วารสารอินทนิลทักษิณสาร มหาวิทยาลัยทักษิณ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU <p>วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นวารสารของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ เริ่มจัดพิมพ์วารสารฉบับแรกเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นปีที่ 1 ฉบับที่ 1 (เม.ย. – ก.ย. 49) ต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2560) ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงชื่อวารสารเป็น<strong> อินทนิลทักษิณสาร (Inthaninthaksin Journal) ตั้งแต่ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2560) เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน</strong> โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์และเผยแพร่บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความปริทรรศน์ ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และสาขาวิชาอื่น ๆ หรือสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ อาทิ มานุษยวิทยา นิเทศศาสตร์ และวารสารศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจและการจัดการ นิติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จิตวิทยา สังคมวิทยา เป็นต้น โดยมีกำหนดออกปีละ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 มกราคม – กันยายน และ ฉบับที่ 2 กรกฏาคม – ธันวาคม และได้ประกาศเปลี่ยนแปลงจำนวนฉบับในการตีพิมพ์เป็นปีละ 3 ฉบับ เมื่อเดือนตุลาคม 2565 เป็น ฉบับที่ 1 (มกราคม - เมษายน), ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม) และ ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม)</p> <h3>วารสารอินทนิลทักษิณสาร</h3> <p><strong>ISSN 3027-6403 (Online)</strong></p> <p>Online ISSN 2672-9660 <strong>(ยกเลิก)</strong><br />Print ISSN 2672-9652 <strong>(ยกเลิก)</strong></p> <p>ปัจจุบัน วารสารอินทนิลทักษิณสาร (INTHANINTHAKSIN JOURNAL) ผ่านการรับรองคุณภาพจาก TCI ให้เป็นวารสาร "TCI กลุ่มที่ 2" ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 - 31 ธันวาคม 2567</p> <h3>อัตราการจัดเก็บค่าลงตีพิมพ์ผลงาน</h3> <p>อัตราการจัดเก็บค่าลงตีพิมพ์ผลงานวิชาการในวารสารอินทนิลทักษิณสาร มหาวิทยาลัยทักษิณ จะจัดเก็บในส่วนของค่าตอบแทนผู้ทรงคุณวุฒิ และค่าบริหารจัดการ ทั้งนี้ตั้งแต่ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2565) เป็นต้นไป ในอัตราดังนี้<br /><strong>1. บุคคลภายนอกมหาวิทยาลัยทักษิณ / บุคลากรและนิสิตภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ</strong> บทความละ 3,000 บาท (-สามพันบาทถ้วน-) กรณีแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมให้จัดเก็บในอัตรา 1,000 บาท/ท่าน (-หนึ่งพันบาทถ้วน-)<br /><strong>2. บุคลากร และนิสิต สังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ</strong> จะได้รับการยกเว้นการจัดเก็บค่าลงตีพิมพ์<br />โดยทางวารสารจะเก็บค่าตีพิมพ์ดังกล่าวหลังจากบรรณาธิการตอบรับการพิจารณาเบื้องต้นและตรวจสอบรูปแบบการเขียนตามแนวทางที่วารสารกำหนดเรียบร้อยแล้ว หลังจากการชำค่าธรรมเนียมดังกล่าว ทางกองจัดการฯ จะดำเนินการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาบทความต่อไป</p> คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ th-TH วารสารอินทนิลทักษิณสาร มหาวิทยาลัยทักษิณ 2672-9652 ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการเสริมสร้างสังคมฐานความรู้ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269946 <p>งานวิจัยเรื่อง ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการเสริมสร้างสังคมฐานความรู้ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้ มีวัตถุประสงค์คือ 1)เพื่อสืบค้นลักษณะภูมิปัญญาท้องถิ่น 2) กระบวนการเรียนรู้และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น 3) การพัฒนากระบวนการและพฤติกรรมการเรียนรู้เพื่อการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และ 4) จัดทำฐานข้อมูลเพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านเครือข่ายสถานศึกษา โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนภาคีและเครือข่าย มีกลุ่มเป้าหมายคือ 1) ตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบล 2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 3 สงขลา 3) ผู้อำนวยการโรงเรียน 4) คณะครูและนักเรียน 5) คณะกรรมการสถานศึกษา 6) ผู้นำชุมชน 7) นักพัฒนาชุมชน และผู้รู้หรือผู้อาวุโสในชุมชน และ8) ปราชญ์ชาวบ้านหรือครูภูมิปัญญาในชุมชนเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบการสนทนากลุ่มผลการวิจัยพบว่า ชุมชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้ทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มีต้นทุนวัฒนธรรมและมีลักษณะภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลายประกอบด้วย ภูมิปัญญาทางด้านอาหาร ยาสมุนไพร เกษตรกรรม และการทำจักสาน เน้นการหาเลี้ยงตัวเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีกระบวนการเรียนรู้และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจากการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านบรรพบุรุษ ส่วนใหญ่เป็นการถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสังคมเครือญาติ เช่น แม่ถ่ายทอดให้ลูกและหลาน ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม และจัดทำฐานข้อมูลเพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านเครือข่ายสถานศึกษา</p> ดำรงศักดิ์ แก้วเพ็ง วิไลพิน แก้วเพ็ง Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 47 71 การออกแบบผลิตภัณฑ์จากอัตลักษณ์ชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจชุมชนของตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269948 <p>ผลิตภัณฑ์ของชุมชนเป็นสินค้าที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และสามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ แต่ผลิตภัณฑ์ของชุมชนปูยูยังประสบปัญหารูปลักษณ์ของสินค้าที่ยังไม่มีคุณภาพ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ค้นหาและถอดอัตลักษณ์ท้องถิ่นของตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล และ 2) ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของท้องถิ่น เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจชุมชน การวิจัยเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยมีเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบประเมิน และการสนทนากลุ่มย่อย ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กาหมาด ในหมู่ที่ 1 บ้านเกาะยาว และ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กะปิ และสัตว์น้ำทะเลแปรรูป ในหมู่ที่2 บ้านตันหยงกาโบย และหมู่ที่ 3 บ้านปูยู และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลปูยู ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องในตำบลปูยู 3 หมู่บ้าน คือหมู่ที่ 1 บ้านเกาะยาว หมู่ที่ 2 บ้านตันหยงกาโบย และ หมู่ที่ 3 บ้านปูยู ผลการวิจัยพบว่า อัตลักษณ์ภูมิทัศน์ธรรมชาติ ที่โดดเด่นของตำบลปูยู ได้แก่ ปลา เกาะปราสมานา เกาะการ๊าฟ และถ้ำลอดปูยู ส่วนอัตลักษณ์ภูมิทัศน์วัฒนธรรม ได้แก่ ความเป็นชุมชนมุสลิม และวิถีชีวิตของชุมชนประมงชายฝั่ง ที่สามารถนำมาออกแบบตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชุมชน จำนวน 6 รูปแบบซึ่งตราสินค้าที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นจากการมีส่วนร่วมของชุมชนสามารถทำให้เกิดความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว จะสามารถรองรับการท่องเที่ยวและยกระดับรายได้แก่ชุมชนในอนาคตได้</p> นิสากร กล้าณรงค์ ศุภรัตน์ พิณสุวรรณ Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 73 92 องค์ประกอบทางการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งและแกลมปิ้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269950 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบทางการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งและแกลมปิ้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และ 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากนักท่องเที่ยว และผู้ใช้บริการการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งและแกลมปิ้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือนักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใช้บริการพักแรมในพื้นที่ลานกางเต็นท์ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จำนวน 428 คน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบสำหรับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้ง และแกลมปิ้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าด้านสิ่งดึงดูดใจ มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการเข้าถึง ด้านบุคลากรผู้ให้บริการ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และด้านที่น้อยที่สุดคือ ด้านการประชาสัมพันธ์ และ 2) พื้นที่พักแรมแบบแคมป์ปิ้ง และแกลมปิ้ง ควรตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งนันทนาการอื่นเพื่อสะดวกในการเดินทางและควรมีการจัดทำเส้นทางเชื่อมโยงไปยังส่วนต่าง ๆ เพื่อสะดวกต่อการเดินไปสู่สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และควรมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตรา เพื่อคอยให้คำแนะนำและดูแลความเรียบร้อย มีการกล่าวตักเตือนต่อนักท่องเที่ยวที่ใช้เสียงดังรบกวนคนอื่น</p> ชนิษฐา ใจเป็ง Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 93 111 แนวทางการอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวกะเหรี่ยงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาชุมชนบ้าน หนองบางและชุมชนบ้านทุ่งเสือโทน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269952 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประเพณีฟาดข้าวของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และเพื่อศึกษาแนวทางการอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประยุกต์วิธีวิจัยทางมานุษยวิทยา กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ 1) ผู้นำชุมชน 2) ผู้ประกอบพิธีกรรม 3) ปราชญ์ชุมชน และ 4) กลุ่มเกษตรกรในชุมชน จำนวน 14 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลรอง ได้แก่ กลุ่มเยาวชน กลุ่มพ่อค้าคนกลาง และหน่วยงานราชการ จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบสังเกต และ 3) ประเด็นสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในอำเภอทองผาภูมิมีประเพณีฟาดข้าวที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน การจัดประเพณีฟาดข้าวเพื่อแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ ขอขมาและขอขอบคุณแม่โพสพที่ดูแลข้าวให้อุดมสมบูรณ์ สถานการณ์ปัจจุบันการฟาดข้าวเริ่มเลือนหายไปจากชุมชนกะเหรี่ยงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ดังนั้นแนวทางการอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง คือ 1) ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนควรอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวไว้ในหลักสูตร เพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้และมองเห็นถึงความสำคัญของประเพณีฟาดข้าว 2) การเผยแพร่ความรู้การฟาดข้าวที่สัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตให้แก่เยาวชน 3) บรรจุแผนการจัดประเพณีให้กับหน่วยงานที่ดูแลวัฒนธรรม และ 4) คนทุกช่วงวัยร่วมมือการส่งเสริมวัฒนธรรมการฟาดข้าวให้คงอยู่ต่อไป แนวทางอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีจุดหมายเพื่อสร้างอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์สู่สำนึกรักถิ่นตนเพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาชุมชน สังคม อย่างยั่งยืน</p> วีระวัฒน์ อุดมทรัพย์ พจนีย์ สุขชาวนา วิยะดา พลชัย สุภพงษ์ สุขชาวนา เศกสิทธิ์ ปักษี นพรัตน์ ไชยชนะ Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 113 139 บทบาทรัฐสภาในการพัฒนากฎหมายที่เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269955 <p>การวิจัยเรื่อง บทบาทรัฐสภาในการพัฒนากฎหมายที่เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเสนอแนะแนวทางการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อประกอบการตัดสินใจของหน่วยงานผู้รับผิดชอบในเชิงนโยบายต่อรัฐสภา และ 2) เพื่อเสนอแนะบทบาทรัฐสภาต่อการพัฒนากฎหมาย นโยบายภาครัฐที่เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากหน่วยงานภาครัฐ คือ ทนายความ นิติกร อัยการ ผู้พิพากษา นักวิชาการที่มีประสบการณ์ด้านกฎหมายและด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หน่วยงานภาคธุรกิจ คือ มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ผู้ประกอบการการท่องเที่ยว/บริษัททัวร์ ร้านค้า/ของที่ระลึก พนักงานขับรถโดยสาร ผู้ประกอบการธุรกิจ และประชาชนในพื้นที่และ/หรือผู้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่การวิจัย โดยใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวนทั้งสิ้น 30 คน และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาข้อสรุป ผลการศึกษาพบว่า 1) การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประสบความสำเร็จสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการผลิตเพื่อใช้สู่การผลิตเป็นธุรกิจ การใช้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และกลไกการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมเชิงวัฒนธรรม 2) รัฐสภาสามารถเสนอให้มีการแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อเป็นกรอบกฎหมายสามารถสะท้อนถึงแนวคิดใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับประเด็นด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และรัฐสภาทำหน้าที่ในการติดตามกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อการนำไปใช้ในการควบคุมในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม</p> เฉลิมศักดิ์ บุญนำ สุนิสา เชาวน์เมธากิจ Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 141 169 ผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบผสานวิธีที่มีต่อทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ ในบริบทของภาษาอังกฤษในฐานะภาษากลางของโลก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269956 <p>This research aimed to investigate the effects of the blended learning model on EFL students’ speaking skills in the context of English as a lingua franca and to survey their opinions on learning through the model. The participants were twenty first–year students who studied accounting and enrolled in an English for communication course in the first semester of the academic year 2021 at That Phanom College, Nakhon Phanom University. The instruments for conducting this research were the blended learning model, lesson plans, tests of speaking skills in the context of English as a lingua franca, and the questionnaire on the opinion towards learning through blended learning model. The findings indicated that the students’ scoring level of speaking skills in the context of English as a lingua franca was significantly higher after learning through the blended learning model. Besides, their opinion towards learning through blended learning model was positive in all aspects: contents of the model, activities of the model, media and tools of the model, and the usefulness of the model for developing speaking skills in the context of English as a lingua franca.</p> Ditthawat Thongsook Sukanya Kaowiwattanakul Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 171 197 บทบรรณาธิการ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269941 <p>วารสารอินทนิลทักษิณสาร ฉบับที่ 19 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม -เมษายน 2567 ยังคงนำเสนอผลงานทางวิชาการที่คุณภาพเฉกเช่นเดิม โดยมีบทความวิชาการและบทความวิจัยที่ถูกนำส่งมาพิจารณาจากหลากหลายหน่วยงานและสถาบัน ซึ่งจากการคัดเลือกของกองบรรณาธิการ ทำให้ได้บทความวิชาการ จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ บทความเรื่องอัตลักษณ์ผู้ทรงอิทธิพลในการนำเสนอเนื้อหาด้านอาหารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ติ๊กตอก และบทความเรื่องการตัดสินใจทางการศึกษาผ่านประสบการณ์เรื่องเล่าของนักศึกษาจีน คณะวิเทศศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต และบทความวิจัย จำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ 1) บทความเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการเสริมสร้างสังคมฐานความรู้ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนใต้ 2) บทความเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์จากอัตลักษณ์ชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจชุมชนของตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 3) บทความเรื่ององค์ประกอบทางการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งและแกลมปิ้ง ในเขตอุทยาน แห่งชาติดอยขุนตาล 4) บทความเรื่อง แนวทางการอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวกะเหรี่ยงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน : กรณีศึกษาชุมชนบ้านหนองบางและชุมชนบ้านทุ่งเสือโทน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 5) บทความเรื่องบทบาทรัฐสภาในการพัฒนากฎหมายที่เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และ 6) บทความเรื่องผลการใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานวิธีที่มีต่อทักษะการพูดภาษาอังกฤษในฐานะที่เป็นภาษากลางของโลกของนักศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษา ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละบทความล้วนเป็นบทความที่น่าสนใจ และเป็นการประมวลความรู้ทันสมัยกับสถานการณ์ปัจจุบัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปอนาคตจากผู้อ่าน ทุกท่าน สำหรับปีที่ 19 นี้มีเรายังมีบทความส่งมาให้เข้ามาพิจารณาเป็นจำนวนมาก ซึ่งกองบรรณาธิการขอขอบคุณผู้ประพันธ์ทุกท่านที่ต่างเลือกให้วารสารของเราได้มีส่วนในการช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ดีๆ ของท่านเหล่านั้น แม้ว่าบางบทความอาจจะถูกปฏิเสธไปด้วยเหตุผลบางประการก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามทาง กองบรรณาธิการ จะพยายามปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อให้ได้วารสารที่มีคุณภาพที่ดียิ่งๆ ขึ้น หากการดำเนินงานใดของวารสารมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น ท่านสามารถให้ข้อเสนอแนะหรือท้วงติงมายังวารสารได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางวารสารของเราจะได้รับความไว้วางใจจากนักวิจัย นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิอย่างต่อเนื่องในวาระถัดไป</p> เสริมศักดิ์ ขุนพล Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 5 6 อัตลักษณ์ผู้ทรงอิทธิพลในการนำเสนอเนื้อหาด้านอาหารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ติ๊กตอก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269943 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของผู้ทรงอิทธิพลในการนำเสนอเนื้อหาด้านอาหารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ติ๊กต็อก ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยอัตลักษณ์ ที่สร้างขึ้นจะถูกนำเสนอผ่านมิติด้านเนื้อหาและการดำเนินเรื่อง มิติด้านภาษา มิติด้านการใช้ภาพ และมิติด้านเทคนิคการตกแต่งเพิ่มเติม เป็นการประกอบสร้างร่วมกันระหว่างผู้ทรงอิทธิพลและผู้ประกอบการธุรกิจอาหารที่มาจากรับรู้เกี่ยวกับตนเอง ที่ตั้งใจสร้างขึ้น และที่เกิดการตระหนักรู้ของผู้อื่น อัตลักษณ์เหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบที่สร้างความน่าสนใจให้เนื้อหาด้านอาหารที่เป็นรูปแบบของผู้ทรงอิทธิพลแต่ละคน และมีการผลิตซ้ำไปเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อความสนใจและตัดสินใจซื้อ หรือการใช้บริการร้านอาหารของผู้บริโภค ตลอดถึงการเติบโตของธุรกิจอาหารที่มาจากยอดขาย ขณะเดียวกันอัตลักษณ์ที่ถูกใจผู้ชมเหล่านี้จะส่งผลให้ผู้ทรงอิทธิพลนั้น ๆ ขยับตนเองไปสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับที่สูงกว่าต่อไป</p> เทียนทิพย์ เดียวกี่่ ปทิตตา โกศัลวิตร Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 9 25 การตัดสินใจทางการศึกษาผ่านประสบการณ์เรื่องเล่าของนักศึกษาจีนคณะวิเทศศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/269944 <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งนำเสนอประเด็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักศึกษาจีน หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ธุรกิจระหว่างประเทศ: จีน) คณะวิเทศศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ผ่านการตั้งคำถามและหาคำตอบในบทสนทนาโดยใช้กรอบแนวคิดวิภาษวิธี การศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักศึกษาจีนประกอบด้วย 8 ปัจจัย ได้แก่ (1) การรองรับทางการศึกษา (2) การส่งเสริมและการแนะแนวศึกษาต่อในต่างประเทศ (3) การเปิดโลกทัศน์ในต่างประเทศ (4) ความเชื่อมั่นในคุณภาพการศึกษา (5) ความร่วมมือและข้อตกลงระหว่างสถาบันการศึกษา (6) ค่าครองชีพ (7) โอกาสการได้งานทํา (8) สังคม วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว ปัจจัยทั้ง 8 ประการสามารถนำเหตุผลผ่านประสบการณ์การตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาของนักศึกษาจีนมาพัฒนาหลักสูตร 3 ด้าน ได้แก่ นักเรียนจีนแรกเข้าศึกษา ระบบการจัดการศึกษา ตลาดแรงงานสังคม</p> พิทยา ลิ่มบุตร Copyright (c) 2024 วารสารอินทนิลทักษิณสาร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-23 2024-04-23 19 1 27 45