https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/issue/feed วารสารบัญชีปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 2024-03-28T12:03:51+07:00 Faculty of Accounting, Chiang Rai Rajabhat University [email protected] Open Journal Systems <p><strong><u>Focus and Scope (วัตถุประสงค์และขอบเขตการตีพิมพ์)</u></strong></p> <p><em>วารสารฯ มีวัตถุประสงค์ ที่จะรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในสาขา บัญชี การเงิน เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ และศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย</em></p> <p><strong><u>Peer Review Process (กระบวนการพิจารณาบทความ)</u></strong></p> <p><em>บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญจำนวน </em><em><strong><u>3 ท่าน</u></strong></em><em> แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (</em><em>Double-Blind Review)</em></p> <p><strong><u>Types of Articles (ประเภทของบทความ) </u></strong></p> <ul> <li><em>บทความวิจัย (</em><em>Research Article) </em></li> <li><em>บทความวิชาการ (</em><em>Academic Article)</em></li> </ul> <p><strong><u>Language (ภาษาที่รับตีพิมพ์)</u></strong></p> <ul> <li><em>ภาษาไทย</em></li> <li><em>ภาษาอังกฤษ</em></li> </ul> <p><strong><u>Publication Frequency (กำหนดออก)</u></strong></p> <ul> <li><em>ฉบับที่ </em><em>1 มกราคม – มิถุนายน</em></li> <li><em>ฉบับที่ </em><em>2 กรกฎาคม – ธันวาคม</em></li> </ul> <p><strong><u>Publisher (เจ้าของวารสาร)</u></strong></p> <ul> <li><em>คณะบัญชี</em><em>มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย</em></li> </ul> https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268242 อิทธิพลของอัตราส่วนทางการเงินที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ 2024-02-10T15:12:42+07:00 มนณกร เลิศคำ [email protected] ศิริรัตน์ ถึงการ [email protected] ปวีณา กัณตา [email protected] อนงค์ อินตา [email protected] อรวรรณ เชื้อเมืองพาน [email protected] <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของอัตราส่วนทางการเงินที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยรวบรวมข้อมูลจากงบการเงินย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 - 2565 จำนวน 198 ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา การวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ </p> <p> ผลการวิจัยพบว่าอัตราส่วนทางการเงิน ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นส่งผลเชิงบวกต่อราคาหลักทรัพย์ อาจเป็นเพราะว่าการระดมเงินที่มาจากในส่วนของหนี้สินจะดีกว่าที่มาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากสามารถประหยัดภาษีได้และเจ้าหนี้มีการกำกับดูแลที่ดีกว่าและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นปัจจัยที่สำคัญของนักลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูง และพบว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์รวมนั้นส่งผลเชิงลบต่อราคาหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นถึงหนี้สินที่ได้กู้ยืมมานั้น ไม่ได้เป็นการกู้ยืมมาเพื่อการขยายกิจการหรือการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มแต่อาจเป็นการกู้ยืมมาเพื่อชำระหนี้หรือการขาดสภาพคล่องของกิจการ</p> 2024-04-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/269017 อัตราดอกเบี้ยและดัชนีราคาหุ้นเพื่อการลงทุน 2024-03-14T14:23:05+07:00 สถาพร เพชรประดับ [email protected] อุราภรณ์ รักมิตร [email protected] <p>นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นแหล่งซื้อและขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีนายหน้าเป็นผู้ดำเนินการซื้อและขายหลักทรัพย์ให้แก่นักลงทุน แบ่งออกเป็นตลาดแรก และตลาดรองโดยตลาดแรกเป็นตลาดที่ผู้ต้องการระดมทุนออกขายหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกให้แก่ผู้มีเงินทุนโดยตรงไม่ผ่านบุคคลอื่นใด ส่วนตลาดรองนั้นเป็นตลาดที่ซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่เคยมีการซื้อขายครั้งแรกในตลาดแรกแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่นักลงทุนในตลาดแรก โดยหลักทรัพย์หรือหุ้นที่ขายในตลาดหลักทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการและมีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น อีกประเภท คือ หุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะแสดงถึงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการแสดงดัชนีราคาหุ้นเป็นรายวัน ซึ่งเรียกว่าดัชนีราคาหุ้น หากอัตราดอกเบี้ยจากการลงทุนด้วยเงินสดลดต่ำลง นักลงทุนจะเลือกลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรแทนและจะไม่ถือเป็นเงินสดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยและราคาหลักทรัพย์จึงมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อธนาคารกลางมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์ในตลาดเพิ่มขึ้น</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266661 พฤติกรรมการซื้อ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ความคาดหวัง และการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ภูมิพฤกษาของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ เอ็กซ์และวาย 2023-11-16T09:41:03+07:00 ศศิธร บุญเลิศ [email protected] ปริยา รินรัตนากร ปริยา รินรัตนากร [email protected] <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ความคาดหวังและการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ภูมิพฤกษาของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ เอ็กซ์และวาย เป็นการศึกษาเชิง โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ เพื่อวัดผลเพียงครั้งเดียว โดยศึกษากับประชากรเพศชายและเพศหญิง อายุ 25-76 ปีขึ้นไป ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษามาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จำนวน 400 คน ที่อยู่ในกลุ่มแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา และการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ โดยสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติ <em>F</em>-test/One-Way ANOVA เพื่อทดสอบความแตกต่างของตัวแปรและ Regression Analysis เพื่อทดสอบการมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ผลการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง รองลงมาคือ เพศชาย มีอายุระหว่าง 25-40 ปี การศึกษาอยู่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้อยู่ที่ 15,000-25,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่สนใจหมวดดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ (เช่น แชมพูสระเปลี่ยนสีผม,แชมพูสระผม,ครีมหมักผม) ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การรับรู้ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านคุณสมบัติ มีการรับรู้อยู่ในระดับมากที่สุด ความคาดหวังต่อผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านผลิตภัณฑ์พบว่า มีการรับรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ตราสินค้าภูมิพฤกษา ด้านการค้นหาข้อมูลข่าวสาร พบว่ามีการให้ความสำคัญอยู่ในระดับมาก<br /><br /></p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266675 ความต้องการ แรงจูงใจ และการรับรู้ตราสินค้าที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ 2023-11-16T13:18:32+07:00 ลฎาภา ชัยตระกุลทอง [email protected] สหภาพ พ่อค้าทอง สหภาพ พ่อค้าทอง [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการ แรงจูงใจ และการรับรู้ตราสินค้าที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ (quantitative research) โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ (survey research) เพื่อวัดผลเพียงครั้งเดียว (one-shot case study) โดยศึกษากับผู้เรียนที่เคยเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 400 คน ที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกแพทย์แผนไทยจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา (quota sampling) และการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญโดยสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติพรรณนา และทดสอบสมมุติฐานด้วยสถิติไคสแควร์ และสถิติการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุคูณ</p> <p> จากผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 54.00 มีอายุระหว่าง 26-30 ปี ร้อยละ 29.25 ส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ร้อยละ 51.00 ประกอบอาชีพอิสระ ร้อยละ 23.50 และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 36.00 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความต้องการเรียนสาขานวดไทย ร้อยละ 32.00 และมีความต้องการเรียนผ่านแพตฟอร์ม โดยบันทึก VDO สามารถดูย้อนหลังได้ ร้อยละ 26.25 มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.45 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก การรับรู้ตราสินค้าหลักสูตรแพทย์แผนไทย ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และมีการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.34 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก</p> <p> ผลการทดสอบสมมุติฐานพบว่า 1) ผู้เรียนที่มีลักษณะทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกัน มีความต้องการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ แตกต่างกัน 2) ผู้เรียนที่มีความต้องการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ความถี่ในการเรียน/สัปดาห์ ระดับราคา และระดับความต้องการเรียนแตกต่างกัน มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ แตกต่างกัน ในขณะที่สาขาการแพทย์แผนไทย เนื้อหาหลักสูตร และวันในการเรียนที่แตกต่างกัน มีแรงจูงใจในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์โดยรวม ไม่แตกต่างกัน 3) การรับรู้ตราสินค้าในการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทย มีผลต่อการตัดสินใจเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 โดยเป็นผลเชิงบวก</p> <p> ผลการศึกษาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรแพทย์แผนไทยผ่านระบบออนไลน์ และช่วยให้มีทิศทางในการวางแผน การทำการตลาดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266788 สภาพปัญหา พฤติกรรมการใช้บริการ ความต้องการ และการตัดสินใจใช้บริการ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรม ในเขตเมืองพัทยา 2023-11-24T10:55:19+07:00 ศิวยาภรณ์ บุญชั้น [email protected] พจน์ ใจชาญสุขกิจ [email protected] <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสถานประกอบการกับ สภาพปัญหา พฤติกรรมการใช้บริการ ความต้องการและการตัดสินใจใช้บริการ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณดำเนินการเก็บข้อมูลในรูปแบบสำรวจ ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม จำนวน 400 ตัวอย่าง จำแนกผลการเก็บสถานประกอบการณ์ดังนี้ โรงแรม 185 แห่ง สปา 66 แห่ง พูลวิลล่า 68 แห่ง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 11 แห่ง คอนโด 15 แห่ง รีสอร์ท 48 แห่ง โรงเรียน 5 แห่ง โรงงาน 2 แห่ง และเก็บกลุ่มตัวอย่างจริงผ่านธุรกิจบริการซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1) Laundry Express 2) TT&amp;K Laundry Service 3) WC Laundry 4) Laundry Pattaya 5) ยินดีปรีดา ลอนดรี้ จำกัด 6) ธาราเซอร์วิส 7) QC Laundry ผลการวิจัยพบว่า ประเภทสถานประกอบการที่ใช้บริการมากที่สุดคือโรงแรม พบสภาพปัญหาในการใช้บริการมากที่สุดคือ ด้านทักษะภาษาในการสื่อสาร พฤติกรรมการใช้บริการพบว่า เหตุผลในการใช้บริการคือผ้าสะอาดกว่าซักเอง ความถี่ในการใช้บริการคือมากกว่า 10 ครั้งต่อเดือน และเป็นผ้าที่ต้องการใช้แบบวันต่อวัน ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการแบบซัก อบ และรีด ในส่วนของความต้องการให้ธุรกิจ ซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยามีมากที่สุดคือด้านกระบวนการ การติดตามสถานะการทำความสะอาดผ่านแอพพลิเคชั่นแบบ Real time และการตัดสินใจใช้บริการมากที่สุดคือ ความเชื่อมั่นในวัสดุและน้ำยาเคมีรวมถึงความเชี่ยวชาญการดูแลผ้าเพื่อยืดอายุการใช้งาน ดังนั้นการที่ผู้ประกอบธุรกิจซัก อบ รีด เชิงอุตสาหกรรมในเขตเมืองพัทยา จะได้ทราบถึงข้อมูลในการนำไปพัฒนากระบวนการตามความต้องการของลูกค้า จะช่วยยกระดับคุณภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดมากยิ่งขึ้น</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/266982 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย 2023-12-07T13:19:27+07:00 เดชอนันต์ บังกิโล [email protected] อนันตสิทธิ์ ออนตะไคร้ [email protected] กาญจนา ก้อใจ [email protected] <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นทางด้านการเงินบนโทรศัพท์มือถือในการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านคิวอาร์โค้ด จำนวน 398 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติการถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 81.4) &nbsp;มีอายุระหว่าง 21-30 ปี (ร้อยละ 42.7) อาชีพนิสิต/นักศึกษา (ร้อยละ 38.4) ระดับการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ร้อยละ 65.3) รายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 15,000 บาท (ร้อยละ 54.5) จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด ได้แก่ ปัจจัยด้านความตั้งใจใช้ของลูกค้า ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ ปัจจัยด้านทัศนคติ ปัจจัยด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัย และปัจจัยด้านความง่ายของการใช้บริการ อย่างไรก็ตาม พบว่า ปัจจัยด้านการรับรู้ความเสี่ยง และปัจจัยด้านการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง ไม่มีผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าในการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด</p> 2024-03-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JAR_CRRU/article/view/268008 ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่ม SETHD30 2024-01-31T13:25:56+07:00 วิชชกานต์ เมธาวิริยะกุล [email protected] ปานฉัตร อาการักษ์ [email protected] ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน [email protected] <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม SETHD30 และเพื่อสร้างสมการในการพยากรณ์การเสียภาษีของบริษัทดังกล่าว จำนวน 22 บริษัท ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2565 จำนวน 110 ข้อมูล และใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณในการวิเคราะห์ข้อมูล</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า เงินสดสุทธิได้มาจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน (NCO) และรวมรายได้ (TR) มีผลต่อการเสียภาษีของบริษัทดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 นอกจากนี้ สมการพยากรณ์ภาษีเงินได้ (ITE) ในรูปคะแนนมาตรฐานคือ ITE = .580(NCO) + .321(TR) ทั้งนี้ กรมสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการกำกับดูแลบริษัทดังกล่าว และนักวิชาการหรือนักวิจัยสามารถนำผลการวิจัยไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ที่มีประโยชน์ต่อการจัดเก็บภาษีของประเทศชาติต่อไป</p> 2024-04-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย