https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/issue/feed วารสารบัญชีปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 2024-05-13T10:02:45+07:00 Faculty of Accounting, Chiang Rai Rajabhat University management.jar@gmail.com Open Journal Systems <p><strong><u>Focus and Scope (วัตถุประสงค์และขอบเขตการตีพิมพ์)</u></strong></p> <p><em>วารสารฯ มีวัตถุประสงค์ ที่จะรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในสาขา บัญชี การเงิน เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ และศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย</em></p> <p><strong><u>Peer Review Process (กระบวนการพิจารณาบทความ)</u></strong></p> <p><em>บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญจำนวน </em><em><strong><u>3 ท่าน</u></strong></em><em> แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (</em><em>Double-Blind Review)</em></p> <p><strong><u>Types of Articles (ประเภทของบทความ) </u></strong></p> <ul> <li><em>บทความวิจัย (</em><em>Research Article) </em></li> <li><em>บทความวิชาการ (</em><em>Academic Article)</em></li> </ul> <p><strong><u>Language (ภาษาที่รับตีพิมพ์)</u></strong></p> <ul> <li><em>ภาษาไทย</em></li> <li><em>ภาษาอังกฤษ</em></li> </ul> <p><strong><u>Publication Frequency (กำหนดออก)</u></strong></p> <ul> <li><em>ฉบับที่ </em><em>1 มกราคม – มิถุนายน</em></li> <li><em>ฉบับที่ </em><em>2 กรกฎาคม – ธันวาคม</em></li> </ul> <p><strong><u>Publisher (เจ้าของวารสาร)</u></strong></p> <ul> <li><em>คณะบัญชี</em><em>มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย</em></li> </ul> https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266982 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย 2023-12-07T13:19:27+07:00 เดชอนันต์ บังกิโล management.jar@gmail.com อนันตสิทธิ์ ออนตะไคร้ management.jar@gmail.com กาญจนา ก้อใจ management.jar@gmail.com <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นทางด้านการเงินบนโทรศัพท์มือถือในการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านคิวอาร์โค้ด จำนวน 398 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติการถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 81.4) &nbsp;มีอายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 42.7) อาชีพนิสิต/นักศึกษา (ร้อยละ 38.4) ระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ร้อยละ 65.3) รายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 15,000 บาท (ร้อยละ 54.5) จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด ได้แก่ ปัจจัยด้านความตั้งใจใช้ของลูกค้า ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ ปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัย และปัจจัยด้านความง่ายของการใช้บริการ อย่างไรก็ตาม พบว่า ปัจจัยด้านการรับรู้ความเสี่ยง และปัจจัยด้านการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง ไม่มีผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/269017 อัตราดอกเบี้ยและดัชนีราคาหุ้นเพื่อการลงทุน 2024-03-14T14:23:05+07:00 สถาพร เพชรประดับ management.jar@gmail.com อุราภรณ์ รักมิตร management.jar@gmail.com <p>นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นแหล่งซื้อและขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีนายหน้าเป็นผู้ดำเนินการซื้อและขายหลักทรัพย์ให้แก่นักลงทุน แบ่งออกเป็นตลาดแรก และตลาดรองโดยตลาดแรกเป็นตลาดที่ผู้ต้องการระดมทุนออกขายหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกให้แก่ผู้มีเงินทุนโดยตรงไม่ผ่านบุคคลอื่นใด ส่วนตลาดรองนั้นเป็นตลาดที่ซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่เคยมีการซื้อขายครั้งแรกในตลาดแรกแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่นักลงทุนในตลาดแรก โดยหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ขายในตลาดหลักทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการและมีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น อีกประเภท คือ หุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะแสดงถึงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการแสดงดัชนีราคาหุ้นเป็นรายวัน ซึ่งเรียกว่าดัชนีราคาหุ้น หากอัตราดอกเบี้ยจากการลงทุนด้วยเงินสดลดต่ำลง นักลงทุนจะเลือกลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรแทนและจะไม่ถือเป็นเงินสดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยและราคาหลักทรัพย์จึงมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อธนาคารกลางมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์ในตลาดเพิ่มขึ้น</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268008 ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่ม SETHD30 2024-01-31T13:25:56+07:00 วิชชกานต์ เมธาวิริยะกุล witchatkarn.ma@rd.go.th ปานฉัตร อาการักษ์ management.jar@gmail.com ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน management.jar@gmail.com <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม SETHD30 และเพื่อสร้างสมการในการพยากรณ์การเสียภาษีของบริษัทดังกล่าว จำนวน 22 บริษัท ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2565 จำนวน 110 ข้อมูล และใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณในการวิเคราะห์ข้อมูล</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า เงินสดสุทธิได้มาจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน (NCO) และรวมรายได้ (TR) มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 นอกจากนี้ สมการพยากรณ์ภาษีเงินได้ (ITE) ในรูปคะแนนมาตรฐานคือ ITE = .580(NCO) + .321(TR) ทั้งนี้ กรมสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการกำกับดูแลบริษัทดังกล่าว และนักวิชาการหรือนักวิจัยสามารถนำผลการวิจัยไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ที่มีประโยชน์ต่อการจัดเก็บภาษีของประเทศชาติต่อไป</p> 2024-04-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/269271 ผลกระทบของอัตราส่วนวัดการก่อหนี้และอัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร ที่มีต่ออัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชีของบริษัทที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: กลุ่มเทคโนโลยี 2024-04-18T16:37:39+07:00 รองเอก วรรณพฤกษ์ rong-ek.va@spu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของอัตราส่วนวัดการก่อหนี้และอัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรที่มีต่ออัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: กลุ่มเทคโนโลยี ประชากรเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกลุ่มเทคโนโลยี ผู้วิจัยใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลจากงบการเงิน ระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2560-2564 จำนวน 42 บริษัท โดยบริษัทที่มีข้อมูลครบ 5 ปีมีจำนวน 30 บริษัท การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ส่งผลกระทบในทิศทางตรงกันข้ามต่ออัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี 2) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี 3) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี</p> 2024-05-21T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268242 อิทธิพลของอัตราส่วนทางการเงินที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ 2024-02-10T15:12:42+07:00 มนณกร เลิศคำ c_sumonrat@hotmail.com ศิริรัตน์ ถึงการ Aewsirirat01@gmail.com ปวีณา กัณตา yupaweena601@gmail.com อนงค์ อินตา noko_inta@hotmail.com อรวรรณ เชื้อเมืองพาน Jerry_bugs@hotmail.com <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของอัตราส่วนทางการเงินที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยรวบรวมข้อมูลจากงบการเงินย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 - 2565 จำนวน 198 ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา การวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ </p> <p> ผลการวิจัยพบว่าอัตราส่วนทางการเงิน ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นส่งผลเชิงบวกต่อราคาหลักทรัพย์ อาจเป็นเพราะว่าการระดมเงินที่มาจากในส่วนของหนี้สินจะดีกว่าที่มาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากสามารถประหยัดภาษีได้และเจ้าหนี้มีการกำกับดูแลที่ดีกว่าและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นปัจจัยที่สำคัญของนักลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูง และพบว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์รวมนั้นส่งผลเชิงลบต่อราคาหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นถึงหนี้สินที่ได้กู้ยืมมานั้น ไม่ได้เป็นการกู้ยืมมาเพื่อการขยายกิจการหรือการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มแต่อาจเป็นการกู้ยืมมาเพื่อชำระหนี้หรือการขาดสภาพคล่องของกิจการ</p> 2024-04-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/269484 การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกาบหมากสู่เชิงพาณิชย์ของโรงเรียนชีวิต ณ บ้านสายรุ้ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2024-04-03T13:42:08+07:00 ปลื้มใจ ไพจิตร pluemjai.pai@sru.ac.th วรรณวิชณีย์ ทองอินทราช mimmim.sru@gmail.com นินธนา เอี่ยมสะอาด Ninthana.iam@sru.ac.th นงลักษณ์ ผุดเผือก tusikahome@gmail.com มนัสชัย รัตนบุรี manutchai.rat@sru.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์จากกาบหมาก ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน และศึกษาช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกาบหมาก ของโรงเรียนชีวิต ณ บ้านสายรุ้ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวอย่างจำนวน 400 ราย เครื่องมือในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้การสุ่มแบบบังเอิญ ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวชาวไทย ประชาชนในพื้นที่ ซื้อผลิตภัณฑ์จากกาบหมากประเภทของใช้ทั่วไป เพื่อเป็นของตกแต่ง และของที่ระลึก โดยคาดว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์กาบหมากจากร้านจำหน่ายของที่ระลึกจากผู้ผลิตโดยตรง รวมถึงห้างสรรพสินค้า และงานแสดงสินค้าประจำท้องถิ่น ตามลำดับ ราคาที่ยอมรับได้ 100-200 บาทต่อชิ้น ในการเลือกซื้อส่วนใหญ่เลือกที่การสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ สำหรับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ด้วยการถัก จักสานกาบหมากเพื่อขึ้นรูปเป็นของใช้ ซึ่งเน้นขั้นตอนการผลิตที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อความง่ายในขั้นตอนการถ่ายทอดเทคโนโลยี เน้นการผสมผสานกับวัสดุกาบหมากกับวัสดุอื่นๆ ทั้งสี รูปแบบ และลวดลายให้เกิดการสะท้อน ความเป็นเอกลักษณ์และมีความสวยงามสะดุดตาให้แก่ผลิตภัณฑ์ ตามผลการ ด้านวัสดุและกระบวนการผลิต ก่อนที่นำกาบหมากไปผลิตผลิตภัณฑ์ ควรนำกาบหมากไปตากแดดก่อน หรือนำผ้าชุบน้ำ หรือแอลกอฮอล์เช็ดเพื่อกำจัดเชื้อรา แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วเคลือบผิวผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันเชื้อรา และเพิ่มความสวยงาม คำนวณสัดส่วนต้นทุนการผลิตสินค้ามีค่าต่ำสุดและค่าสูงสุดต่อชิ้นงาน ต้นทุนรวมเฉลี่ย 87.01-284.25 บาท ต้นทุนผันแปร 82.17-272.63 บาท ต้นทุนคงที่ 4.84-11.62 บาท ราคาขาย 119-359 บาท โดยมีกำไร 31.99-111.72 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะชิ้นงาน สำหรับช่องทางการตลาดในการวิจัยครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ติดต่อกับทางโมเดิร์นเทรดและการออกแบบเว็บไซด์เพื่อเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ให้แก่กลุ่ม</p> 2024-05-21T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268252 ความสัมพันธ์ของคุณภาพการสอบบัญชีกับมูลค่าองค์กรตามราคาตลาดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม SET 100 2024-02-10T20:03:08+07:00 มุทิตา ธรรมสาโรช mtammasaroch@gmail.com แดน กุลรูป dan_kul@hotmail.co.th จีราภรณ์ พงศ์พันธุ์พัฒนะ gamegaman@gmail.com <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของคุณภาพการสอบบัญชีกับมูลค่าองค์กรตามราคาตลาดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม SET 100 ในช่วงปี พ.ศ. 2561 - พ.ศ. 2565 จำนวน 70 บริษัท หรือ 350 กลุ่มตัวอย่าง งานวิจัยนี้ใช้การจัดการกำไร (Earning Management) โมเดลของโจนส์ที่ปรับเปลี่ยน (Modified Jones Model) (Dechow et al., 1995) เป็นตัวแทน (Proxies) สำหรับคุณภาพการสอบบัญชีและวัดมูลค่าองค์กรตามราคาตลาดตามสูตรการคำนวณ Tobin’s Q สถิติที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า คุณภาพการสอบบัญชีมีความสัมพันธ์กับมูลค่าองค์กรตามราคาตลาด (Tobin’s Q) ของบริษัทในกลุ่ม SET 100 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้สอบบัญชีของบริษัทในกลุ่ม SET 100 มีคุณภาพการสอบบัญชีดีจะทำให้มูลค่าองค์กรตามราคาตลาด<span style="text-decoration: line-through;">ที่</span>ดีเนื่องจากหากขั้นตอนการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีเป็นกระบวนการที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับและเป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมายแล้วย่อมส่งผลต่อคุณภาพ การสอบบัญชีและมีผลต่อความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือของรายงานทางการเงินที่นักลงทุนจะนำไปใช้ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้องทำให้มูลค่าองค์กรทางการตลาดเพิ่มขึ้น</p> 2024-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266661 พฤติกรรมการซื้อ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ความคาดหวัง และการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ภูมิพฤกษาของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ เอ็กซ์และวาย 2023-11-16T09:41:03+07:00 ศศิธร บุญเลิศ sasitorn.boonloed@gmail.com ปริยา รินรัตนากร ปริยา รินรัตนากร management.jar@gmail.com <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ความคาดหวังและการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ภูมิพฤกษาของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ เอ็กซ์และวาย เป็นการศึกษาเชิง โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ เพื่อวัดผลเพียงครั้งเดียว โดยศึกษากับประชากรเพศชายและเพศหญิง อายุ 25-76 ปีขึ้นไป ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษามาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จำนวน 400 คน ที่อยู่ในกลุ่มแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา และการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ โดยสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติ <em>F</em>-test/One-Way ANOVA เพื่อทดสอบความแตกต่างของตัวแปรและ Regression Analysis เพื่อทดสอบการมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ผลการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง รองลงมาคือ เพศชาย มีอายุระหว่าง 25-40 ปี การศึกษาอยู่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้อยู่ที่ 15,000-25,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่สนใจหมวดดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ (เช่น แชมพูสระเปลี่ยนสีผม,แชมพูสระผม,ครีมหมักผม) ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การรับรู้ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านคุณสมบัติ มีการรับรู้อยู่ในระดับมากที่สุด ความคาดหวังต่อผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านผลิตภัณฑ์พบว่า มีการรับรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านการค้นหาข้อมูลข่าวสาร พบว่ามีการให้ความสำคัญอยู่ในระดับมาก<br /><br /></p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/269578 การเสริมสร้างศักยภาพทางการบัญชีและภาษีของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน จังหวัดเชียงราย 2024-04-04T13:50:57+07:00 ธนภัทร กันทาวงค์ management.jar@gmail.com นิศารัตน์ ไชยวงศ์ศักดา management.jar@gmail.com สุภมล ดวงตา management.jar@gmail.com กัสมา กาซ้อน กัสมา กาซ้อน management.jar@gmail.com นิรุตติ์ ชัยโชค management.jar@gmail.com วิไลลักษณ์ วงษ์ชัย management.jar@gmail.com พีระพล ศรีวิชัย phee_ppp@hotmail.com <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางบัญชีและภาษีของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน จังหวัดเชียงราย เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธีทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ซึ่งการศึกษาเชิงคุณภาพจากแบบสัมภาษณ์ กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 10 กลุ่ม และการศึกษาเชิงปริมาณ จากแบบสอบถามกับประธานวิสาหกิจชุมชน ผู้รับผิดชอบด้านบัญชีและภาษี ตัวแทนสมาชิกวิสาหกิจชุมชน จำนวน 94 คน ในการดำเนินการนี้ ผลศึกษาพบว่า สภาพบริบทปัญหาทางบัญชีและภาษี จากการจัดทำหรือคำนวณต้นทุนการผลิต ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นเสียภาษี เป็นปัญหาสำคัญ ทั้งนี้ ศักยภาพทางการบัญชี ได้แก่ การวิเคราะห์รายการบัญชี การวิเคราะห์การลงบัญชี การบันทึกรายการในสมุดบัญชี การวิเคราะห์บัญชีต้นทุนและผลตอบแทน และศักยภาพทางการภาษี ได้แก่ หน้าที่การเสียภาษี ประเภทเงินได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี วิธีการคำนวณภาษี และยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยความสัมพันธ์ทางการบัญชีกับภาษี มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อศักยภาพวิสาหกิจชุมชนในผลกระทบต่อการนำไปใช้ดำเนินงานธุรกิจชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> 2024-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268266 การเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการความยั่งยืนที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2024-02-11T16:44:29+07:00 ณัฐชาพรรณ วงศ์ชัย pompam.beeralone@gmail.com นันทิยา เผ่าอ้าย nantiya470@gmail.com นวลสิริ หมั่นไร่ pu28922@gmail.com อาทร หนานสาม thornn787@gmail.com อรวรรณ เชื้อเมืองพาน Jerry_bugs@hotmail.com <p>การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการความยั่งยืนที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 41 บริษัทโดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากงบการเงินจากฐานข้อมูล SETSMART ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2563 – 2565 โดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) วิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า ผลกระทบของการเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการความยั่งยืน (ESG) ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความสามารถในการทำกำไรด้านอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)และด้านอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05</p> 2024-04-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266675 ความต้องการ แรงจูงใจ และการรับรู้ตราสินค้าที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ 2023-11-16T13:18:32+07:00 ลฎาภา ชัยตระกุลทอง ch.ladapa@gmail.com สหภาพ พ่อค้าทอง สหภาพ พ่อค้าทอง sahapaap.po@chonburi.spu.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการ แรงจูงใจ และการรับรู้ตราสินค้าที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ (quantitative research) โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ (survey research) เพื่อวัดผลเพียงครั้งเดียว (one-shot case study) โดยศึกษากับผู้เรียนที่เคยเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 400 คน ที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกแพทย์แผนไทยจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา (quota sampling) และการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญโดยสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติพรรณนา และทดสอบสมมุติฐานด้วยสถิติไคสแควร์ และสถิติการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุคูณ</p> <p> จากผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 54.00 มีอายุระหว่าง 26-30 ปี ร้อยละ 29.25 ส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ร้อยละ 51.00 ประกอบอาชีพอิสระ ร้อยละ 23.50 และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 36.00 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความต้องการเรียนสาขานวดไทย ร้อยละ 32.00 และมีความต้องการเรียนผ่านแพตฟอร์ม โดยบันทึก VDO สามารถดูย้อนหลังได้ ร้อยละ 26.25 มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.45 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก การรับรู้ตราสินค้าหลักสูตรแพทย์แผนไทย ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และมีการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.34 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก</p> <p> ผลการทดสอบสมมุติฐานพบว่า 1) ผู้เรียนที่มีลักษณะทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกัน มีความต้องการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ แตกต่างกัน 2) ผู้เรียนที่มีความต้องการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ความถี่ในการเรียน/สัปดาห์ ระดับราคา และระดับความต้องการเรียนแตกต่างกัน มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ แตกต่างกัน ในขณะที่สาขาการแพทย์แผนไทย เนื้อหาหลักสูตร และวันในการเรียนที่แตกต่างกัน มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์โดยรวม ไม่แตกต่างกัน 3) การรับรู้ตราสินค้าในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทย มีผลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 โดยเป็นผลเชิงบวก</p> <p> ผลการศึกษาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ และช่วยให้มีทิศทางในการวางแผน การทำการตลาดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/270453 ปัจจัยการปฏิบัติงานการเงินและบัญชีที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาในเขตภาคเหนือ 2024-05-13T10:02:45+07:00 อภินห์พร จับประยงค์ apinporn1920@gmail.com ปานฉัตร อาการักษ์ management.jar@gmail.com อรวรรณ เชื้อเมืองพาน management.jar@gmail.com <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยการปฏิบัติงานการเงินและบัญชีที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา ในเขตภาคเหนือ โดยประชากร คือ ผู้ที่ปฏิบัติงานด้านบัญชีในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาในเขตภาคเหนือ 8 เขต ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน พิษณุโลกและอุตรดิตถ์ โดยผู้วิจัยเลือกประชากรจำนวน 40 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ เชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยการปฏิบัติงานการเงินและบัญชี ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศทางการบัญชี สภาพแวดล้อมการทำงาน แรงจูงใจในการทำงาน ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านความทันเวลา ด้านความเชื่อถือได้ ด้านความถูกต้อง และมาตรฐาน การจัดทำบัญชีภาครัฐ แรงจูงใจในการทำงาน และเทคโนโลยีสารสนเทศทางการบัญชี ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในเขตภาคเหนือ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สามารถนำผลการวิจัยในครั้งนี้ไปปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยการพัฒนาบุคลากรในด้านที่จำเป็น สร้างโอกาสในการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ที่เกี่ยวข้อง และอาจเพิ่มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและกระบวนการทำงานอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</p> 2024-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268486 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก 2024-02-22T11:58:30+07:00 วชิรญาณ์ สุนทรวินิต wachiraya2011@gmail.com ไพรัช พรพันธ์เดชวิทยา management.jar@gmail.com พรทิพย์ ชุ่มเมืองปัก management.jar@gmail.com <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก 2) เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และประสบการณ์การทำงาน และ 3) เพื่อศึกษาผลกระทบของปัจจัยที่มีต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก ดำเนินการวิจัยเชิงปริมาณ โดยสำรวจข้อมูลจากนักบัญชีในภาคตะวันออก จำนวน 384 ราย โดยใช้ทั้งสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอ้างอิง</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออกที่เรียงลำดับความสำคัญ ได้ดังนี้ 1) ความรู้ความสามารถ มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.36) 2) ทักษะความเป็นมืออาชีพ มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.25) และ 3) จรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีมีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.15) ตามลำดับ</p> <p> ผลการเปรียบเทียบระดับความสำคัญของปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก พบว่า จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคลของนักบัญชีในภาคตะวันออกในภาพรวม ด้านเพศ อายุ วุฒิการศึกษา ตำแหน่งงานในปัจจุบัน และประสบการณ์การทำงาน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 นอกจากนี้ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยด้านความรู้ความสามารถ ด้านทักษะความเป็นมืออาชีพ และด้านจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี มีผลกระทบ เชิงบวกต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักบัญชีในภาคตะวันออก</p> 2024-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266788 สภาพปัญหา พฤติกรรมการใช้บริการ ความต้องการ และการตัดสินใจใช้บริการ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรม ในเขตเมืองพัทยา 2023-11-24T10:55:19+07:00 ศิวยาภรณ์ บุญชั้น mootik9955@gmail.com พจน์ ใจชาญสุขกิจ management.jar@gmail.com <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสถานประกอบการกับ สภาพปัญหา พฤติกรรมการใช้บริการ ความต้องการและการตัดสินใจใช้บริการ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบสำรวจ ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม จำนวน 400 ตัวอย่าง จำแนกผลการเก็บสถานประกอบการณ์ดังนี้ โรงแรม 185 แห่ง สปา 66 แห่ง พูลวิลล่า 68 แห่ง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 11 แห่ง คอนโด 15 แห่ง รีสอร์ท 48 แห่ง โรงเรียน 5 แห่ง โรงงาน 2 แห่ง และเก็บกลุ่มตัวอย่างจริงผ่านธุรกิจบริการซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1) Laundry Express 2) TT&amp;K Laundry Service 3) WC Laundry 4) Laundry Pattaya 5) ยินดีปรีดา ลอนดรี้ จำกัด 6) ธาราเซอร์วิส 7) QC Laundry ผลการวิจัยพบว่า ประเภทสถานประกอบการที่ใช้บริการมากที่สุดคือโรงแรม พบสภาพปัญหาในการใช้บริการมากที่สุดคือ ด้านทักษะภาษาในการสื่อสาร พฤติกรรมการใช้บริการพบว่า เหตุผลในการใช้บริการคือผ้าสะอาดกว่าซักเอง ความถี่ในการใช้บริการคือมากกว่า 10 ครั้งต่อเดือน และเป็นผ้าที่ต้องการใช้แบบวันต่อวัน ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการแบบซัก อบ และรีด ในส่วนของความต้องการให้ธุรกิจ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยามีมากที่สุดคือด้านกระบวนการ การติดตามสถานะการทำความสะอาดผ่านแอพพลิเคชั่นแบบ Real time และการตัดสินใจใช้บริการมากที่สุดคือ ความเชื่อมั่นในวัสดุและน้ำยาเคมีรวมถึงความเชี่ยวชาญการดูแลผ้าเพื่อยืดอายุการใช้งาน ดังนั้นการที่ผู้ประกอบธุรกิจซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา จะได้ทราบถึงข้อมูลในการนำไปพัฒนากระบวนการตามความต้องการของลูกค้า จะช่วยยกระดับคุณภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดมากยิ่งขึ้น</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268904 จรรยาบรรณของผู้สอบบัญชีส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในงานสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตในประเทศไทย 2024-03-09T17:13:42+07:00 จุฬาสิณี ริ้วเจริญฤทธิ์กุล jurasinee.learn@gmail.com กนกศักดิ์ สุขวัฒนาสินิทธิ์ management.jar@gmail.com <p> บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาจรรยาบรรณของผู้สอบบัญชีที่มีอิทธิพลต่อความน่าเชื่อถือในงานสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ในประเทศไทย จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามสถิติที่ใช้ในการทดสอบตัวแปร คือ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์สมมติฐาน หาค่าอิทธิพลของตัวแปรใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุ</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า จรรยาบรรณของผู้สอบบัญชีด้านความเที่ยงธรรมและความเป็นอิสระพฤติกรรมทางวิชาชีพ และความโปร่งใสมีอิทธิพลทางบวกต่อความน่าเชื่อถือในการสอบบัญชี ด้านความเป็นจริงของข้อมูล และตรวจสอบได้ ด้านความเป็นกลาง ด้านศักยภาพในการสอบบัญชี และด้านความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการสอบบัญชีที่ระดับนัยสำคัญ .05 อย่างไรก็ตาม ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะปฏิบัติหน้าที่ตามหลักจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการสอบบัญชี เหล่านี้เป็นข้อกำหนดที่ผู้ตรวจสอบควรปฏิบัติตาม รายงานการตรวจสอบ และรับรองบัญชีที่แสดงในงบการเงินตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ในรูปแบบข้อมูลที่มีคุณค่าต่อผู้ใช้งบการเงินและสะท้อนถึงคุณภาพงานของผู้สอบบัญชีที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งบการเงินอย่างยั่งยืน</p> 2024-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย