นแนวทางส่งเสริมเพื่อให้ชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ สมาชิกกลุ่มวิชาชีพผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านไร่อ้อย จำนวน 30 คน และการฝึกปฏิบัติการการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ของตนเอง การสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การสังเคราะห์และตีความจากข้อมูลการสัมภาษณ์เชิงลึก แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ความรู้ความเข้าใจทางด้านวิชาการ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ผลการวิจัยพบว่า <br />การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบเพลินเพลิน เป็นไปตามมาตรฐานของบรรจุภัณฑ์ สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์นำไปสู่แหล่งจำหน่ายผู้ประกอบการในห้างร้าน ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม ตอบสนองการเลือกซื้อสินค้าในปัจจุบัน เป็นแนวทางส่งเสริมขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนต่อไป</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/268371
แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ข้าวหลาม” ของผู้ประกอบการชุมชน ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
2024-02-16T10:11:36+07:00
ธัญสุดา จินาย
tansudaji@kkumail.com
สุกัลยา เชิญขวัญ
sukanl@kku.ac.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ระบบการผลิตและการตลาดข้าวหลาม และแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ และการประชุมกลุ่ม จากผู้ประกอบการข้าวหลามตำบลหนองไผ่ จำนวน 30 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์เนื้อหา พบว่า ผู้ประกอบการข้าวหลามส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ร้อยละ 83.3) อายุเฉลี่ย 54.33 ปี มีประสบการณ์ในการทำข้าวหลามเฉลี่ย 27.57 ปี ผู้ประกอบการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1) ผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายเอง (ร้อยละ 73.33) และ 2) ผู้ประกอบการที่จำหน่ายอย่างเดียว (ร้อยละ 26.67) ปัญหาและอุปสรรคหลักในการผลิตข้าวหลาม คือ ปัจจัยการผลิตราคาสูง และต้องนำเข้าจากภายนอกชุมชน แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวหลาม ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ข้าวหลามให้เป็นของฝากที่มีชื่อเสียงของอำเภอ พัฒนาตราสินค้าเพื่อให้เป็นที่จดจำและการขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ส่งเสริมด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษา และรวมกลุ่มเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองราคาวัตถุดิบกับร้านที่ซื้อประจำและได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/269947
การศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมบูชาจากสับปะรด
2024-04-23T10:18:44+07:00
มนทกานติ์ บุญยการ
montakarnbee@gmail.com
ปาริชาติ ศงสนันทน์
montakarnbee@gmail.com
ทุติยาภรณ์ จิตตะปาโล
montakarnbee@gmail.com
กนกพร สัยยะสิทธิพานิชย์
montakarnbee@gmail.com
อ้อมหทัย ดีแท้
montakarnbee@gmail.com
ภูมิสันต์ จีวิพันธ์พงษ์
montakarnbee@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความพร้อมของบริษัท สยามพรหมประทาน จำกัด ในด้านสถานที่ผลิต วัตถุดิบ การสุขาภิบาล และสูตรต้นแบบคอมบูชาจากสับปะรด โดยลงพื้นที่เพื่อสำรวจและตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหาร ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต ประเมินปริมาณและคุณภาพของสับปะรดอินทรีย์พันธุ์นางแล จังหวัดเชียงราย จัดอบรมพนักงานและผู้ประกอบการเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการสุขาภิบาล และศึกษาสูตรต้นแบบคอมบูชาจากสับปะรด โดยผันแปรอัตราส่วนน้ำชาหวานต่อน้ำสับปะรด 3 ระดับ คือ 100 : 0, 50 : 50 และ 0 : 100 พบว่า สถานประกอบการมีความพร้อมสำหรับการผลิต ดังนี้ 1) สถานที่ผลิต โดยปรับปรุงและแก้ไขห้องผลิตตามข้อกําหนดพื้นฐาน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 2) วัตถุดิบ ได้ข้อมูลเพื่อวางแผนการผลิตคอมบูชาและเก็บรักษาวัตถุดิบ 3) การสุขาภิบาล พนักงานและผู้ประกอบการมีความรู้ในการจัดการและการเก็บรักษาวัตถุดิบ การสุขาภิบาล ตามข้อกำหนด GMP 4) สูตรต้นแบบคอมบูชาจากสับปะรด พบว่า อัตราส่วนน้ำชาหวานต่อน้ำสับปะรดที่เหมาะสมเท่ากับ 50 : 50 ประกอบด้วย น้ำชาคอมบูชา (F1) ร้อยละ 75 น้ำชาหวาน ร้อยละ 12.5 และน้ำสับปะรด ร้อยละ 12.5 </p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/268508
การประเมินศักยภาพการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามเกณฑ์การประเมินมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชน: ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา
2024-02-23T10:52:54+07:00
ชิดชนก อนันตมงคลกุล
chidchanok.a@pkru.ac.th
นิติพงษ์ ทนน้ำ
nitipong.t@pkru.ac.th
<p>การวิจัยเชิงคุณภาพเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา โดยใช้เกณฑ์การประเมินมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชน 5 ด้าน คือ 1) ด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน 2) ด้านการจัดการเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดี 3) ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมชุมชน 4) ด้านการจัดการทรัพยกรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน และ 5) ด้านคุณภาพการบริการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาจากการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้นำชุมชน นักธุรกิจรวมถึงพนักงานการท่องเที่ยวและบริการท้องถิ่นจังหวัดพังงา จำนวน 10 คน พบว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อแสน มีการจัดการท่องเที่ยวในภาพรวมระดับดีมาก และมีผลการประเมินในระดับดีมากทั้ง 5 ด้าน แสดงว่า ตำบลบ่อแสนมีศักยภาพสูงในการดำเนินการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านที่ 3 ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมชุมชน ส่งผลให้พื้นที่ตำบลบ่อแสนมีศักยภาพโดดเด่นในการพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยวที่สอดคล้องต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ชุมชนได้รับผลประเมินด้านคุณภาพการบริการการท่องเที่ยวโดยชุมชนในระดับคะแนนน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะประเมินคุณภาพของจุดบริการการท่องเที่ยว ซึ่งผลการวิจัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนของพื้นที่ตำบลบ่อแสน และกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนพื้นที่อื่น ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JCDLQ/article/view/267422
การประเมินความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยรถไฟบนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา
2024-01-03T12:34:47+07:00
ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน
intakhan.p@gmail.com
สนธิญา สุวรรณราช
susonthiya@gmail.com
นภาวรรณ เนตรประดิษฐ์
nok_napawan@hotmail.com
เนตรดาว โทธรัตน์
natedao@lpru.ac.th
แดน กุลรูป
dan_kul@hotmail.co.th
สุพรรณี คำวาส
Supun28poon@gmail.com
อัจฉราภรณ์ วรรณมะกอก
atcharabhornwmk@gmail.com
เกศณีย์ สัตตรัตนขจร
Ketsanees@gmail.com
ฐากูร ศิริยอด
thagoon.lpru@gmail.com
นลินทิพย์ กองคำ
nalinthip.kghm@gmail.com
ชัยฤกษ์ ตันติเตชา
chairerk.tan@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟบนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการและการมีส่วนร่วมของพื้นที่รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้แบบสัมภาษณ์ การประชุมกลุ่มย่อยและการศึกษาภาคสนามเป็นเครื่องในการเก็บรวมรวมข้อมูล คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการเจาะจง จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจำนวน 180 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ตารางวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ผลการวิจัยพบว่า การประเมินความไปได้ในการลงทุนธุรกิจตามโครงการท่องเที่ยวรถไฟภายใต้ข้อสมมติฐานทางการเงินและเครื่องมือประเมินโครงการ จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปแบบกำไรสุทธิและสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นทุกปี มูลค่าปัจจุบันสุทธิมีค่าเป็นบวก งวดเวลาคืนทุนมีระยะเวลาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และมีอัตราผลตอบแทนภายในที่จะได้รับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องการ ซึ่งผลการวิเคราะห์เครื่องมือประเมินโครงการอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถตัดสินใจลงทุน </p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต